บทที่ 176 ประธานลู่ออดอ้อน
เมื่อถึงตอนที่จำเป็นต้องออกไปแล้ว นายหญิงหชินจึงได้มาพาอานอานออกไป
เห็นท่าทางอาลัยอาวรณ์ของเด็กน้อย จิ่งหนิงก็ทำใจไม่ค่อยได้เหมือนกัน
คิดไม่ถึงว่าอยู่ ๆ อานอานก็ดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ ดวงตาคู่นั้นกระพริบปริบ ๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส : “หม่ามี้ คุณทวดบอกว่า หม่ามี้กับแด๊ดดี้จะมีน้องชายให้หนู เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?”
จิ่งหนิง : “? ? ? ?”
นายหญิงหชินตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
แม้แต่ลู่จิ่งเซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็หยุดนิ่งไปด้วย มองไปที่เธอด้วยท่าทีตื่นตกใจ
ราวกับเวลาได้หยุดนิ่งไป!
อานอานงงงวยเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาที ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองเผลอหลุดปากพูดไปแล้ว!
เธออุทานด้วยความตกใจ มือเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเนื้อนั้นได้ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แน่น
ดวงตาโตใสแป๋วคู่นั้น กระพริบปริบ ๆ มองไปยังจิ่งหนิงอย่างน่าสงสาร
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ……หม่ามี้ อานอานไม่ได้ตั้งใจนะคะ!
อานอานไม่ได้อยากหลอกหม่ามี้นะ อานอานก็แค่อยากอยู่กับหม่ามี้!
คุณทวดบอกว่า ขอแค่มีน้องชาย หม่ามี้ก็จะไม่แยกจากแด๊ดดี้ จะอยู่กับอานอานตลอดไป!
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ……อานอานผิดไปแล้ว!
จิ่งหนิงหันกลับไปมองลู่จิ่งเซิน
เพียงเห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูสับสนมาก ปากเผยอเล็กน้อย ก็แทบอยากให้มีหลุมโผล่มาบนพื้นทันที แล้วฝังตัวเองไปซะ
เมื่อเผชิญหน้ากัน นายหญิงหชินก็ตั้งสติขึ้นมาได้ แล้วยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
“นี่ นี่……จะพูดยังไงดีล่ะ……”
นายหญิงหชินรู้สึกกระอักกระอ่วนจนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้ายกลับทำอะไรไม่ถูกเพราะเรื่องเล็ก ๆ เรื่องนี้
จิ่งหนิงอยู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ฉันก็ว่าทำไมฉันกับอานอานถึงมีวาสนาต่อกันขนาดนี้! เห็นครั้งแรกก็รู้สึกชอบเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ แถมเธอยังเอาแต่ดึงฉันเรียกฉันว่าหม่ามี้ตลอด ที่แท้พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ดูท่าทางความรู้สึกของฉันนี่ค่อนข้างแม่นยำอยู่นะ”
ทุกคนต่างอึ้งไปเลย
จิ่งหนิงไม่ได้พูดถึงเรื่องที่พวกเขาจงใจปกปิดฐานะตัวเอง ไม่ได้เอ่ยพูดถึงเรื่องอื่นอีก และก็ไม่ได้โกรธด้วย
เพียงแต่พูดประโยคนั้นออกมาเพื่อให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไป คลายความกระอักกระอ่วนที่อยู่ตรงหน้าไปได้
นี่ นี่ก็ช่าง……
ช่างเข้าอกเข้าใจคนอื่นได้ดีอะไรอย่างนี้!
