บทที่182 เย็นชาอะไรอย่างนี้
พล็อตเรื่องไม่ได้ยากอะไร ก็แค่จิ่งหนิงตอนเริ่มต้นมักจะไม่กล้าลงมือตบจริง ๆ
แต่หลินซูฝานมาตรฐานสูง ถ้าหากเบาไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าตบหนักเกินไป แล้วหน้าเป็นรอยขึ้นมา ก็กระทบกับการถ่ายทำต่อไปอีก
ดังนั้น เลยให้พวกเขาไปอยู่ด้านข้างก่อน ให้ผู้ช่วยผู้กำกับสอนพวกเขาว่าควรจะตบยังไงให้ดูเหมือนตบแรงมาก แต่ที่จริงตบเบา ๆ เท่านั้น
จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นฉากนี้แล้ว ก็เดินไปข้าง ๆ หลินซูฝาน ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า : “ผู้กำกับหลิน ถ่ายทำราบรื่นไหมคะ?”
หลินซูฝานนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าไปมองเธอ
สีหน้าดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหน ได้แต่ “อืม” ออกมาอย่างเรียบ ๆ
ข่าวฉาวก่อนหน้านี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจอะไร แต่เรื่องนี้ก็ฉาวโฉ่มาก ทำให้ทั่วทั้งวงการต่างได้ยินเรื่องนี้กันพอสมควร
ดังนั้น เขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อจิ่งเสี่ยวหย่านัก แต่เป็นเพราะเขาคนนี้มองที่เรื่องไม่ได้มองที่คน เลยไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ
ครั้งนี้ยอมให้เธอรับบทนางรอง ก็เพราะในความเป็นจริงรู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับบทบาทนี้
อืม สายตาดูร้ายกาจ นั่นเป็นสิ่งที่ออกมาจากภายใน คนทั่วไปอาจจะดูไม่ออก แต่เขาสายตาเฉียบคม สามารถดูออก
จิ่งเสี่ยวหย่าไม่รู้ความคิดในใจของเขา ยังคิดว่าที่เขายอมให้ตัวเองได้แสดงเรื่องนี้ ต้องเป็นเพราะเห็นว่าเธอมีชื่อเสียงและมีกระแสนิยม
แย่สุด ก็คงจะยอมรับในฝีมือการแสดงของเธอ
ดังนั้น ถึงแม้ท่าทีของหลินซูฝานดูเย็นชา เธอยังคงให้เสี่ยวขุยหยิบเก้าอี้ตัวเล็กมาให้เธอ แล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา
“ที่จริงจะว่าไปแล้วก็รู้สึกละอายใจ ฉันกับพี่สาวถึงแม้จะเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่หลายปีมานี้กลับไม่ค่อยไปมาหาสู่กันเท่าไหร่ ดังนั้นแม้แต่เรื่องที่เธออยากเข้าวงการบันเทิง ฉันก็ไม่รู้มาก่อน”
เธอพูดไปพลาง ถอนหายใจไปพลาง ทำท่าจนใจ
“แต่ฉันคิดมาโดยตลอดว่า คนคนหนึ่งไม่ว่าอยากเดินบนเส้นทางไหน จำเป็นต้องเดินอย่างสง่าผ่าเผย ใช้พละกำลังไปพิชิตทุกสิ่งทุกอย่างมา ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพี่สาวฉันจะใจร้อนขนาดนี้ ฉันอุตส่าห์รับปากเธอแล้วแท้ ๆ แต่เธอกลับใช้วิธีสกปรกแบบนี้มาสร้างกระแสให้ตัวเอง”
หลินซูฝานขมวดคิ้ว รู้สึกว่ายิ่งฟังเธอพูด ก็ยิ่งฟังไม่เข้าใจ
แต่เขาก็ขี้เกียจจะไปครุ่นคิด อยู่ที่กองถ่าย ในหัวของเขามีแต่เรื่องละครเท่านั้น เรื่องอื่นเขาขี้เกียจไปสนใจ
ฉะนั้น ถึงแม้ภายใต้สายตาของจิ่งเสี่ยวหย่าจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่เขากลับลุกขึ้นยืน แล้วตะโกนพูดกับผู้ช่วยผู้กำกับและจิ่งหนิงรวมถึงสวี่เจียมู่ที่กำลังพูดเรื่องบทละครกันอยู่ : “พร้อมแล้วหรือยัง? พร้อมแล้วก็ถ่ายใหม่อีกรอบ!”
