วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 186 ถูกเล่นงาน

บทที่ 186 ถูกเล่นงาน

โม่หนานขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

มีบางคนกล่าวอย่างไม่พอใจ “สองคนนี้ กำลังเล่นละครอะไรกันอยู่? พวกเขาไม่ได้หมั้นกันตั้งนานแล้วหรือไง? ทำไมถึงได้มาขออีกครั้ง?”

จิ่งหนิงมองดูฉากนี้ ท่ามกลางแสงแดด ชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวงดงาม จะหล่อและผู้หญิงก็สวย จิ่งเสี่ยวหย่าสวมชุดเดรสสีขาวและกำลังยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงในอ้อมแขน ใบหน้าดูมีความสุข มองแล้วก็เหมาะสมกันจริงๆ อยู่บ้าง

เธอยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “มองดูไม่เลว”

“หา?”

โม่หนานงุนงงตามไม่ทันขึ้นมา

“ฉันบอกว่า มองจากมุมนี้ไป ท่าทางของสองคนนี้ มองดูแล้วไม่เลวเลย” 

โม่หนาน

หัวหน้า สมองของคุณไม่มีอะไรผิดปกติแน่นะ! 

หนึ่งในนั้นคืออดีตคู่หมั้นของคุณ ส่วนอีกคนคือมือที่สามที่มาแย่งอดีตคู่หมั้นของคุณไป แต่ตอนนี้คุณถึงกลับบอกว่าพวกเขายืนด้วยกันแล้วมองดูไม่เลว? 

จิ่งหนิงดึงสายตากลับมา เมื่อมองเห็นใบหน้าของ โม่หนานที่เต็มไปด้วยความสยดสยองและพูดไม่ออกของเขา เธอก็หัวเราะ

“หม้อแบบไหนก็มีฝาแบบนั้นนี่! พวกเราต้องเปิดใจให้กว้างขึ้นหน่อย อย่าได้เอาแต่พัวพันอยู่กับสิ่งเดิมๆ” 

โม่หนานไม่มีสมาธิควบคุมตนเองได้ดีเท่าที่เธอทำ เขาถ่มน้ำลายลงพื้นและเอ่ย “นอกใจแล้วยังมาทำตัวสูงส่ง ช่างหน้าไม่อาย หึ!”

จิ่งหนิงหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอทำตัวราวกับมองไม่เห็นฉากเหล่านี้ อีกทั้งในใจยังไร้คลื่นใดๆ

เพียงแต่ต่อให้เธอไม่ใส่ใจ ก็ยังมีคนใส่ใจ

บ่ายวันนั้น ข่าวถูกแพร่กระจายไปบนอินเทอร์เน็ต

#ดาราดังจิ่งเสี่ยวหย่าถูกแฟนหนุ่มเศรษฐีขอความรักอีกครั้งในกองถ่าย ความหวานทะลัก#

ชาวเน็ตมักชมชอบเรื่องราวซุบซิบด้านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่หวานน้ำตาลขึ้นเสียยิ่งกว่าละครลูกวาดที่ออนไลน์อยู่อะไรเทือกนั้น

ก็มีเสียงชื่นชมมากมายขึ้นมาบนอินเทอร์เน็ต จนไปถึงกระทั่งมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่กลายมาเป็นแฟนคลับคู่จิ้นของพวกเขา

แน่นอนว่า มีบางคนที่คิดว่าจิ่งเสี่ยวหย่ากำลังเล่นละครอยู่ แต่ว่าเสียงพวกนั้นกลับบางเบาอย่างยิ่งจนถูกบรรดาแฟนคลับที่บ้าคลั่งกดลงไปจนหมด 

สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ 

เรื่องวุ่นวายและอื้อฉาวของโรงเรียนในช่วงปีก่อน ในเวลานี้ค่อยลบเลือนออกไปจนเบาบาง

เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา จิ่งหนิงและจิ่งเสี่ยวหย่ากลับมาดีกันออนไลน์อีกทั้งยังบวกกับเรื่องการขอแต่งงานอันสุดหวานซึ่งในวันนี้

ภาพที่เห็นตรงหน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นบวกมากกว่าลบ

ภาพลักษณ์ของจิ่งเสี่ยวหย่าในสายตาของชาวเน็ตก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ก็เพราะชาวเน็ตส่วนใหญ่ ล้วนเป็นพวกใจดีขี้ลืม

แม้ว่าจะยังมีบางกลุ่มที่ความทรงจำดีเยี่ยมและยังคงพูดถึงเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วในพื้นที่แสดงความคิดเห็น แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกบล็อกโดยกลุ่มปกป้องจิ่งเสี่ยวหย่า

มองเผินๆ ทุกอย่างดูสงบเรียบร้อยแล้ว

ตอนกลางคืนจิ่งหนิงนอนอยู่บนเตียง และกำลังเลื่อนดูมือถือ หลังจากมองดูเรื่องอันใหญ่โตบนหน้าจอ มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมา

ดังไปเลย ดึงดูดความสนใจไปเลย! 

