บทที่ 158 เฟิงยี่ช่วยกู้สถานการณ์
เธอหันกลับไปมองทางถังลั่วเหยา ถังลั่วเหยาส่ายหน้าให้เธออย่างเอาเป็นเอาตาย กลั้นน้ำตาจากความตระหนก กัดฟันพูด: “พี่หนิงหนิง ไม่ใช่ของฉันนะ มีคนใส่ร้ายฉัน”
ความจริงแล้วเธอไม่พูดจิ่งหนิงก็รู้
ใส่ร้ายกันซึ่งๆ หน้า ถังลั่วเหยาเป็นคนแบบไหนเธอเองรู้ดี ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอจะทำลายชื่อเสียงอนาคตตนเองเพราะของพวกนี้หรือไม่
ดูกาลเทศะของงานวันนี้แล้ว นอกจากสมองมีปัญหาเท่านั้นถึงจะเอาของแบบนี้เข้ามาที่นี่
จิ่งหนิงกดความโกรธไว้แล้วพูดกับตำรวจ: “เรื่องนี้เกรงว่ายังจะมีเบื้องหลังแน่ ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้ทำเรื่องนี้”
ตำรวจนายนั้นหัวเราะเสียงเย็น “ใช่หรือไม่ใช่ของเธอ ต้องไปตรวจสอบที่สถานีตำรวจก่อนถึงจะตัดสินได้ ไม่ใช่พอพวกเธอว่าใช่ก็ใช่”
พูดจบ ก็ไม่สนใจจิ่งหนิง โบกมือใหญ่ “พาไป!”
“รอเดี๋ยว!”
จิ่งหนิงสีหน้าเปลี่ยนไป แต่แค่เธอกับลู่หยั่นจือสองคนแม้อยากขวางไว้ก็ขวางไว้ไม่ได้
สายตาเห็นพวกเขาพาถังลั่วเหยาเดินออกไป จิ่งหนิงก็ไม่สนใจอะไรแล้ว รับควักโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฟิงยี่
ลู่จิ่งเซินสองวันนี้ไปทำงานที่ต่างประเทศหวังพึ่งเขาไม่ได้ ดีที่วันนี้เฟิงยี่ก็มาด้วย
เขาเป็นคุณชายของเฟิงซื่อกรุ๊ป มีหุ้นส่วนในอานหนิงกั๋วจี้ ซิงฮุยก็เป็นสังกัดที่อยู่ภายใต้การบริหารของอานหนิงกั๋วจี้ เขาไม่น่าจะไม่สนใจ”
ในห้องรับรองแขก เฟิงยี่กำลังคุยกับผู้อาวุโสหลายคนอยู่พอดี อยู่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์สายนี้ ตกใจจนแทบกระโดดลุกขึ้นจากโซฟา
“อะไร? คุณบอกว่าเธอถูกค้นเจอยาเสพติด? ถูกจับตัวไปแล้ว?”
“ใช่! แต่ว่าตอนนี้ข้างนอกน่าจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรีบติดต่อคุณทันที เฟิงยี่ คุณรีบหาวิธี เอาคนออกมาก่อนแล้วค่อยพูด!”
