บทที่ 193 ตกเป็นเหยื่อ
ก่อนหน้านี้ เมื่อทุกคนรู้ว่าเธอรับบทเป็นนางเอก ก็ล้วนคิดว่าเธอเป็นพวกที่สวยแต่เปลือกเท่านั้น
ใช้วิธีการผิดศีลธรรมบางอย่างเพื่อให้ได้บทนี้มา อีกทั้งยังกดขี่น้องสาวของตัวเอง ดังนั้น ทุกคนจึงไม่สนใจที่จะสัมภาษณ์เธอ
แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ในวันนี้ ถึงค่อยรู้ว่าตนเองเข้าใจผิดไปมากแค่ไหน
จิ่งหนิงคนนี้นอกจากจะไม่เพียงแต่แสดงเก่งแล้ว ยังถือได้ว่าสุดยอดอีกต่างหาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรยากาศที่ปกคลุมทั่วทั้งฉากเมื่อครู่ ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีคนนั่งใกล้ๆ อยู่ แค่มองดูฉากนั้น ก็คล้ายกับว่าคนถูกดึงดูดเข้าไป และรู้สึกว่าเธอเป็นฮองเฮาที่สูงศักดิ์อยู่เหนือผู้ใดจริงๆ!
คนแบบนี้หากได้ออกสู่วงการ จะต้องฉายแววในแวดวงบันเทิงแน่
มีผู้สื่อข่าวที่มองเห็นแววตั้งนานแล้ว อดไม่ได้ที่จะชื่นชอบจิ่งหนิงและถือไมโครโฟนเอ่ยถามคำถาม “คุณจิ่งหนิง ไม่ทราบว่านี่เป็นการแสดงครั้งแรกของคุณจริงๆ หรือ?”
จิ่งหนิงมองไปที่เธอ กะพริบตา และพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“ไม่ทราบว่าก่อนหน้านั้นคุณเคยฝึกฝนมาก่อนหรือไม่? เพราะเมื่อกี้เห็นคุณแสดง ดูแล้วไม่คล้ายความสามารถของนักแสดงหน้าใหม่เลย”
จิ่งหนิงยิ้ม ใบหน้าที่งดงามไร้ท่าทีสูงศักดิ์เย็นชาอย่างในฉาก
เมื่อเผชิญกับกล้องและไมโครโฟนจำนวนนับไม่ถ้วน ใบหน้ายังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเขินอายและไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง แต่ยังให้ความรู้สึกเป็นที่น่าชื่นชอบ
เธอเอ่ยเสียงนุ่ม “ไม่มีค่ะ แต่ก่อนที่จะเข้ากอง ฉันได้ยินมาว่าละครเรื่องนี้เป็นเลือดเนื้อของผู้กำกับหลินในหลายปีที่ผ่านมา เขาชื่นชมฉัน ดังนั้นฉันย่อมไม่อาจทำให้เข้าผิดหวังได้
ดังนั้น ฉันจึงศึกษาบทและตัวละครอย่างละเอียดมาก่อน บางทีอาจเป็นเหตุนี้ ตอนที่แสดง ฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นฟู่ฉาชุน แบบนั้นก็เลยทำให้ทุกอย่างออกมาราบรื่นเป็นพิเศษ!”