ให้ดีที่สุดคือตอนนี้สามารถดังขึ้นไปได้อีกหน่อย และดึงดูดความสนใจได้มากยิ่งขึ้นไปอีกนิด

จากนั้นค่อยยิงนางฟ้าอย่างเธอลงมา!

ปีนขึ้นไปให้สูงขึ้นอีกหน่อย นั่นเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้วันหนึ่งที่เธอล้มลงมา จะยิ่งเจ็บปวด จะยิ่งทรมานมากขึ้น! 

จิ่งหนิงปัดโทรศัพท์มือถือเสร็จ ก็เตรียมพร้อมเข้านอน

แต่ทันใดนั้น ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ส่งเสียง “ติ้ง” ของข้อความเข้ามา

เธอเปิดมันดู และเห็นว่ามันถูกส่งมาจากหลินซูฝาน

เนื้อหาเรียบง่ายอย่างมาก นั่นคือบอกว่าฉากในวันพรุ่งนี้ อยากจะคุยกับเธอสักหน่อย ให้เธอไปที่ห้องของเขาเดี๋ยวนี้

จิ่งหนิงมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งไปแล้ว

งานเลิกเสร็จดึก พรุ่งนี้เช้าก็ต้องเริ่มถ่ายทำอีกครั้ง ตามหลักแล้วไม่สมควรจะมาคุยเรื่องบทกับเธอดึกดื่นขนาดนี้ แต่เมื่อคิดถึงท่าทางบ้างานอย่างหนักของ หลินซูฝานจิ่งหนิงก็เก็บโทรศัพท์มือถือลงเงียบๆ จากนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก

จิ่งหนิงอาศัยอยู่ที่ชั้น 13 ส่วน หลินซูฝานอาศัยอยู่ที่ชั้น 12

จิ่งหนิงลงลิฟต์ไปที่หน้าประตูห้องของเขาแล้วกดออด

ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก

หลินซูฝานยังคงสวมใส่ชุดที่ทำงานในวันนี้ เมื่อเห็นเธอ เขาก็เปิดประตู

“คุณมาแล้ว ดึกดื่นขนาดนี้ส่งข้อความให้คุณ คงไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของคุณใช่ไหม” 

จิ่งหนิงส่ายหัว เธอเดินเข้าไปในห้องพร้อมเอ่ย “เปล่า ฉันยังไม่ได้นอนพอดี คุณบอกว่ามีบางจุดที่จะคุยกับฉัน เป็นส่วนไหน?”

“ไม่มาก มีไม่กี่จุดที่ต้องใส่ใจ ผมกลัวว่าพอนอนแล้วพรุ่งนี้จะลืมไป ก็เลยรีบคุยกับคุณในเวลานี้”

หลินซูฝานเอ่ยไปก็กางบทออก เขาให้เธอนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นจึงเอ่ยถึงบทให้เธอฟังอย่างตั้งใจ

จิ่งหนิงเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างยิ่ง นั่นเพราะเมื่อก่อนตอนที่เธอทำประชาสัมพันธ์ เธอเคยช่วยนักแสดงศึกษาบทบ้างเป็นครั้งคราว ดังนั้นจึงเข้าใจไม่ยาก

หลินซูฝานเป็นผู้กำกับที่จริงจังและมีความรับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าจิ่งหนิงเพิ่งเคยถ่ายทำครั้งแรกและต้องการการดูแลมากขึ้นอีกหน่อย อีกทั้งยังมีหลายแห่งที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เขาจึงใช้ปากกาสีแดงทำเครื่องหมายเอาไว้ให้เธอ

จิ่งหนิงฟังอย่างตั้งใจจนจบ จากนั้นจึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขา ไม่ทันรู้ตัว เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

ในระหว่างนั้น บริกรของโรงแรมก็เข้ามาเพื่อส่งอาหารครั้งหนึ่ง

จิ่งหนิงเห็นว่าเวลานี้แล้วหลินซูฝานยังคงทานอาหารอยู่ ก็เลยสอบถาม จากนั้นถึงค่อยได้รู้ว่าเขายุ่งอยู่กับการดูหนังทั้งคืนก็เลยยังไม่ได้ทานอาหารเย็น

ตอนนี้ ถือเป็นอาหารมื้อเย็นและมื้อดึกไปทีเดียว 

จิ่งหนิงมีท่าทีนิ่งขรึมขึ้นมา เธอรับน้ำชาที่บริกรส่งมาให้ จากนั้นจึงดื่มจนหมดละสนทนาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นและออกไป

อย่างไรก็ตามเธอเพิ่งเดินไปที่ประตู กลับเกิดอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

เธอรีบพยุงตัวกับกำแพงในทันที และสะบัดหัว แต่กลับรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้ากลับตาลปัตรไป จากนั้น ภาพที่มีก็เปลี่ยนเป็นมืดสนิทและหมดสติไป 

เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ก็เป็นวันรุ่งขึ้นแล้ว

จิ่งหนิงลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เบื้องหน้าของเธอคือเพดานสีขาว โคมระย้าที่ระเบียงยังคงสั่นไหวต่อหน้าตน แต่การตกแต่งที่ทั้งแปลกตาและคุ้นตากลับทำให้เธอปวดหัวขึ้นมา

เธอหลับตาลง และเอื้อมมือไปลูบขมับเบาๆ เมื่อเอื้อมมือออกไป เธอก็สัมผัสได้ถึงพรมที่อยู่ใต้ร่าง จากนั้นก็คล้ายกับว่าสวิตช์ในร่างกายของเธอถูกเปิดขึ้นอย่างกะทันหัน เธอได้สติกลับมาทันทีและก็กระโดดขึ้นจากพื้น

นี่ไม่ใช่ห้องของเธอ! และไม่ใช่เตียงของเธอ! 

เธอนอนอยู่ที่พื้น! 

เกิดอะไรขึ้นกันแน่? 

ความทรงจำเมื่อคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว จิ่งหนิงนึกถึงบางอย่างขึ้นมา สีหน้าขาวซีด

เมื่อมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว เธอก็เห็นแค่ว่าทุกอย่างในห้องถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย ส่วนหลินซูฝานกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวริมหน้าต่าง ศีรษะเอียง ดวงตาปิดสนิท ราวกับยังคงสลบอยู่ 

กล่องอาหารกลางวันที่กินได้ครึ่งหนึ่งตกลงอยู่บนพื้น น้ำซุปไหลเจิ่งนองไปทั่ว จนทำให้พื้นพรมใต้เท้าสกปรกไปหมด

จิ่งหนิงรีบวิ่งไปหาเขา จากนั้นจึงปลุกเขาสองสามครั้ง

หลินซูฝานขมวดคิ้วและลูบขมับของตนเบาๆ จากนั้นจึงค่อยเอ่ยขึ้น “มีอะไร? ทำไมคุณถึงมาที่ห้องผมเช้าขนาดนี้?” 

จิ่งหนิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เธอเอ่ยเสียงเย็น “พวกเราถูกคนเล่นงานแล้ว! ” 

หลินซูฝานตะลึง

บางทีอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาทำให้ปฏิกิริยาของเขาช้าไปเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาที เขาถึงค่อยนึกขึ้นได้บางอย่าง

เขาก้มลงไปมอง เมื่อเห็นอาหารที่พลิกคว่ำอยู่บนพื้น ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันคืออะไร

“สมควรตาย! เป็นไอ้บัดซบตัวไหนมันทำเรื่องนี้! ” 

“หยุดได้แล้ว มีคนมาแล้ว”

ใบหน้าของจิ่งหนิงมืดครึ้ม หูที่ประสาทสัมผัสเป็นเลิศของเธอแน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนและยุ่งเหยิงกำลังเดินมาตามทางด้านนอก

เธอเหลือบมองไปที่ หลินซูฝาน หลินซูฝานเองก็เข้าใจแล้วเช่นกัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน จากนั้นจึงเอ่ยย่างเร่งรีบ “คิดอยากจะใส่ร้ายเธอนี่เอง! ทำยังไงดี? เธอไปหาที่ซ่อนก่อนไหม?”

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset