วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 180 ชอบทำตัวแปลก ๆ

บทที่ 180 ชอบทำตัวแปลก ๆ

เด็กผู้หญิงคนนี้ เธอรู้จัก

เป็นหนึ่งในผู้ช่วยของจิ่งเสี่ยวหย่า เหมือนจะชื่อเสี่ยวขุย

เด็กผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย ดูท่าทางน่าจะไม่เกินสิบเจ็ดสิบแปดปี ปกติจะคอยตามหลังจิ่งเสี่ยวหย่า ได้แต่คอยขานรับ ค่ะ ค่ะ ค่ะ อย่างเดียว แต่ไม่อยู่ในสายตา

ที่จิ่งหนิงจำเธอได้ ก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีครั้งหนึ่ง เธอไปที่สตูดิโอเพื่อหาศิลปินของตัวเอง บังเอิญไปเห็นจิ่งเสี่ยวหย่ากำลังทุบตีดุด่าเธอพอดี

น่าจะเป็นตอนที่กำลังยกน้ำมา แล้วไม่ทันระวังเลยทำน้ำหกใส่เสื้อผ้าของอีกฝ่าย ตอนนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าตบหน้าเธอไปหนึ่งที

สาวน้อยเสียใจอย่างมาก กลั้นน้ำตาไว้ เอามือจับหน้า ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ตอนนั้นจิ่งหนิงรู้สึกทนไม่ได้ แต่ยังไงก็เป็นเรื่องของคนอื่น เธอไม่ใช่แม่พระ เลยไม่ชอบไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ เลยทำให้เธอจำสาวน้อยคนนั้นได้ดี

จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อยให้เธอ เสี่ยวขุยรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิ่งเสี่ยวหย่า ดังนั้นเลยมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แต่เมื่อเห็นท่าทีที่อบอุ่นของเธอ ไม่ได้แสดงท่าทางลำบากใจ เลยแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ผ่านไปราวครึ่งนาที จิ่งเสี่ยวหย่าก็เดินมาอย่างนวยนาด

ตอนที่เห็นทั้งสองคนที่อยู่ในลิฟท์ เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย ราวกับรู้สึกคิดไม่ถึง จากนั้น ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา

“พี่คะ ที่แท้ก็เป็นพี่เองเหรอ จะไปร้านอาหารเหมือนกันเหรอคะ?”

จิ่งหนิงปรายตามองเธอ แต่ไม่ตอบอะไร

แสดงให้เห็นว่าไม่อยากสนใจเธอ

สวี่เจียมู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอทั้งสองคน และก็ไม่กล้าถามอะไรมาก แต่ยังคงแสดงความเคารพต่อรุ่นพี่ตามมารยาท เลยรีบทักทายจิ่งเสี่ยวหย่า

จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้าให้เขา ทั้งสองคนเข้ามาในลิฟท์ แล้วเสี่ยวขุยก็ยืนอยู่ด้านหลังเธอเงียบ ๆ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ

กองถ่ายได้เหมาห้องเอาไว้สองชั้นคือชั้นที่สิบสองและสิบสาม ระหว่างนั้นลิฟท์หยุดสองครั้ง ผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงที่ล็อบบี้

น่าจะเป็นเพราะรู้สึกถึงบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน เมื่อถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้พบกับนักแสดงชายอีกสองคนที่กำลังรอคนอยู่ที่ล็อบบี้พอดี สวี่เจียมู่เลยเอ่ยทักทายพวกเขา และไม่ได้ไปด้วยกันอีก แต่เปลี่ยนไปเดินกับพวกนักแสดงชายแทน

เมื่อเป็นอย่างนี้ เสี่ยวขุยนอกจากตามหลังอยู่เงียบ ๆ อย่างไม่มีตัวตนแล้ว เพื่อนร่วมทางก็เหลือเพียงจิ่งหนิงและจิ่งเสี่ยวหย่า

ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมนัก ประมาณเจ็ดแปดร้อยเมตร เดินไปไม่ถึงสิบนาที

จิ่งหนิงเดินเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน จิ่งเสี่ยวหย่ามองเธอแล้วพูดขึ้นมา : “พี่คะ พี่รู้ไหมว่าเมื่อบ่ายวันนี้ ทำไมคนพวกนั้นเลือกสัมภาษณ์แค่ฉัน แต่ไม่สัมภาษณ์พี่?”

