วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 190 ถ่ายวิดีโอ

บทที่ 190 ถ่ายวิดีโอ

ครู่หนึ่ง เธอฝืนยิ้มและเอ่ยขึ้นมา “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น พี่สาวจะร้อนตัวขนาดนี้ทำไมกัน? ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ คนสะอาดก็ย่อมสะอาด หรือยังกลัวว่าคนอื่นจะใส่ร้ายพี่?”

จิ่งหนิงยิ้มหยัน “คำพูดคนทำเรื่องผิดเป็นถูกได้ ย่อมต้องป้องกัน แต่ไม่ว่าคนอื่นจะมองยังไงก็ไม่เป็นไร ขอแค่น้องสาวไม่คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นก็พอแล้ว”

จิ่งเสี่ยวหย่าไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร

อะไรคือไม่คิดว่าเธอเป็นคนแบบนั้นก็พอแล้ว?

เมื่อไหร่กันที่จิ่งหนิงเคยมาสนใจความคิดเห็นของน้องสาวอย่างเธอ?

จิ่งเสี่ยวหย่าเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับยังสงบ

ในที่สุดสงครามน้ำลายก็จบลง

จิ่งหนิงนั่งลงบนเก้าอี้และเตรียมแต่งหน้า ส่วนจิ่งเสี่ยวหย่า วันนี้บทของเธอค่อนข้างเช้า ดังนั้นตอนนี้จึงทำผมเสร็จไปแล้วเรียบร้อย และมีเสี่ยวขุยช่วยประคองออกไป

จิ่งหนิงหันไปขยิบตากับ โม่หนาน

โม่หนานรับสัญญาณ จากนั้นจึงเดินตามออกไป

ฉากประกอบฉากถูกสร้างขึ้นเสร็จแล้ว ถึงแม้ว่า หลินซูฝานจะถูกคนเล่นงานเมื่อคืน อารมณ์งดงามในใจไม่ได้ไปไหน แต่กลับมาจดจ่ออยู่หลังกล้อง

จิ่งเสี่ยวหย่ายืนอยู่กลางสนามโดยมีผู้กำกับแอคชั่นกำลังอธิบายท่าทางต่อไปให้เธอฟัง อีกด้านหนึ่งมีชายสวมชุดดำและหน้ากากยืนอยู่ รับบทเป็นมือสังหารในชุดดำ

เมื่อสิ้นสุดคำแนะนำด้านการต่อสู้ เสียง “แอคชั่น” ก็ดังขึ้นและกล้องก็เริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ

เสี่ยวขุยมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครให้ความสนใจตัวเองก็หลบออกไปด้านข้างอย่างเงียบ ๆ

ในฉากมีคนจำนวนมากและวุ่นวายอย่างยิ่ง เสี่ยวขุย เดินผ่านฝูงชนและออกไปยังด้านนอกของฉากโดยไม่หยุดฝีเท้าลงจากนั้นจึงเดินตรงไปยังทิศทางของโรงแรม

โม่หนานเองก็ติดตามไปจากระยะไกล ท่าทางระมัดระวัง

โรงแรมอยู่ห่างจากฉากเพียงเจ็ดหรือแปดนาที เมื่อมาถึงโรงแรม ก็เห็นว่าเธอขึ้นไปชั้นสอง และหยุดพบบริกรหนุ่มคนหนึ่งที่มุมมุมหนึ่ง

“ของล่ะ?”

“ของอะไร?” อีกฝ่ายดูงุนงงเล็กน้อย

“ยาที่วางลงไปในอาหารและเครื่องดื่มพวกนั้น เมื่อเช้านี้ตอนเก็บกวาดห้องพวกนายไม่ได้เอาออกมาหรือไง?”

อีกฝ่ายได้ยินก็ยิ่งสับสน

“ฉันไม่เห็นอาหารหรือเครื่องดื่มเหลืออยู่เลย!”

