วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 200 กระแสวิจารณ์

บทที่ 200 กระแสวิจารณ์

ที่จริงเธอไม่ได้สนใจว่าเสี่ยวขุยจะเป็นหรือจะตาย

แต่คนคนนี้จะตกอยู่ในน้ำมือของจิ่งหนิงไม่ได้เป็นอันขาด

เมื่อคิดได้ดังนั้น จิ่งเสี่ยวหย่าก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกัดฟันพูดออกมาว่า “ฉันขอพูดตามตรงนะว่าเมื่อคืนนี้ฉันมีบางเรื่องที่อยากจะคุยกับพี่ จึงให้เสี่ยวขุยมาหาพี่ แต่หลังจากเธอออกไปก็ไม่ได้กลับมาอีก

โทรศัพท์ไปก็ติดต่อไม่ได้ ดังนั้นเลยได้สงสัยขึ้น ถ้าพี่รู้ว่าเสี่ยวขุยอยู่ที่ไหนบอกฉันหน่อยได้ไหม อย่าให้ฉันเป็นห่วง”

จิ่งหนิงหรี่ตาลงแล้วหัวเราะ

“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่จู่ๆเธอก็เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาแล้วถามหาคนของเธอ ก็ว่าทำไมมันดูแปลกๆ!

ที่แท้เธอให้เสี่ยวขุยมาหาฉันเมื่อวานนี่เอง ใครไม่รู้คงจะคิดว่าเธอสั่งให้เสี่ยวขุยทำเรื่องไม่ดีอะไรเข้าจึงได้รีบมาตามหาแบบนี้เสียอีก”

เมื่อจิ่งหนิงพูดจบ จิ่งเสี่ยวหย่าก็หรี่ตาลง

ความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นในส่วนลึกของแววตาเธอ จิ่งเสี่ยวหย่าพยายามยืดตัวตรงและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง แค่ถ่ายทำแต่ละวันฉันก็วุ่นมากพอแล้ว จะมีกะจิตกะใจที่ไหนไปทำเรื่องแบบนั้นอีก”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็ดีแล้ว”

เธอหยุดพูดไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างกะทันหันว่า

“น่าเสียดายจริงๆฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน อีกทั้งเมื่อวานฉันก็ไม่ได้พบกับเธอด้วย เสี่ยวหย่า แน่ใจหรือว่าเมื่อวานนี้เธอมาหาฉันจริงๆ?”

จิ่งเสี่ยวหย่ามองมายังจิ่งหนิง รู้สึกว่าในแววตานั้นมุ่งมั่นมากไม่คล้ายกับเป็นการแสดง

จู่ๆเธอก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนอย่างอธิบายไม่ถูก

หรือว่าเสี่ยวขุยไม่ได้ทำตามที่เธอกำชับให้ไปขโมยหลักฐานรายงานการตรวจสอบยาในอาหารนั้นเหรอ?

แล้วทำไมถึงติดต่อเธอไม่ได้ล่ะ?

เกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่?

สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไป จากนั้นได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนบอกว่าให้พวกเธอไปเตรียมตัวได้แล้ว

จิ่งหนิงไม่ได้สนใจเธออีกและเดินตรงเข้าไปตามลำพัง

ตลอดทั้งช่วงเช้านั้น ทุกคนล้วนพบว่าจิ่งเสี่ยวหย่ามีท่าทางไม่ดีนัก

เดิมทีหลินซูฝานตั้งใจจะให้เธอถ่ายทำในช่วงที่ไม่ได้ถ่ายทำของเมื่อวาน แต่คาดไม่ถึงว่าเธอนอนพักผ่อนมาถึงหนึ่งวันเต็มแล้ว สภาพร่างกายเธอยังแย่กว่าเมื่อวาน อีกทั้งยังมีอารมณ์โมโหด้วย

จิ่งเสี่ยวหย่ารู้ว่าเธอผิด จึงได้ยืนให้ถูกตำหนิอยู่เงียบๆ แต่เธอก็แอบมองไปทางจิ่งหนิงเป็นระยะๆด้วยความไม่พอใจ

แต่ว่าจิ่งหนิงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและเดินกลับไปพักผ่อน

พวกเขาถ่ายทำจนถึงตอนเที่ยงจึงได้ถ่ายเสร็จ

พอถึงตอนบ่ายไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆก็มีวิดีโอของจิ่งเสี่ยวหย่าที่ถูกผู้กำกับดุด่าเผยแพร่กระจายในอินเทอร์เน็ต

วิดีโอนั้นถูกถ่ายอย่างชัดเจนในระยะทางค่อนข้างจะใกล้ เสียงของหลินซูฝานนั้นฟังชัดเจนทุกถ้อยคำ

ส่วนจิ่งเสี่ยวหย่าได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามองเท่าไหร่นัก เธอไม่ได้พูดอะไรเพื่อปฏิเสธความผิดของตน

บรรดาแฟนคลับที่เห็นวิดีโอของเธอนี้ก็โกรธขึ้นมาทันที

“ผู้กำกับคนนี้เป็นบ้าเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นผู้กำกับก็สามารถดุด่าคนอื่นอย่างไรก็ได้เหรอ สมองมีปัญหาหรือไง?”

“เสี่ยวหย่าของพวกเราน่าสงสารจังเลย เธอไม่กล้าโต้ตอบด้วยซ้ำ รู้อย่างนี้ไม่ถ่ายเรื่องนี้ยังดีกว่า!”

“เป็นผู้กำกับแล้วไง คิดว่าแฟนคลับเสี่ยวหย่าอย่างพวกเราไม่มีตัวตนอยู่หรือไง?”

“นิสัยแบบนี้ยังเป็นผู้กำกับได้อีกเหรอ วงการบันเทิงไม่มีคนแล้วหรือไง?”

“พระเจ้า! ฉันอยากจะไปที่กองถ่ายแล้วเตะเขาสักที”

ความคิดเห็นมากมายของบรรดาชาวเน็ตปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว#จิ่งเสี่ยวหย่าถูกด่า#และ#ผู้กำกับสุดห่วย# บลาๆๆ คีย์เวิร์ดเหล่านี้ขึ้นเป็นการค้นหาอันดับต้นๆ

เมื่อจิ่งหนิงได้เห็นวิดีโอเหล่านี้ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว

ในค่ำคืนนี้เธอยังมีอีกฉากหนึ่งที่ต้องถ่ายทำกับจิ่งเสี่ยวหย่า ดังนั้นเมื่อตอนบ่ายหลังจากยกเลิกกองเธอจึงไม่ได้รีบกลับไปที่ห้อง เธอกินข้าวและพักผ่อนอยู่ที่ห้องรับรองแทน

เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นวิดีโอนี้ก็ยิ้มขึ้น

“ถ่ายได้ไม่เลวนี่ มองจากมุมนี้แล้วผู้กำกับหลินค่อนข้างจะหนุ่มเดียวทีเดียว”

โม่หนานอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองเธอ

“โฟกัสอะไรผิดจุดไปหรือเปล่า?”

เธอเดินถือแก้วน้ำมะนาวยื่นให้จิ่งหนิง จากนั้นพูดว่า “แต่แผนนี้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ใช้วิธีเดียวกันจัดการกับคนที่จัดการเรา ครั้งที่แล้วมีคนมาสัมภาษณ์จิ่งเสี่ยวหย่า ทำให้ชื่อเสียงของเธอได้รับผลกระทบมากเหมือนกัน และถูกตั้งคำถามมากมาย เพียงแต่ฝ่ายนั้นถ่ายทำค่อนข้างที่จะอ้อมค้อมจึงมีผลกระทบไม่มากนัก”

เมื่อคลิปนี้เผยแพร่ออกไปคิดว่าทัศนคติของทุกคนที่มีต่อเธอคงจะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องที่ดีกับพวกเรา”

แต่ว่าจิ่งหนิงกลับส่ายหัว

“คลิปนี้ฉันไม่ใช่คนถ่าย”

โม่หนานตกตะลึง

เธอทำท่าทางประหลาดใจ

“อะไรนะ แล้วใครเป็นคนถ่ายล่ะ?”

จิ่งหนิงมองไปที่เธอ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

หา?

ไม่แปลกใจที่โม่หนานจะรู้สึกเช่นนี้ เนื่องจากในกองถ่ายไม่ว่าใครก็ตามที่แอบมีความเห็นด้านลบกับจิ่งเสี่ยวหย่า แต่ต่อหน้าแล้วทุกคนก็มักจะประจบประแจงเธอ

อย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่ แม้ว่าตอนนี้เธอจะค่อนข้างสับสนแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นสิ้นคิด ใครกันที่จะหาเรื่องใส่ตัว?