ผู้ช่วยผู้กำกับรีบตอบกลับ : “พร้อมแล้ว”
“งั้นก็เริ่มได้! ประจำที่”
จิ่งหนิงและสวี่เจียมู่รีบกลับไปประจำที่ เมื่อเสียง “ACTION!” ดังขึ้น มือนั้นก็ตบเข้าที่หน้าของสวี่เจียมู่อย่างแรง
หน้าของสวี่เจียมู่ถูกตบจนเอียงไปอีกข้าง จากนั้นก็มองเธออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้ากล้าตบข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
จิ่งหนิงมือเท้าสะเอวแล้วพูดอย่างโมโหว่า : “ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าเป็นใคร! ไม่ว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำรุ่มร่าม……อ๊ะ!”
สวี่เจียมู่ไม่รอให้เธอพูดจบ ก็ยื่นมือไปจับมือเธอไขว้หลังไว้ จิ่งหนิงไม่มีทางยอมตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเด็ดขาด เลยใช้เท่าเหยียบเข้าอย่างแรง จนทำให้สวี่เจียมู่เจ็บขึ้นมา จนปล่อยมือออก เธอเลยหันตัวกลับมา คาดไม่ถึงว่าเดิมทีที่ทั้งสองคนยืนอยู่ก็คือทางลาดชัน เมื่อทะเลาะตบตีกันอยู่สักพักใหญ่ จนในที่สุดทั้งคู่ที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมาก็กลิ้งตกลงไป
สายตาของหลินซูฝานจับจ้องอยู่ที่หน้าจออย่างไม่ละสายตา เมื่อถ่ายฉากนี้เสร็จ ก็พูดขึ้นมาว่า : “ดี ต้องแบบนี้แหละ! ผ่าน!”
ฟากนั้น จิ่งหนิงและสวี่เจียมู่ก็ปีนขึ้นมาจากบนพื้น ถอนหายใจอย่างโล่งอก
จิ่งเสี่ยวหย่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นเขาไม่มีทีท่าสนใจตัวเอง ก็กัดปาก ใบหน้าร้อนผ่าว ๆ รู้สึกอับอายมาก
เธอคิดว่า หลินซูฝานก็เป็นแค่ผู้กำกับมือใหม่ ตำแหน่งในวงการของเธอถึงแม้จะไม่ได้เป็นแถวหน้าระดับหนึ่งของวงการ แต่ในวงการนี้ ก็ถือว่าเป็นนักแสดงที่มีกระแสนิยมมากเกินกว่าระดับสองของวงการ
ถึงแม้ตอนนี้ชื่อเสียงจะไม่ได้โด่งดังเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ ผู้กำกับคนไหนเห็นเธอต่างพากันเกรงใจเธอ ยังไงก็ไว้หน้าเธอทั้งนั้น
ทำไมถึงได้เย็นชากับเธออะไรอย่างนี้?
จิ่งเสี่ยวหย่าโมโห แต่ก็ระบายออกมาไม่ได้ ยังไงซะที่นี่ก็เป็นกองถ่าย
ได้แต่กัดฟันกรอด ๆ ผ่านไปสักครู่ ตัวเองก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไปอย่างโมโห
หลังจากที่รอให้จิ่งเสี่ยวหย่าออกไป สายตาของหลินซูฝานถึงได้จ้องมองตามหลังเธอไป
คิ้วขมวดเป็นปม จากนั้นสายตาก็เหลือบไปมองเก้าอี้ตัวเล็กที่เธอนั่งเมื่อครู่นี้ แล้วเอ่ยพูดด้วยความรังเกียจเล็กน้อย : “มาเอาเก้าอี้นี้ออกไป มันขวางฉัน”
มีพนักงานในกองถ่ายรีบเข้ามายกเก้าอี้ตัวนั้นออกไป จากนั้นหลินซูฝานถึงได้นั่งลงอีกครั้ง
ตลอดช่วงเช้าเต็ม ๆ ที่จิ่งหนิงเข้าฉากถ่ายทำ
เมื่อถึงตอนเที่ยงเวลาสิบสองนาฬิกา ก็ถึงเวลาพักทานข้าว ได้พักผ่อนกันแล้ว เหนื่อยจนอ่อนระโหยโรยแรงหมดแล้ว
เธอรับน้ำขวดหนึ่งจากฝ่ายสวัสดิการที่ยื่นมาให้ ขณะที่กำลังดื่ม ก็เห็นหลินซูฝานเดินมาทางตัวเอง
เธอรีบเอ่ยเรียก “ผู้กำกับหลิน”