จิ่งหนิงยังคงไม่พูดอะไร จิ่งเสี่ยวหย่าเลยหัวเราะเยาะเย้ยออกมาเบา ๆ

“เพราะทุกคนต่างเข้าใจดี ถึงแม้ว่าเรื่องนี้พี่จะเป็นตัวหลัก แต่ในความเป็นจริงตัวหลักก็คือฉัน แม้ว่าพี่จะแย่งบทนางเอกของเรื่องนี้จากฉันไป แล้วยังไงล่ะ?”

“คนพวกนั้นก็ยังคงเห็นพี่เป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่มีค่าอะไรเลย ก็แค่เห็นแก่ความมีชื่อเสียงของฉัน ถึงได้ให้ความสนใจพี่เล็กน้อย สัมภาษณ์อะไรพี่สักหน่อย”

“ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าพี่จะเป็นนักแสดงตัวหลัก ก็คงได้แค่นั่งหงอยไร้ตัวตนอยู่ด้านข้างแค่นั้นแหละ ไม่ต่างอะไรกับพวกกลุ่มนักแสดงต่ำต้อยพวกนั้น”

จิ่งหนิงหยุดเดิน

หันหน้าไปมองเธอ ทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“อ้อ งั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ความจริงก็เห็น ๆ กันอยู่ตรงหน้าอยู่แล้วนี่?”

จิ่งหนิงค่อย ๆ ยิ้มออกมา

แต่แฝงด้วยท่าทีเย้ยหยันอย่างไม่แยแส

“เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยได้ยินมาว่าโลกใบนี้มีคนประเภทหนึ่งที่มีนิสัยและความชอบในการทำตัวแปลก ๆ ฉันยังเคยคิดว่า ก็คงเป็นแค่แมลงวันที่ชอบทำให้คนอื่นรำคาญ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบินจนถูกไล่แล้วก็ยังมั่นใจภูมิใจในตัวเองขนาดนี้ ช่างทำให้คนได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ เลย”

จิ่งเสี่ยวหย่าตกตะลึง เมื่อเข้าใจในความหมายที่เธอพูด ก็โมโหขึ้นมาทันที

“แก!”

“อ้อ จะแนะนำอะไรเธอสักอย่างนะ ได้รับน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่รักษาเอาไว้ไม่ได้ต่างหากถึงจะทำให้คนหัวเราะเยาะเอาได้!

ตอนนี้สิ่งที่เธอมีทุกอย่างนั้น หวังว่าเธอจะสามารถรักษามันไว้ได้อย่างดี เพราะอีกไม่นาน สิ่งของเหล่านี้ก็จะไม่ใช่ของเธอแล้ว!

ถึงตอนนั้น หวังว่าเธอยังสามารถหยิ่งผยองอวดดีได้เหมือนอย่างวันนี้นะ”

“แกหมายความยังไง?”

“ฉันหมายความว่ายังไงเธอก็รู้ดีแก่ใจ จิ่งเสี่ยวหย่า นางเอกของเรื่องนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ต่อไป ทุกสิ่งที่ไม่ควรจะเป็นของเธอ ฉันจะเอามันกลับมาทีละอย่าง ทีละอย่าง! เธอเตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วกัน คอยต้อนรับมรสุมที่กำลังจะมาถึงเถอะ!”

“จิ่งหนิง! แกกล้า……”

“เหอะ!”

จิ่งหนิงแสยะยิ้มเยาะเย้ย ราวกับเย้ยหยันในความไม่ประมาณตนเองของเธอ จากนั้นก็ไม่สนใจเธออีก แล้วหันตัวเดินออกไปด้านนอก

จิ่งเสี่ยวหย่าโกรธจนหน้าเขียว จ้องมองด้านหลังเธอ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ

เธอกำมือจนแน่น ผ่านไปสักพักใหญ่ ถึงได้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ จากนั้นก็เดินตามออกไปด้านนอก