เนื่องจากนี้นับตั้งแต่แรกที่โม่หนานเห็นคลิปวิดีโอนี้ จึงคิดว่าจิ่งหนิงส่งคนให้มาแอบถ่าย

แต่คาดไม่ถึงว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของจิ่งหนิง

เธอสตั้นไปสองวินาที จากนั้นได้สติกลับคืนมาถามขึ้นว่า “แล้วจะเป็นใครทำกัน?”

จิ่งหนิงยังคงส่ายหน้า

เธอทำท่าครุ่นคิดแต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่แน่ใจ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เธอได้แต่เก็บมือถือลงไป

“ช่างมันเถอะ อย่างไรเสียก็ไม่มีผลร้ายกับเรา ไม่ว่าจะเป็นใครพวกเราคอยดูฉากเด็ดอยู่เงียบๆก็พอ”

โม่หนานพยักหน้า

ทันใดนั้นด้านนอกก็เป็นไปด้วยเสียงดังโวยวาย

โม่หนานรู้สึกประหลาดใจจึงได้เดินออกไปด้านนอกแล้วมองดู ไม่นานต่อมาสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทางไม่ดีนัก

จิ่งหนิงไม่ได้ลุกขึ้นดู เธอยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้เพราะเธอไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่

เมื่อเห็นว่าโม่หนานสีหน้าไม่ค่อยดี จึงได้หัวเราะแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?”

โม่หนานหัวเราะหึๆแล้วพูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ดีว่า “จะมีอะไรได้อีกละ เจ้าแมลงวันสองตัวนั่นบินตอมกันอีกแล้วไง!”

จิ่งหนิงเลิกคิ้วขึ้นเธอเข้าใจในความหมายนี้ดี

และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“มีอะไรให้โกรธกัน?”

“เพราะว่า……”

โม่หนานคล้ายกับอยากจะพูดอะไรออกมาแต่เมื่อเธอกำลังจะพูดมัน สุดท้ายก็กลืนคำพูดนั้นเอาไว้

เธอกัดฟันแน่นไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็ทำเพียงหัวเราะหึๆ

“คุณผู้ชายนี่จริงๆเลย คุณเข้ากลุ่มนี้มาตั้งนานแล้วเขาไม่เคยมาดูเลยสักครั้ง”

จิ่งหนิงมองดูเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ฉันไม่ให้เขามาเองแหละ”

โม่หนานชะงักและรู้สึกประหลาดใจ

จิ่งหนิงพูดขึ้นอย่างเงียบๆว่า “เคยได้ยินประโยคนี้ไหม?”

“ประโยคไหน?”

“พวกปวดโอ้ความรักมักจะตายเร็ว!”

เธอตบลงที่ไหล่ของโม่หนานแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันกับคุณผู้ชายของเธอจะอยู่กันไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย ยังไม่อยากตายเร็วขนาดนี้ เลยไม่อยากจะอวดให้ใครเห็น เธอไม่ต้องรู้สึกคับแค้นใจอะไรหรอก เข้าใจไหม?”

โม่หนานคิดไม่ถึงว่ายังมีคนคิดแบบนี้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีและยิ้มขึ้น

“รู้แล้วค่ะ”

จิ่งหนิงคิดไปคิดมา เธอนั่งอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ ในเมื่อข้างนอกแลดูมีชีวิตชีวาออกไปดูสักหน่อยก็ดี

ดังนั้นเธอจงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก

สถานที่ถ่ายทำตอนกลางคืนนั้น เป็นฉากที่ต่อสู้กันท่ามกลางสายฝน เรื่องสภาพแวดล้อมของฉากนั้นไม่ได้ซีเรียสมาก แต่จำเป็นจะต้องนำอุปกรณ์ประกอบฉากจำนวนมากขนย้ายออกไป ทำให้บริเวณส่วนกลางโล่งกว้าง

ช่วงยามต้นฤดูร้อน ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มมืดครึ้ม มองเห็นดวงจันทร์ปรากฏขึ้นแต่ท้องฟ้ายังไม่ได้มืดสนิท จึงทำให้ยังมองเห็นเมฆสีขาวที่ลอยอยู่บนฟ้า

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset