บทที่ 192 สัมภาษณ์กองถ่าย
“เจ้า เจ้า….”
เธอจ้องมองไปที่จิ่งหนิง เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาคู่นั่นก็ราวกับเผชิญกับสระน้ำลึกจนไร้ก้นสองสระ มีพลังร้ายกาจจนดึงดูดผู้คนให้เข้าไป
“คัต! ”
เสียงผู้ชายดังขึ้น
หลินซูฝานยืนขึ้นจากหลังกล้อง เขาขมวดคิ้วมองไปที่จิ่งเสี่ยวหย่า แล้วเอ่ยถาม “คุณเป็นอะไรหรือ? เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าอยู่ตั้งนานแล้วยังไม่พูดต่อ บทง่ายขนาดนี้จำไม่ได้หรือไง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าได้สติขึ้นมาทันที
เธอมองไปที่จิ่งหนิงด้วยความประหลาดใจ และเห็นแค่ว่าอีกฝ่ายยืดตัวขึ้นตรงไปแล้ว และกำลังปัดแขนเสื้อของตัวเองอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าราบเรียบ
ในใจของจิ่งเสี่ยวหย่าตื่นตะลึง
เธอกัดฟันแน่นและเก็บแววตาที่โกรธเกรี้ยวกลับเข้าไป จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเครียด “ขอโทษค่ะผู้กำกับหลิน เมื่อครู่ฉันรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง ก็เลยเอ่ยบทติดขัดไป พวกเราเริ่มใหม่อีกครั้งเถอะ!”
หลินซูฝานขมวดคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และให้พวกเธอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
จิ่งหนิงนำคนกลับไปยังตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
ด้านนอก นักข่าวบันเทิงที่มารอสัมภาษณ์ได้ตั้งกล้องเอาไว้นานแล้ว และถ่ายทำทั่วอยู่ทุกมุมอย่างไม่มีหลุดรอดไป
มีคนกระซิบกระซาบขึ้น “ได้ยินมาว่าเป็นนางเอกหน้าใหม่ แต่เดิมก็นึกว่าเป็นพวกมือใหม่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสือซ่อนเล็บ”
“อืม ไม่เลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบทหรือสายตา ล้วนไม่เลวเลย ถ้าไม่รู้มาก่อนยังคิดไปว่าก็เป็นดารารุ่นพี่! ”
“ตรงกันข้าม คนที่ได้รางวัลร้อยดอกไม้คนนั้นกลับไม่ค่อยน่าพอใจอยู่บ้าง!”
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ นี่แค่รอบแรก มีนักแสดงคนไหนบ้างที่ไม่เคยNG? ครั้งต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะดีแล้วก็ได้”
“ใช่ เมื่อครู่เธอก็บอกไม่ใช่หรือว่าเธอรู้สึกไม่สบาย? คุณดูเห็นใบหน้าของเธอดูไม่ได้ขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะป่วย! พวกเราอย่าได้เข้มงวดเกินไปเลย”
เสียงกระซิบของผู้คนที่สัญจรไปมา ได้ตกเข้าสู่หูของนักข่าวบันเทิง
ทุกคนมองหน้ากัน และไม่พูดอะไร แต่พวกเขากลับได้แอบเก็บคำเหล่านี้ลงในใจแล้ว
อีกด้านหนึ่ง จิ่งหนิงเดินเข้าไปในตำหนักอีกครั้ง และหยุดลงที่ตรงหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่า
เธองอตัวเล็กน้อย จับคางของจิ่งเสี่ยวหย่าไว้ในมือเดียว สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเยียบเย็น มุมปากประดับรอยยิ้มที่คล้ายกำลังเย้ยหยัน
บรรยากาศปกคลุมไปทั่ว ไม่ว่าจะคิ้วที่ขมวดขึ้นเบาๆ หรือสายตาที่สบมา กลับทำให้คนสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่พุ่งเข้าใส่
“สภาพเจ้าในตอนนี้แม้กระทั่งสุนัขยังไม่อาจเทียบ เจ้าว่า ข้าจะสนใจเมตตาสุนัขที่กระดิกหางขอความเมตตาหรือไม่? หืม?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากำหมัดแน่นอย่างลับๆ
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงถูกส่งมาจากปลายนิ้วของเธอ เธอถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น และมองเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาของจิ่งหนิง
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับตกอยู่ในหลุมดำ ทั้งตัวถูกล้อมไปด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าสู่ไขกระดูก จนต้องตัวสั่นสะท้านออกมา
เธอกลืนน้ำลาย ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะส่งเสียงออกมาได้ในที่สุด
“เจ้า ในเมื่อเจ้าไม่สนใจ แล้ววันนี้จะมาปรากฏขึ้นที่นี่ทำไม?”