จิ่งหนิงจัดการอย่างเด็ดขาด เมื่อพูดจบก็ไม่ให้เวลาเขาได้ตอบ เสียง “ติ๊ด” ดังขึ้นวางสายไปแล้ว
เฟิงยี่งุนงงอยู่ตรงนั้นอยู่นานกว่าจะได้สติกลับคืนมา
เพราะลุงหลินที่อยู่ข้างหลังตบไหล่เขา
“คุณชายเฟิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
เขาถึงสะดุ้งโหยง ได้สติกลับมา เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองหลายคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา
“ขออภัย เกิดเรื่องด่วนขึ้น ผมต้องไปเดี๋ยวนี้ ครั้งหน้าค่อยคุยรายละเอียดกันคุณลุง”
พูดจบแล้วก้าวอย่างรีบร้อนออกไปทันที
สถานีตำรวจ
ถังลั่วเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็ก กำลังรอผลตรวจปัสสาวะ
ตรวจสอบถุงยาที่ซุกซ่อนไว้แล้วก็ไม่พบรอยนิ้วมือของเธอ
หมายความว่ายืนยันได้แล้วว่ายาเสพติดนั้นไม่ใช่ของเธอ แต่เธอยังต้องตรวจปัสสาวะ ยืนยันว่าเธอไม่ได้สูดดมมาก่อน
ถังลั่วเหยารู้สึกไม่ดีมาก
คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
ถูกลอบกัดไม่รู้ตัว ไม่มีแม้แต่โอกาสจะอธิบาย
เมื่อเฟิงยี่พาคนมาถึง ก็เห็นเธออยู่คนเดียว นั่งอยู่ที่เก้าอี้บนทางเดิน บนมือยังถูกใส่กุญแจมือ ท่าทางอ่อนแอทำอะไรไม่ถูก
เขาใจกระตุกไปชั่วขณะ รีบร้อนเดินเข้าไป
“ถังลั่วเหยา คุณเป็นอย่างไรบ้าง?”
ถังลั่วเหยาเงยหน้าขึ้นมา เห็นเป็นเขา นัยน์ตาที่ขมุกขมัวก็ปรากฏความหวังอันริบหรี่
“เฟิงยี่!คุณมาได้อย่างไร?”
เธอลุกยืนขึ้น
เฟิงยี่ขมวดคิ้วแน่นด้วยสีหน้าไม่น่ามอง “เกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ผมมาไม่ได้?”
ถังลั่วเหยาฝืนยิ้มออกมา “พูดแบบนี้ คนที่เขาไม่รู้จะคิดว่าทำไมสองคนนี้ขาติดกันหรืออย่างไร?”
เฟิงยี่ได้ยินแบบนั้น สีหน้านิ่งไป ก่อนจะโบกมือ “เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? รีบบอกผมมา!”
ถังลั่วเหยาเล่าถึงตนเองถูกบริกรชนได้อย่างไร แล้วก็ถูกตำรวจพาไปค้นตัวได้อย่างไรแล้ว
ความจริงเรื่องมันง่ายมาก ไม่ต้องอธิบายอย่างละเอียด เฟิงยี่ก็เข้าใจแล้ว
ฟังถังลั่วเหยาเล่าจบแล้ว เฟิงยี่ก็ยิ้มเย็นออกมา
แผนอุบายโจ่งแจ้งขนาดนี้ แค่มองก็เห็นช่องโหว่มากมาย ไม่ได้ใส่ร้ายยัดของกลางเพื่อให้ถังลั่วเหยาถูกดำเนินคดี
เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องมาถึงสถานีตำรวจ เพียงแค่ตรวจสอบดู ก็หาความจริงได้แล้ว
นี่เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งของบางคน เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ ให้เธอเป็นที่อับอาย
อย่างที่คิดไว้ ไม่นานผลตรวจปัสสาวะก็ออกแล้ว
ถังลั่วเหยาไม่ได้สูดดมมาก่อน ตัวอย่างเลือดก็ไม่พบประวัติการใช้ยา
เธอบริสุทธิ์
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าตนไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้เด็ดขาด แต่เมื่อเห็นผลตรวจแล้ว ถังลั่วเหยาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอยู่ดี
ตำรวจเห็นเฟิงยี่มาแล้ว จะจับกุมคนไว้ต่อก็ไม่เป็นเรื่องดี อย่างไรเสียก็พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่าถังลั่วเหยาบริสุทธิ์
ดังนั้นเขาเลยยิ้มเดินเข้ามา เอ่ยกลั้วหัวเราะกับเฟิงยี่: “คุณชายเฟิง ต้องขออภัยจริงๆ เป็นการเข้าใจผิดกัน ในเมื่อคุณถังเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของคุณ ย่อมต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว รบกวนคุณมาตอนกลางดึก ต้องขออภัยด้วย”
เฟิงยี่เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแล้วก็ยิ้มออกมา
“นายตำรวจหลี่หมายความว่า เรื่องนี้ก็แล้วกันไปแบบนี้?”