ทันใดนั้นนายหญิงหชินก็ซาบซึ้งใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ แล้วเดินหน้าไปก้าวหนึ่งจับมือของจิ่งหนิงไว้ เอ่ยพูดออกมาอย่างสะอึกสะอื้นว่า : “หนิงหนิง ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้ฉัน……”
“ฉันเข้าใจทั้งหมดค่ะ” จิ่งหนิงยิ้มออกมา แล้วลูบมือของเธอที่จับมือตัวเองอยู่เบา ๆ เป็นการปลอบใจ
“พ่อแม่ที่รักลูก ก็ย่อมคิดถึงอนาคตของลูก นายหญิงหชินอยากรู้ว่าหลานชายของตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหน ก็เป็นเพราะความรักความห่วงใย ถึงแม้วิธีการจะไม่ถูกต้อง แต่ความตั้งใจเดิมนั้นคือปรารถนาดี ฉันเข้าใจได้ค่ะ”
นายหญิงหชินซาบซึ้งใจจนร้องไห้ ฮือ ฮือ ออกมาไม่หยุด
“ฉันรู้ดีว่าหนิงหนิงของพวกเรามีเมตตารู้จักให้อภัยคนอื่น”
จิ่งหนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรอีก
เธอมองไปที่อานอาน แล้วคุกเข่าลง
อานอานยังคงใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าตัวเองเอาไว้ เพราะรู้ว่าตัวเองทำผิด ท่าทางเสียอกเสียใจ
จิ่งหนิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วยื่นมือไปแกะมือเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเนื้อของเธอออก ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ใบหน้ากลมที่สวยขนาดนี้อย่าปิดเอาไว้อีกเลย ระวังปิดเอาไว้จนหน้าเป็นรอยแล้วจะไม่สวยนะจ๊ะ!”
อานอานแอบมองลอดระหว่างนิ้ว ค่อย ๆ มองเธออย่างระมัดระวัง แล้วเอ่ยถาม : “หม่ามี้ ไม่โกรธหนูเหรอคะ?”
จิ่งหนิงส่ายหน้า “ไม่โกรธจ๊ะ”
“แต่อานอานพูดโกหก อานอานนิสัยไม่ดี!”
“ไม่ดื้อนะคะ ขอแค่ต่อไปอานอานไม่ทำแบบนี้อีกก็โอเคแล้ว”
“จริงเหรอคะ? ขอแค่ต่อไปปรับปรุง หม่ามี้ก็จะไม่โกรธใช่ไหมคะ?”
“จ๊ะ จริงจ๊ะ”
จิ่งหนิงพยักหน้าหงึก ๆ ทันใดนั้น อานอานก็ดีใจกระโดดโลดเต้น เอามือลงแล้วเข้าไปกอดเธอ
“ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ……หม่ามี้ อานอานคิดถึงจัง ในที่สุดอานอานก็มีหม่ามี้แล้ว”
ตัวเล็กนุ่ม ๆ นั้นกอดอยู่ในอ้อมกอด ทำให้จิ่งหนิงรู้สึกอบอุ่นใจ
แม้จะมีความรู้สึกไม่สบายอยู่เล็กน้อย แต่ก็เหมือนจะหายไปมากแล้ว
เธอยิ้มออกมา แล้วลูบหลังอานอานเบา ๆ เอ่ยพูดด้วยความเอ็นดูว่า : “จ๊ะ ต่อไปอานอานมีหม่ามี้แล้วนะ หม่ามี้จะรักหนูนะคะ”
อานอานดีใจมากมาย
แต่จะเสียเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ลู่จิ่งเซินมองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูด : “พวกเราต้องไปสนามบินแล้ว พวกเธออยู่เที่ยวเล่นที่นี่อีกสักสองวันก็รีบกลับกันเถอะ”
เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า : “ระยะนี้ เดี๋ยวฉันค่อยพาหนิงหนิงกลับเมืองหลวงไปเยี่ยมลูกนะ”
อานอานอาลัยอาวรณ์ไม่อยากแยกจากจิ่งหนิง แต่เธอก็เชื่อฟัง สุดท้ายไปส่งถึงสนามบินแล้วก็ยังจะตัดใจบอกลากับจิ่งหนิงไม่ได้
ก่อนจะไป จิ่งหนิงจูบที่หน้าผากของเธอ แล้วเอาจี้หยกอันเล็กที่ตัวเองพกติดตัวมอบให้อานอาน นั่นเป็นเครื่องรางที่เธอพกติดตัวมาตั้งแต่เด็กจนโต ได้ยินมาว่าอานอานสุขภาพไม่แข็งแรง ก็หวังว่าของสิ่งนี้จะทำให้เธอได้พบกับโชคดี