“คัต! ”
เสียงของ หลินซูฝานดังขึ้นอีกครั้ง
เขาระงับความโกรธ และข่มความหงุดหงิดในใจลงไป จากนั้นก็พูดกับจิ่งเสี่ยวหย่า “อารมณ์เมื่อกี้ไม่ถูกต้อง จำเอาไว้ ถึงเธอจะเป็นฮองเฮาที่ถูกปลด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ผลักคุณลงจากตำแหน่ง อย่างน้อยๆ สปิริตก็ยังต้องมีเหลืออยู่บ้าง!
เมื่อกี้คุณแสดงขี้ขลาดเกินไป เหมือนกับนางกำนัลตัวเล็กๆ ท่าทางต้องกล้ามากขึ้นกว่านี้ เข้าใจไหม?”
สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าดูไม่ได้อยู่บ้าง
แต่เธอก็ยังพยักหน้า
“อีกที!”
“สภาพเจ้าในตอนนี้แม้กระทั่งสุนัขยังไม่อาจเทียบ เจ้าว่า ข้าจะสนใจเมตตาสุนัขที่กระดิกหางขอความเมตตาหรือไม่? หืม?”
“ในเมื่อเจ้าไม่สนใจ แล้ววันนี้จะมาปรากฏขึ้นที่นี่ทำไม?”
“คัต! ”
หลินซูฝานลุกยืนขึ้นจากด้านหลังกล้องอย่างหมดคำพูด เขาชี้ไปที่จิ่งเสี่ยวหย่าและพูดว่า “นี่คุณคิดจะงัดข้อกับฮองเฮาคนใหม่หรือยังไง?
คุณเป็นแค่อดีตฮองเฮา ไร้ทางสู้ ผู้คนสามารถบีบคุณให้ตายได้ด้วยนิ้วของพวกเขา คุณพูดแบบนี้กับเธอคือไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรอ?”
ใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าปั้นยากขีดสุด
เธอทนไม่ไหวและตอกกลับไป “เมื่อกี้คุณไม่ได้บอกให้ฉันเล่นแบบมีสปิริตหน่อยหรือไง”
เมื่อหลินซูฝานเห็นว่าเธอยังมีข้ออ้างอยู่ เขาก็โมโหจนเลือดลมติดขัดขึ้นมา
“ฉันให้คุณแสดงมีสปิริตกว่านี้ แต่ไม่ได้บอกให้ก้าวร้าวเหมือนพวกทหารเดนตาย!”
“คุณ!”
ตั้งแต่เธอเดบิวต์มา จิ่งเสี่ยวหย่าไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้ตอนนี้ในฉากยังมีสื่อบันเทิงมากมายอยู่ ตอนนี้เธอเก็บสีหน้าไม่ไหวอีกต่อไป
มีคนกระซิบกับหลินซูฝาน
“ผู้กำกับหลิน ใจเย็นๆ สักหน่อย ฉากนี้ยากอยู่หน่อย เสี่ยวหย่าเองก็ไม่สามารถเล่นได้ดีในทันที ให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอต้องเล่นได้ดีแน่”
หลินซูฝานพูดอย่างรำคาญ “ยาก? ยากขนาดไหน? คนมาใหม่ยังเล่นได้ดี แต่กลับเป็นเธอที่ทำไม่ได้? อายไหม?”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา จิ่งเสี่ยวหย่าก็รู้สึกเลือดขึ้นหน้าโกรธจนหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาแล้ว
แต่ต่อหน้าสื่อมากมายขนาดนี้ เธอจะอาละวาดก็ไม่ดีนัก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสียชื่อเสียง
ไม่นานนัก เธอก็พยายามระงับความโกรธเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดี “ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันเล่นไม่ดี พวกเราเริ่มกันอีกครั้งเถอะ!”