“เอ่อ…”
นายตำรวจหลี่มองถังลั่วเหยาอย่างกระอักกระอ่วน แล้วมองเขา เอ่ยยิ้มๆ : “คุณชายเฟิงหมายความว่า…”
“เหอะ ศิลปินของผมถูกคนใส่ร้าย พวกคุณไม่แยกแยะให้ดีแล้วพาเธอออกมาท่ามกลางผู้คนเยอะแยะ สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของเธอจะรับผิดชอบอย่างไร?
ละครที่พวกเราอานหนิงกั๋วจี้ทุ่งเงินลงทุนถ่ายทำไปหลายร้อยล้านกำลังจะเริ่มออกอากาศ ก่อนจะออกอากาศกลับมีข่าวนักแสดงหญิงเข้าสถานีตำรวจถูกแพร่ออกไป สูญเสียเรตติ้งผู้ชมจะทำอย่างไร?”
นายตำรวจหลี่เพียงแค่รับโทรศัพท์แล้วไปจับคน ไม่ได้คิดอะไรมากตั้งแต่แรก
ตอนนี้ถูกเขาถามแบบนี้ จึงมึนงงไปชั่วขณะ
“นี่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ความบริสุทธิ์ของคุณถังยืนยันได้แล้ว? ถ้าคุณชายเฟิงเป็นห่วงว่าจะเป็นข่าวซุบซิบ สำนักงานเราสามารถประกาศและโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตให้ได้”
เฟิงยี่กระตุกมุมปากอย่างเย็นชา
“ถ้าประกาศมีประโยชน์ จะมีเรื่องถูกใส่ร้ายให้ชื่อเสียงเสียหายเหรอ?”
หลายปีมานี้ ไม่ว่าคุณจะประกาศที่ไหน แค่คนเข้ามาถึงสถานีแล้ว ข้างนอกก็สามารถทำเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
โดยเฉพาะเกี่ยวกับสารเสพติดที่เป็นประเด็นอ่อนไหวแบบนี้
ถ้าหากเข้าไปแล้วไม่ได้ออกมา โดนดำเนินคดีตามกฎหมาย คนก็จะว่าชีวิตส่วนตัวคุณยุ่งเหยิง ในวงการนี้ไม่มีใครเป็นคนดี
ถ้าเข้าไปแล้วออกมาอีกครั้ง ไม่มีการดำเนินคดี คนก็จะว่าคนที่อยู่ข้างหลังคุณใหญ่ ต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกันแน่นอน
ดังนั้น ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ไม่ว่าใครจะออกมายืนยันรับรอง
เพียงแค่มีคนเห็นถังลั่วเหยาถูกพาออกมาจากโถงใหญ่ของงานเลี้ยง จุดด่างพร้อยบนตัวเธอก็จะล้างไม่ออก
นี่เป็นสถานะของการอยู่รอดดารานักแสดงและเป็นธรรมดาของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
ชอบมโนเป็นโรคอย่างหนึ่งที่ไม่มีหมอและยารักษา
ทันทีที่นายตำรวจหลี่ได้ยินคำพูดของเฟิงยี่ ก็รู้ชัดแล้วว่าเขาไม่ยอมรามือไปง่ายๆ จึงอดไปไม่ได้ที่จะกังวล
“คุณชายเฟิง พวกเรารักษาความยุติธรรม เรื่องนี้คุณต้องเข้าใจ ถ้าหากทำให้คุณและคุณถังลำบากใจ ต้องขออภัยจริงๆ แต่พวกเราทำไปตามขั้นตอนปกติ คิดไม่ถึงจริงๆ …”