หลินซูฝานพยักหน้า แล้วเอ่ยพูด : “ช่วงบ่ายสองชั่วโมงแรกไม่มีฉากที่เธอต้องถ่ายทำ เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ สี่โมงเย็นจะถ่ายฉากของเธอกับจิ่งเสี่ยวหย่า เตรียมตัวล่วงหน้านะ”
จิ่งหนิงพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”
จากนั้นหลินซูฝานก็เดินจากไป
ตอนเที่ยง หลังทานข้าวเสร็จ จิ่งหนิงก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องพัก
เพิ่งจะได้ล้มตัวนอน ก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวเหอ
เธอเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกได้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ปรากฏว่า เมื่อรับสาย ก็ได้ยินเสี่ยวเหอพูดอย่างร้อนรน : “พี่หนิงหนิง แย่แล้ว พี่ติดอันดับค้นหายอดนิยมในเวยโป๋อีกแล้ว”
จิ่งหนิงยิ้ม “ติดอันดับค้นหายอดนิยมไม่ดีเหรอ นั่นหมายความว่าพี่หนิงหนิงของเธอจะดังแล้วนะ!”
“แต่ไม่ใช่เรื่องดีนะคะที่ติดอันดับน่ะ เป็นเรื่องร้าย พี่หนิงหนิง รีบเปิดดูเถอะ!”
จิ่งหนิงทำเป็นพูดเล่น แต่ที่จริงค่อนข้างตื่นเต้น รีบเปิดเวยโป๋ อ่านสักครู่
เห็นแฮชแท็กครั้งนี้คือ #จิ่งหนิงผู้กำกับ#
เมื่อเธอกดเข้าไปดู ก็เห็นรูปภาพหลายรูป
ระเบียงทางเดินที่แสงไฟสลัว หลินซูฝานกำลังยืนค้ำกำแพงอยู่ ก้มหน้าลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งของเธอวางอยู่บนไหล่ของเขา ถ้ามองจากมุมนี้ เหมือนเธอกำลังโอบกอดเขาอยู่ ถึงขั้นดูเหมือนอยากจูบกับหลินซูฝาน
จิ่งหนิงตกตะลึง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นี่มันช่าง……
เสียงของเสี่ยวเหอดังออกมาจากในโทรศัพท์อีกครั้ง “พี่หนิงหนิง มีคนจงใจแอบถ่ายรูปอย่างนี้ออกมาเพื่อใส่ร้ายพี่ใช่ไหม! พี่กับผู้กำกับหลิน ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน!”
จิ่งหนิงกลอกตาไปมาอย่างหมดคำพูด
“ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน!”
ล้อเล่นอะไรกัน?
เธอกับหลินซูฝานเนี่ยนะ?
จิ่งหนิงนวดที่ขมับไปมา แล้วเอ่ยพูด : “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนทำ วางใจเถอะ! ฉันจะจัดการแน่”
เสี่ยวเหอรู้สึกเป็นห่วง
“พี่หนิงหนิง ตอนนี้พี่เพิ่งเริ่มเข้ากองถ่ายเป็นวันแรก ก็มีรูปแบบนี้หลุดออกมา คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าพี่ใช้วิธีไต่เต้ากับผู้กำกับถึงได้รับบทนางเอกครั้งนี้! ฝ่ายตรงข้ามแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอยากให้พี่เสื่อมเสียตั้งแต่ยังไม่ดัง ใช้กลอุบายต่ำช้าลอบทำร้ายผู้อื่น!”
จิ่งหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา
“งั้นก็ต้องดูว่ามันจะมีความสามารถพอไหม ถ้ายกหินขึ้นมาแล้วดันหล่นทับขาตัวเอง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ก็คงโทษใครไม่ได้”
พูดจบ เธอก็พูดเสียงขรึมต่อว่า : “พอได้แล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ค้นหายอดนิยมก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ต้องไปทำอะไรทั้งนั้น ฉันมีวิธีรับมือของฉัน”