การรับประทานอาหารค่ำด้วยกันถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น หลินซูฝานหลายปีมานี้ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถของตัวเองมาโดยตลอด ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยที่จะหาคนลงทุนได้ ได้สร้างทีมของตัวเองขึ้นมาได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้เขาดีใจมากเป็นธรรมดา

ในเมื่อดีใจ ในงานเลี้ยงก็ต้องดื่มมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว จิ่งหนิงในฐานะที่เป็นนักแสดงหลักของเรื่อง ก็ดื่มตามไม่น้อย

เธอคอแข็งพอสมควร ครั้งก่อนที่ดื่มกับลู่จิ่งเซินแค่แก้วเดียวก็เมานั้น เป็นเพราะเหล้าที่ลู่จิ่งเซินเอามามันต่างกัน

ฉะนั้น ถึงแม้วันนี้จะดื่มไปครึ่งขวดเล็กแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเมา

ส่วนหลินซูฝาน ดื่มไปเยอะมาก งานเลี้ยงเพิ่งผ่านไปครึ่งทาง ก็หน้าแดงแจ๋ ดูท่าทางเมาแล้ว

จิ่งหนิงออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางที่กลับมาก็ได้พบกับเขาเข้าพอดี

หลินซูฝานที่ดื่มเหล้าจนเมา ทำให้ท่าทางโอหังและเย็นชาในช่วงเวลาปกติของเขาแทบไม่เหลือให้เห็น ได้แต่ยิ้มแฉ่ง ดูเป็นกันเองทำให้คนเข้าถึงได้ง่าย

จิ่งหนิงพูดคุยกับเขาพลางเดินกลับไปที่ห้องอาหารพร้อมกัน

“ยินดีกับผู้กำกับหลินด้วยนะคะ ละครเรื่องนี้ถ้าหากสามารถถ่ายทำจนเสร็จได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าได้สมหวังในสิ่งที่คุณปรารถนาแล้ว”

หลินซูฝานพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ต้องขอบคุณเธอมากนะ ถ้าหากไม่ได้พบเธอ ฉันก็คงไม่ตัดสินใจเริ่มถ่ายทำเร็วอย่างนี้หรอก”

จิ่งหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้มหวานออกมาเล็กน้อย “พูดตามตรง ที่จริงฉันรู้สึกเหนือความคาดหมายมากที่คุณเลือกฉัน ฉันเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่เคยเล่นละครมาก่อนเลย ผลงานเรื่องนี้สำคัญสำหรับคุณมาก คุณไม่กลัวว่าฉันจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหรอ?”

คิดไม่ถึงว่า หลินซูฝานจะมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วส่ายหน้าอย่างจริงจัง

“เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเชื่อมั่นในการมองคนของฉัน เธอคือคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”

จิ่งหนิงอึ้งเล็กน้อย รู้สึกตกใจอยู่บ้าง

คำพูดนี้เธอได้ยินเป็นครั้งที่สองแล้ว คนที่พูดเป็นคนแรกก็คือลู่หยั่นจือ

เพียงชั่วครู่ เธอก็ถอนสายตากลับ แล้วค่อย ๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ผู้กำกับหลินพูดเกินไปแล้วล่ะค่ะ”

“ไม่หรอก ที่ฉันพูดเป็นความจริง”

ในขณะที่หลินซูฝานกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้น ก็เดินซวนเซ แล้วเอนล้มลงไปด้านหน้า

จิ่งหนิงตกใจ รีบยื่นมือไปคว้าเขาเอาไว้ทันที

หลินซูฝานก็ใช้มือข้างหนึ่งค้ำกำแพงเอาไว้ได้ เลยทำให้ตัวเองไม่ได้ล้มลงกับพื้น

เขาหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย “ดีใจมากเลยดื่มเยอะไปหน่อย ขอโทษด้วยนะ ทำให้เธอหัวเราะเยาะเอาได้”

จิ่งหนิงถอนหายใจ ดึงมือกลับมา ยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ แต่พรุ่งนี้ยังต้องทำงาน ผู้กำกับหลินยังไงก็ดูแลสุขภาพหน่อยนะคะ”

หลินซูฝานพยักหน้า จากนั้นเดินต่อไปอีกนิด ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แล้วเดินเข้าห้องอาหารไป

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset