บทที่ 196 ไม่เชื่อเธอแน่
“แต่ก็ไม่ควรปล่อยไปง่ายๆแบบนี้นะ!เพียงแค่บอกมา ฉันมีวิธีจัดการกับเธอร้อยแปดพันเก้าให้เธอเปิดปากพูด!”
จิ่งหนิงหันหลังกลับมาจ้องมองโม่หนาน
“โม่หนาน อย่าวู่วามไป!”
โม่หนานไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดาทั่วไป เรื่องนี้จิ่งหนิงรู้ดี
ทักษะและการใช้วิทยายุทธของเธอนั้นเหนือกว่าบอดี้การ์ดคนอื่นๆที่เคยพบมา การที่ลู่จิ่งเซินให้เธอมาอยู่ข้างจิ่งหนิงคนเดียวแบบนี้เพื่อปกป้องความปลอดภัยของจิ่งหนิง สามารถเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเก่งกาจกว่าคนอื่นแน่นอน
เมื่อโม่หนานเห็นท่าทางที่ค่อนข้างระมัดระวังของเธอก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความรำคาญ
“เอ่อคือ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ากว่าจะได้ตัวมาไม่ง่ายเลย ทำไมยังปล่อยไปอีก ขาดทุนขนาดไหนเนี่ย?”
จิ่งหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ที่จริงไม่ได้ขาดทุนเลย”
โม่หนานตกตะลึง
“ฉันรู้จักจิ่งเสี่ยวหย่าดี เธอชอบหวาดระแวงไปทั่ว ในเมื่อรู้ว่าเราจับเสี่ยวขุยได้และตอนนี้ก็หนีกลับไปแล้ว จิ่งเสี่ยวหย่าจะไม่เชื่อเธออีกแน่นอน
ปกติแล้วจิ่งเสี่ยวหย่าก็ไม่ได้ดีกับเสี่ยวขุยสักเท่าไหร่ การที่เสี่ยวขุยเต็มใจช่วยเก็บความลับนี้เอาไว้ บางทีจิ่งเสี่ยวหย่าอาจจะมีแผนการหรือกุมความลับของเสี่ยวขุยอยู่ก็เป็นได้
การที่เราไปบีบบังคับเธอแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถคั้นความจริงออกมาได้แล้ว ยังอาจจะทำให้เธอหมดหนทางด้วย สู้ปล่อยให้เธอไปดีกว่า
ถ้าจิ่งเสี่ยวหย่าไม่เชื่อใจเธอแล้วจริงๆ ก็คงจะไม่เก็บเธอไว้ข้างกาย ถึงเวลานั้นพวกเราลงออกมือก็ยังไม่สายเกินไป”
โม่หนานเบิกตาโตกว้าง ตอนนี้เธอจึงพึ่งคิดขึ้นมาได้ว่าแท้จริงแล้วจิ่งหนิงมีแผนการเช่นนี้
เมื่อเข้าใจความคิดของเธอ โม่หนานก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ว่าความคิดของจิ่งหนิงนั้นละเอียดอ่อนจริงๆ
เธอจึงเอ่ยชมขึ้นว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณฉลาดมาก!”
จิ่งหนิงหัวเราะขึ้นแล้วพูดว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กๆน้อยๆ ไม่มีอะไรหรอก”
เมื่อมาถึงกองถ่าย ทุกสิ่งก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เพียงไม่นานหลินซูฝานก็เริ่มตะโกนเพื่อถ่ายทำ
จิ่งหนิงยังไม่ได้ล้างหน้าลบเครื่องสำอางออก ดังนั้นเธอเพียงแค่เติมเมคอัพนิดหน่อยก็สามารถถ่ายต่อได้อย่างเต็มที่
จิ่งเสี่ยวหย่าเองก็เช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้ศึกษาบทมาอย่างดีหรือเพราะอารมณ์ที่ค่อนข้างล่องลอยในวันนี้ จึงทำให้การแสดงของเธอผิดพลาดอยู่หลายฉาก
แม้ว่าเธอจะพูดตรงตามบทแต่การแสดงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป ท้ายที่สุดหลินซูฝานก็หมดความอดทน
เมื่อเห็นว่าเป็นดังนี้ ถ่ายต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ อีกทั้งตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วจึงให้เธอกลับไปพักผ่อนก่อน อย่าเพิ่งถ่ายในวันนี้ ฉากนี้ค่อยถ่ายตอนหลังก็ได้
จิ่งเสี่ยวหย่าถูกกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้อารมณ์ของเธอแย่ลงกว่าเดิม เมื่อเสี่ยวขุยกลับมาถึง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาของจิ่งเสี่ยวหย่าแทบจะลุกเป็นไฟ
“ไปตายที่ไหนมาเพิ่งกลับมาตอนนี้?”