หลังจากร่ำลากันแล้ว ก็ไปขึ้นเครื่อง
บินกลับไปต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อขึ้นมาบนเครื่องบิน จิ่งหนิงก็นั่งลงแล้วหลับตา ทำท่าทางไม่อยากสนใจอะไรอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าก็ไม่มีรอยยิ้มเหมือนกับเมื่อสักครู่แล้ว ใบหน้าเย็นชา บ่งบอกได้ว่ากำลังโกรธ
ลู่จิ่งเซินมองเธออย่างตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาควรจะห้ามปรามถึงจะถูก ไม่ควรปล่อยพวกเขาทำตามอำเภอใจ ทำเอาตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็โดนขุ่นเคืองใจไปด้วย
เครื่องบินขึ้นบินแล้ว ภายในห้องโดยสารตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครวุ่นวาย แม้ว่าจะมีเสียงพูดคุยกันบ้างในบางครั้ง แต่เสียงก็เบามาก ภายใต้สภาวะเสียงหลุมอากาศนั้นแทบทำให้ไม่ได้ยินเสียงคุยกันเลย
ลู่จิ่งเซินไม่รู้ว่าเธอหลับแล้วหรือยัง ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกน้อยใจมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ไม่กล้าถามอะไรทั้งนั้น
สุดท้าย เพราะกลัวว่าเธอจะหนาว เลยถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก แล้วคลุมบนตัวเธอไว้
คิดไม่ถึงว่าเมื่อวางเสื้อบนตัวเธอ ก็ถูกเธอดึงมันทิ้งไป
เฮ้ย นี่ยังไม่หลับอีกเหรอ?
ลู่จิ่งเซินยิ่งรู้สึกกังวลใจ เอ่ยถามเสียงเบา ๆ ว่า : “โกรธเหรอ?”
จิ่งหนิง เหอะ ออกมาด้วยเสียงเย็นชา ไม่ตอบคำถามเขา
ลู่จิ่งเซินจึงได้แต่อธิบายออกไปด้วยความลำบากใจ “ที่จริงฉันก็อยากบอกเธอนะ แต่อย่างแรก ต่อหน้านายหญิงหชิน กลัวว่าจะทำให้นายหญิงหชินรู้สึกเสียหน้า อย่างที่สองคืออยากให้นายหญิงหชินอธิบายกับเธอเองภายหลัง แบบนี้จะพูดง่ายกว่า แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้อานอานจะพูดออกมาเอง หนิงหนิง ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
จิ่งหนิงลืมตาขึ้นมา เปิดเปลือกตาขึ้นแล้วแสยะยิ้มมองเขา
“ดังนั้น นี่ก็คือเหตุผลที่นายปิดบังฉันงั้นสิ?”
ลู่จิ่งเซินรีบทำหน้าจริงจัง เอ่ยพูดเสียงเข้ม : “ไม่ใช่”
“งั้นนายมาอธิบายอะไรตรงนี้ล่ะ?”
“ฉัน……”
เขาพูดอะไรไม่ออกทันที
ประธานลู่ผู้ยิ่งใหญ่ ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตนขอร้องใครมาก่อน จนถึงตอนนี้อยากขอร้อง ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
สุดท้าย เขาก็ได้เอ่ยพูดด้วยความเสียใจอย่างจริงจัง : “ขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้ว!”
จิ่งหนิงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
“ฉันรู้ ฉันไม่ควรช่วยคุณย่าปิดบังเธอ ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ!”
“เหอะ!”
“หนิงหนิง ยกโทษให้ฉันเถอะนะ!”
จิ่งหนิงหันไปทางอื่น ไม่สนใจเขา
ลู่จิ่งเซินมองเธอ จากนั้นยื่นมือออกไป ดึงชายเสื้อเธออย่างระมัดระวัง แล้วแกว่งชายเสื้อไปมาเบา ๆ
“เมียจ๋า~~”
งื้อ~~~~
จอมปีศาจกำลังออดอ้อน เคยเห็นกันไหม?
จิ่งหนิงแทบจะขนลุกซู่ หันกลับไปจ้องเขา แล้วกัดฟันพูด “ปล่อยมือ!”