หลินซูฝานเหลือบมองเธอ สุดท้ายก็สั่งให้เริ่มใหม่อีกครั้งด้วยใบหน้าที่เย็นชา
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจที่พังทลายหรืออะไร วันนี้จิ่งเสี่ยวหย่าเล่นได้ไม่ดีนัก
กว่าจะผ่านบทเมื่อครู่ไปก็ไม่ง่าย แต่หลังจากนั้น เมื่อถึงตอนที่ต้องที่บอกจิ่งหนิงว่าฆาตกรตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังคือฮ่องเต้ เธอกลับพูดไม่ออกอีก
เธอมักจะรู้สึกว่า ดวงตาคู่นั้นของจิ่งหนิง เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มีพิษอยู่ในนั้น
ตอนจ้องมองไปที่เธอ ตนเองถึงกับตัวสั่น การต่อสู้เดิมพันก่อนตาย พูดคำที่ต้องเอ่ยออกมา กลับติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดได้อย่างไร
ในใจของจิ่งเสี่ยวหย่าตกอยู่ในความร้อนรนอย่างมาก
ในตรงกันข้าม จิ่งหนิงกลับสงบอย่างหาที่เปรียบมิได้
เธอก้มมองใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่า สีหน้าสงบนิ่งน่าเกรงขาม แม้ว่าใบหน้าที่ประณีตและเย็นชานั้นจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับมีพลังบางอย่างแผ่ออกมาจากดวงตาของเธอ จนทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง
หลินซูฝานรู้ดีว่า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงไม่ได้ผลใดๆ ออกมา
ในที่สุด เขาก็สั่งพัก และถ่ายทำต่อในช่วงบ่าย
ฉากนี้ สุดท้ายก็ยังถ่ายทำไม่จบ
ไม่ต้องบอกเลยว่าในใจของจิ่งเสี่ยวหย่านั้นโกรธและหงุดหงิดแค่ไหน
เดิมทีเธอคิดว่าต่อหน้าสื่อในวันนี้ เธอจะทำผลงานได้ดี แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะไป
ทันทีที่การถ่ายทำสิ้นสุดลง ก็มีนักข่าวบันเทิงที่รอสัมภาษณ์เป็นเวลานานกรูเข้ามา
“จิ่งเสี่ยวหย่าฉันเห็นคุณมาตลอดในตอนนี้เหตุใดที่ทำให้เล่นไม่ผ่าน”
“จิ่งเสี่ยวหย่า เมื่อกี้เห็นคุณมีNGตลอด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ฉากนี้เล่นต่อไปไม่ได้?”
“จิ่งเสี่ยวหย่า เมื่อครู่เห็นคุณพูดบทไม่ออก ลืมบทหรือ?”
“จิ่งเสี่ยวหย่า คุณมีชื่อเรื่องความทุ่มเทอย่างมืออาชีพมาตลอด แต่กลับจำบทไม่ได้ ไม่ทราบว่าความทุ่มเทเมื่อก่อนหน้า เป็นบริษัทที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อคุณใช่หรือไม่?”
“จิ่งเสี่ยวหย่า คุณNGตลอด แต่จิ่งหนิงที่เล่นคู่กับคุณกลับแสดงได้ดีมาก คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้?”
ไม่เพียงแค่จิ่งเสี่ยวหย่าเท่านั้นที่ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้สื่อข่าว แต่ยังรวมถึงจิ่งหนิงด้วย