“คุณเพิ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นเลือดเนื้อของผู้กำกับหลินในหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นก็เลยใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าข่าวลือเกี่ยวกับคุณและผู้กำกับหลินที่แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
ทันทีที่คำถามนี้ถูกโยนออกไป รอบข้างก็เข้าสู่ความเงียบ
ราวกับว่าไม่มีใครคิดว่า จะมีคนตั้งคำถามนี้ขึ้นมาโดยไม่ดูสถานการณ์แบบนี้
เนื่องจากท้ายที่สุดแล้ววันนี้เป็นการสัมภาษณ์ทีมกองถ่าย ดังนั้นคำถามที่จะถาม ล้วนเป็นทีมงานในกองที่เลือกเอาไว้ก่อนแล้ว และสามารถถามได้แค่คำถามเกี่ยวกับละครเท่านั้น
และแม้ว่าจิ่งหนิงจะไม่ตอบ ก็ไม่มีใครว่าอะไร
อย่างไรก็ตาม เธอกลับมีรอยยิ้มจางๆ เธอมองไปที่ผู้ถามเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “คุณคิดอย่างไรคะ? “
คนคนนั้นนิ่งไป เธอไม่คิดว่าจิ่งหนิงจะโยนคำถามมาให้ตนเอง
เธอเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “เอ่อ เอ่อพวกเราจะรู้ได้ยังไง! ”
จิ่งหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ “คุณไม่รู้ ดังนั้นคุณก็เลยสงสัย ฉันเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกับคุณ เพียงแต่สถานการณ์ในวันนี้ไม่อำนวยที่จะถามคำถามขึ้นมามากมาย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นฉันจะตอบทีเดียวเลยแล้วกันนะคะ! เป็นเรื่องโกหก ระหว่างฉันกับผู้กำกับ หลินซูฝานมีความสัมพันธ์แค่ผู้ร่วมงานกันเท่านั้น นอกจากนี้ไม่มีอะไรอื่นอีก”
เธอตอบกลับอย่างมั่นใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เท่ากับเป็นการเปิดจิตวิญญาณการซุบซิบนินทาของนักข่าวขึ้นมา
ทันใดนั้นมีคนถามขึ้นทันทีว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องโกหก แล้วไม่ทราบว่าภาพเหล่านั้นที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตมีความเป็นมายังไง?”
“ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าคุณมีความสัมพันธ์ลับๆ กับ หลินซูฝานอีกทั้งยังมีรูปกอดกันตรงทางเดินของร้านอาหารตอนนี้ยังมีรูปคุณเข้าห้องของเขาตอนดึก คุณจะอธิบายเรื่องพวกนี้อย่างไร?”
“แม้ว่าทักษะการแสดงของคุณจะเป็นที่ประจักษ์ แต่ก่อนที่คุณจะปรากฏตัวในละครเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ทุกคนยังไม่เคยเห็นความสามารถของคุณมาก่อน ไม่ทราบว่าคุณเอ่ยชักชวนหลินซูฝานอย่างไรให้คุณเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้?”
“……”
ปัญหามากมายนับไม่ถ้วน ถาโถมเข้ามาทันที
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังเกินจะควบคุมได้ โม่หนานที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็คิดจะเข้ามาหยุดพวกเขาไว้
อย่างไรก็ตามเพิ่งจะขยับตัว เธอก็ถูกสายตาของจิ่งหนิงหยุดเอาไว้
ด้านข้าง นักข่าวที่สัมภาษณ์จิ่งเสี่ยวหย่าอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าเธอเต็มใจที่จะตอบคำถามนี้ พวกเขาก็เข้ามาด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้น จิ่งเสี่ยวหย่าที่ถูกผู้คนมากมายรายล้อมก็แปรเปลี่ยนเหลือแค่ความว่างเปล่า กลับเป็นจิ่งหนิ่งที่กำลังถูกรายล้อมอย่างวุ่นวายราวกับดาราขวัญใจผู้คน
ทันใดนั้นเธอก็โกรธขึ้นมาทันที
จิ่งหนิง กำลังจงใจต่อต้านเธอไม่หรือไม่?
แม้กระทั่งการสัมภาษณ์ยังแย่งเธอไป?
จิ่งเสี่ยวหย่าแอบกำหมัดแน่น และมองไปที่จิ่งหนิงที่รายล้อมไปด้วยฝูงชน เธอแค่นยิ้มอย่างเย็นชาจากก้นบึ้งในใจ
ดี ฉันเองก็อยากเห็นนัก ว่าคำถามพวกนี้ เธอจะตอบยังไง!
ต่อหน้าฝูงชนที่กำลังยื้อแย่งเข้ามา สีหน้าของจิ่งหนิงกลับยังสงบนิ่ง ไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
หลังจากที่ทุกคนเงียบลงบ้างแล้ว เธอถึงค่อยพูดอย่างใจเย็น “สำหรับเรื่องเมื่อคืน ที่จริงไม่ใช่แค่พวกคุณที่สงสัย ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน”
ทุกคนตะลึงไป มีบางคนไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
จิ่งหนิงยิ้มจางๆ มุมปากเกิดรอยยิ้มเย้ยหยัน “เรียนอย่างไม่ปิดบัง เมื่อคืนฉันได้รับสายจากผู้กำกับหลินเชิญให้ฉันไปคุยเรื่องบทที่จะถ่ายทำในวันนี้ และอันที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับกองถ่ายนี้อย่างยิ่ง
อย่างที่พวกคุณเห็น ฉากในวันนี้สมควรกล่าวได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของละครเรื่องนี้ ในฐานะผู้กำกับก็ไม่แปลกที่จะทำการอุ่นเครื่องให้กับนักแสดงหลักก่อนล่วงหน้า
แต่เรื่องที่แปลกก็คือ ทันทีที่ฉันเข้าไปในห้องผู้กำกับไม่นาน ก็ถูกคนวางยาทันที หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็สลบไปจนเช้าถึงฟื้นขึ้นมา
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อฉันกลับไป รูปถ่ายที่ฉันเข้าห้องผู้กำกับก็ถูกคนเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต และใช้สิ่งนี้เพื่อใส่ร้ายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา ฉันเองก็อยากรู้มากเช่นกัน ว่าใครอยู่เบื้องหลังการเล่นงานฉัน
ฉันเป็นแค่นักแสดงที่เพิ่งเข้าวงการมา อีกทั้งยังไม่เคยไปขวางทางใครหรือทำให้ใครขุ่นเคือง
แต่คนที่วางแผนทั้งหมดนี้ กลับคิดจะฆ่าฉัน ทำลายชื่อเสียงของฉัน ถ้าใครมีเบาะแสอะไรก็สามารถบอกฉันได้เช่นกัน ฉันจะขอบคุณอย่างยิ่ง”
ทันทีที่คำพูดถูกพูดออกมา ผู้คนต่างก็ลุกฮือ
คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก
มีคนถามทันทีว่า “คุณบอกว่ามีคนวางยา มีหลักฐานหรือไม่?”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว และมองไปยังคนที่ถาม “แน่นอนว่ามี”
เธอพูด จากนั้นก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า และยื่นมันต่อหน้าทุกคน
“ทุกคนก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว นี่คือรายงานผลการพิสูจน์ บนนั้นยืนยันแล้วว่าเมื่อคืนในอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้กำกับหลินและฉันทาน มีส่วนผสมของยาที่ทำให้สลบ”
ทันใดนั้นก็มีคนยกกล้องขึ้นมา และถ่ายรูปผลการพิสูจน์เอาไว้
จิ่งหนิงไม่ได้ขยับ และปล่อยให้พวกเขาถ่ายไป จนกระทั่งได้รูปมากพอแล้วถึงค่อยเก็บรายงานขึ้นมา
“ดังนั้น ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยว่า ในกองถ่ายมีบางคนที่คิดไม่ดีต่อฉัน และต้องการใช้ผู้กำกับหลินเพื่อทำลายชื่อเสียงและอนาคตของฉัน
ส่วนที่ว่าจะเป็นใครนั้น ฉันได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ฉันเชื่อว่าตอนนั้นฉันจะได้รับความยุติธรรม หากเพื่อนสื่อมวลชนสนใจ ก็สามารถติดตามเรื่องได้ด้วยตนเอง ฉันไม่มีความเห็นอื่นอีก”
จิ่งหนิงพูดจบ ก็ให้ โม่หนานไปส่งตน และสิ้นสุดการสัมภาษณ์ลง