ใบหน้าของเสี่ยวขุยเปลี่ยนไป

“นายไม่ได้ทำความสะอาดห้องหรือ? ”

“ฉันทำความสะอาดแล้ว แต่ฉันไม่เห็นอาหารหรือเครื่องดื่มเหลือเลย พวกเขาน่าจะกินไปหมดแล้ว!”

“เป็นไปได้ยังไง? ต่อให้กินหมด ก็ต้องมีกล่องเหลือเอาไว้บ้าง นายเห็นกล่องไหม?”

บริกรส่ายหัว

สีหน้าของเสี่ยวขุยดิ่งลงสุดขีด

อีกฝ่ายคิดสักพัก และคล้ายว่าจะนึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและเอ่ยเสียงเบา “พวกเขา….คงไม่ได้รู้ตัวแล้วใช่ไหม! ”

“ไร้สาระ! ”

ไม่พบของ เสี่ยวขุยรู้สึกกังวลอยู่บ้าง เธอกระทืบเท้าของตน “ทำยังไงดี? ของยังไม่ได้เอากลับมา ถ้าพี่เสี่ยวหย่ารู้เข้าต้องไม่ปล่อยฉันไปแน่!”

“หรือไม่คุณก็ไปบอกกับเธอว่าของถูกทิ้งไปแล้ว! ยังไงเธอก็ไม่รู้อยู่ดี”

“ไม่ได้ นายเข้าไปแล้วไม่เจอของอยู่ อย่างนั้นจะต้องถูกพวกผู้กำกับหลินเก็บซ่อนเอาไว้แน่ ถ้าหากอีกเดี๋ยวฉันบอกเธอไปว่าของเอากลับมาแล้ว แต่หลังจากนั้นผู้กำกับหลินเอามันออกมาอีกครั้ง พี่เสี่ยวหย่าจะต้องฆ่าฉันแน่!”

เมื่อบริกรได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้อย่างยิ่ง

ผ่านไปสักพัก เขาถึงค่อยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ให้ฉันพูด คุณเองก็ไม่สมควรช่วยเธอทำเรื่องแบบนี้! เรื่องไร้ศีลธรรมแบบนี้ ทำแล้วก็ได้แต่รู้สึกระแวง!”

เสี่ยวขุยไม่พูดจา

ผ่านไปชั่วครู่ เธอก็พูดขึ้น “ช่างเถอะ ฉันกลับไปบอกความจริงกับเธอแล้วกัน! สองวันนี้นายต้องระวังให้ดี อย่างหลงกลใคร”

บริกรพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกัน

ในความมืด โม่หนานวางโทรศัพท์มือถือลงและกดเธอเล่นวิดีโอที่ถูกถ่ายด้วยมือถือของตน จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ

……

ไม่นานนักเสี่ยวขุย ก็กลับมาที่กองถ่าย

บังเอิญกลับที่เวลานี้เองจิ่งเสี่ยวหย่าก็อยู่ในช่วงพักและกำลังนั่งดื่มน้ำอยู่ที่นั่น

เสี่ยวขุยเดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นจึงก้มลงพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเธอ

สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอสาดแก้วน้ำออกไปอย่าลืมตัว และตะโกนอย่างโมโห “ขยะ! เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ฉันจะเลี้ยงเธอไปทำไมกัน? “

เสี่ยวขุยถูกสาดจนเปียกไปทั่วใบหน้า เธอก้มหน้าลง เม้มริมฝีปากแน่นและไม่พูดอะไรสักคำ

ผู้คนรอบข้างถูกเสียงของเธอดึงดูดความสนใจไป และอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง

จากนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าถึงค่อยรู้สึกตัวขึ้นมาว่าตนเองเสียกิริยาไป ท่ามกลางสายตาจองทุกคน เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นก็อ่อนโยนและห่วงใยขึ้นมาทันที