เสี่ยวขุยหลบตาเธอไม่กล้ามองหน้า
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้มว่า “ฉัน ฉันไม่ได้ไปไหนมา”
“ไม่ได้ไปไหนอย่างนั้นเหรอ?” จิ่งเสี่ยวหย่ามองดูเธอด้วยสายตาสงสัยแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกโม่หนานพาตัวไป?”
ร่างของเสี่ยวขุยสะดุ้งสั่นเล็กน้อย
แม้จะเป็นปฏิกิริยาเพียงชั่ววินาทีแต่ก็ถูกจิ่งเสี่ยวหย่าจับได้อยู่ดี
เธอหัวเราะขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
“ดูแล้วเหมือนว่าจะพูดไปทุกอย่างสินะ”
“ฉันเปล่า!”
เสี่ยวขุยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่จิ่งเสี่ยวหย่าจะเชื่อเธอหรือ?
“เปล่าอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้แกไปที่ไหนมา อย่าบอกนะว่าออกไปข้างนอกแล้วหลงทางหาทางกลับมาไม่เจอ คิดว่าจะหลอกกันได้ง่ายๆเหรอ?”
เสี่ยวขุยแทบจะร้องไห้ออกมา
“พี่เสี่ยวหย่าคะ ฉันไม่ได้พูดจริงๆ วันนี้ฉันถูกโม่หนานพาจับตัวไป แต่ไม่ว่าเธอจะทำยังไงฉันก็ไม่ได้พูด พี่ต้องเชื่อฉันนะ”
จิ่งเสี่ยวหย่ามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
เสี่ยวขุยไม่รู้จะทำอย่างไร เธอได้แต่พูดออกมาทั้งน้ำตาว่า “ต่อให้คุณไม่เชื่อในความภักดีของฉัน แต่แม่ของฉันก็ยังต้องการเงินที่จะเอาไปเพื่อผ่าตัด ตอนนี้เงินยังไม่ได้ ฉันจะพูดออกไปได้ยังไง!?”
เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าได้ยินดังนี้เธอก็เริ่มเชื่อขึ้นมาบ้าง
แต่ยังมองเธอด้วยสายตาสงสัยแล้วถามว่า “สาบานไหม?”
“ฉันสาบานค่ะ!”
“ก็ได้ฉันจะเชื่อเธอ”
เมื่อพูดจบเธอก็ถอนหายใจออกมาแล้วเดินจากไป
เสี่ยวขุยรีบรั้งเธอเอาไว้
“พี่เสี่ยวหย่า คุณบอกฉันแล้วว่าถ้าฉันช่วยทำเรื่องนี้คุณจะให้เงินฉัน ตอนนี้……ตอนนี้ให้ฉันได้ไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่ามองดูเธอแล้วหัวเราะ
“ยังจัดการไม่เสร็จก็จะเอาเงินตอนนี้เหรอ? เสี่ยวขุยแกคิดว่าเงินของฉันหามาได้ง่ายๆหรือไง?”
เสี่ยวขุยตกตะลึงแล้วรีบส่ายหัว
“ไม่ใช่ค่ะ”
“เหอะๆ วางใจเถอะ เงินที่ควรจะได้ฉันจะไม่ให้ขาดแม้แต่สตางค์เดียว แต่จะต้องช่วยฉันทำอีกเรื่องหนึ่ง”
เมื่อเสี่ยวขุยได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดทันที
“เรื่อง เรื่องอะไรคะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าโบกมือให้เธอเข้ามาใกล้ๆจากนั้นกระซิบที่ข้างหูเธอ
อีกมุมหนึ่ง
เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าถูกสั่งให้กลับไปพักผ่อนก็เปลี่ยนเป็นฉากระหว่างจิ่งหนิงและสวี่เจียมู่ที่รับบทเป็นจักรพรรดิกำลังถ่ายทำต่อ
ทั้งสองถ่ายทำอย่างราบรื่น แทบไม่เคยสั่งNGเลยด้วยซ้ำ พวกเขาถ่ายทำผลงานของวันนี้ออกมาจนสำเร็จอย่างราบรื่น
เนื่องจากตอนเย็นไม่มีฉากที่เธอต้องถ่ายทำ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรงเธอก็เลิกงาน
จิ่งหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเก็บของเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาจากโรงแรมพร้อมกับโม่หนาน
โม่หนานกระซิบเบาๆว่า “เป็นไปตามที่คุณคิดไว้จริงๆ เสี่ยวขุยมีเรื่องบางสิ่งที่อยู่ในกำมือของจิ่งเสี่ยวหย่า”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว เธอไม่ได้แปลกใจอะไร
“เรื่องอะไรกัน?”
“ดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะป่วยและต้องการเงินเพื่อไปทำการผ่าตัด จิ่งเสี่ยวหย่าสัญญาว่าจะจ่ายค่าผ่าตัดให้เธอ”
จิ่งหนิงยิ้ม
“เป็นลูกที่กตัญญูจริงๆ”
โม่หนานถอนหายใจออกมา
ก่อนหน้านี้เธอเกลียดการกระทำของเสี่ยวขุยมาก แต่ตอนนี้ก็รู้สึกสับสน
“ช่างน่าสงสารจริงๆ”
“แล้วจิ่งเสี่ยวหย่าให้เงินเธอหรือยัง?”
“ยัง เห็นบอกว่าจะให้เธอจัดการเรื่องบางอย่างอีกเรื่องก่อน”
จิ่งหนิงแสดงสีหน้าไม่คาดคิดออกมา
“ได้ยินหรือเปล่าว่าเธอสั่งให้ไปทำอะไร?”
โม่หนานขมวดคิ้วแล้วส่ายหัวพูดว่า “ฉันฟังไม่ชัดเพราะว่ามันไกลเกินไป ตอนนั้นทั้งสองคนพูดจากระซิบกระซาบ ฟังไม่ได้ยินหรอก”
จิ่งหนิงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
“ไม่เป็นไร รอดูกลางคืนก็แล้วกัน”
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม เธอก็อาบน้ำก่อนอันดับแรก
กองถ่ายนี้แม้ว่าจะค่อนข้างห่างไกลชนบท แต่เศรษฐกิจก็เจริญรุ่งเรืองเนื่องจากมีทีมงานมาถ่ายทำตลอดทั้งปี
ด้านนอกไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่นัก มีถนนคนเดินขายของกินมากมาย วันนี้จิ่งหนิงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอพาโม่หนานไปที่ถนนคนเดินนั้น
เมื่อทั้งสองคนเดินออกไปก็มีเงาคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าห้องของเธอทั้งสองคน
เงานั้นค่อนข้างผอมบาง มองซ้ายมองขวาและเมื่อพบว่าไม่มีคนอยู่ด้านนอก ก็หยิบกุญแจขึ้นมาและไขมันเข้าไปด้านใน
หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าในห้องนั้นไม่มีใครอยู่ ทำให้เธอรู้สึกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและจึงเริ่มมองหาสิ่งที่ต้องการ
“อยู่ที่ไหนกันนะ?”
เสี่ยวขุยขมวดคิ้วแน่น เธอจำได้ว่าจิ่งหนิงและโม่หนานกลับมาอยู่ในห้องไม่นานเท่าไหร่ หักล้างเวลาที่อาบน้ำไปแล้วก็แทบไม่มีเวลาจะไปซุกซ่อนสิ่งของใด ดังนั้นของน่าจะถูกซ่อนในที่หาไม่ยากนัก
ไม่ใช่ว่าเอาออกไปด้วยเหรอ?
ไม่จริงน่า
พวกเธอสองคนออกไปกินอาหารค่ำ ถ้านำสิ่งของนี้ติดตัวไปด้วยแล้วเกิดทำหายขึ้นมาก็คงจะแย่แน่ ของนั้นจะต้องอยู่ในห้องแน่นอน!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเสี่ยวขุยก็ตั้งใจค้นหามันต่อไป