“ทำไมเธอถึงไม่ระวังขนาดนี้? ยกแก้วหน้าก็ยังทำหกได้ เอาเถอะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ ไม่ต้องดูแลฉันตรงนี้แล้ว”

เสี่ยวขุยกัดริมฝีปากแน่น ผ่านไปเนิ่นนาน ถึงค่อยหันหลังจากไป

ทุกคนล้วนคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว ในแวดวงนี้ มีคนอยู่ทุกประเภท คนสวยใจดีน่าพูดคุยเองก็มีพวกที่เสแสร้งทำขึ้นมา ราวกับดอกบัวขาวอาบยาพิษ

แต่ตราบใดที่สิ่งต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ก็จะไม่มีใครพูดอะไรออกไปให้มากมาย

เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนก็อย่าเข้าไปยุ่ง นี่คือหลักการร่วมกันของโลกของผู้ใหญ่

สำหรับผู้ช่วยน่าสงสารหรือไม่น่า บางทีบางคนอาจจะเห็นใจ แต่ความเห็นอกเห็นใจนี้ก็ยังคงไม่สูงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องไปทำให้จิ่งเสี่ยวหย่าขุ่นเคือง

เสี่ยวขุยก้มหน้าลง และก้มหน้าเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ

แม้ว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะอาศัยอยู่ที่โรงแรมนั่น แต่สำหรับผู้ช่วยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นั่น

ค่าใช้จ่ายของทีมงานนั้นแน่นมาก การดูแลที่ดีที่สุดจะถูกจัดให้กับนักแสดงนำและผู้กำกับ ส่วนที่เหลือทั้งหมดล้วนอาศัยอยู่ในโรงแรมใกล้เคียง

ขณะที่เสี่ยวขุย กำลังเดินไปที่โรงแรม ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอและขวางทางเธอเอาไว้

เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของโม่หนาน

……

จิ่งหนิงแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย และเดินไปกองถ่ายอย่างไม่รีบร้อน

จิ่งเสี่ยวหย่าพักผ่อนพอแล้ว ฉากต่อไปคือการประมือของพวกเธอสองคน

ในฐานะนางเอกและตัวรองหญิง ทั้งสองคนย่อมเป็นคู่อริกัน และมีบทละครที่ต้องเป็นคู่แข่งกันมากมาย

ในตอนแรกทุกคนก็เป็นกังวลว่า จิ่งหนิงในฐานะนางเอกแต่กลับเป็นนักแสดงหน้าใหม่อาจมีแนวโน้มที่จะถูกจิ่งเสี่ยวหย่าข่ม

นางเองของบทละครนี้ แต่เดิมก็มีลักษณะวางตัวเป็นใหญ่นิสัยกบฏ หากถูกนางรองกลบรัศมีลง ผลที่ออกมาอาจถูกลดทอนไปอย่างมาก

แม้กระทั่งเรตติ้งของตัวละครเองก็จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน

โชคดีที่จิ่งหนิงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง การแสดงก่อนหน้านี้นั้นเรียกได้ว่าน่าทึ่ง

แม้ว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะทำผิดพลาดหลายครั้ง แต่ก็ยังพอมีพื้นฐานอยู่ ถึงจะไม่อาจเรียกว่ายอดเยี่ยมแต่ก็ถือได้ว่าพอมีมาตรฐาน

เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเรื่องอื้อฉาวของจิ่งหนิงได้รับความนิยมอย่างมากบนอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งกองละครที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ก็ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้นไปด้วยเล็กน้อย

ดังนั้นเที่ยงวันนี้สื่อมวลชนจึงมาเพื่อถ่ายภาพ หลินซูฝานได้รับแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว สำหรับการจัดการเรื่องนี้เขาเองไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ

เขาแค่สนใจจะสร้างละครดีๆ เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ใครจะทำอะไรก็ทำ เขาไม่สนและไม่ใส่ใจ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset