บทที่ 203 เขามีลูก
จิ่งหนิงตะลึงไปชั่วขณะแต่เธอประหลาดใจยิ่งกว่า
เดิมทีเธอจะปฏิเสธเขาไปตรงๆแต่เมื่อมองไปเห็นห้องรับรองที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ห้องนั้น เธอก็กลอกตากลับมาแล้วตอบตกลง
“ได้ค่ะ เข้ามาสิ!”
มู่ยั่นเจ๋อเดินตามเธอเข้าไปในห้อง
จิ่งหนิงไม่ได้เอ่ยทักทายเขาหรือถามสารทุกข์สุกดิบตามมารยาท เมื่อเข้ามาด้านในห้องเธอก็พิงไปที่ขอบโต๊ะ เอามือขึ้นกอดอกแล้วถามเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีเรื่องอะไรคะพูดมาเถอะ?”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ทำให้มู่ยั่นเจ๋อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดที่ทบทวนอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วนนั้น เมื่อมองเห็นสายตาอันเย็นชาของเธอก็ยากที่จะพูดออกมา
ผ่านไปสักพักเขาจึงได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรครับก็แค่ไม่ได้พูดคุยกับคุณจริงจังนานแล้ว อยากคุยด้วยกับคุณเฉยๆ”
จิ่งหนิงเผยอมุมปากขึ้นแต่ไม่มีรอยยิ้มออกมาจากดวงตาของเธอ
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขออภัยด้วย ฉันไม่ใช่จิ่งเสี่ยวหย่าฉันไม่สนใจผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว ในเมื่อไม่มีธุระอะไรฉันขอตัวก่อน”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืนและทำท่าเดินออกไปด้านนอก
มู่ยั่นเจ๋อตื่นตระหนกและรีบเอามือไปคว้ามือเธอไว้
“เดี๋ยวครับ!”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้เธอสะบัดมือเขาออกแล้วถอยหลังไปสองก้าวจากนั้นมองเขาอย่างเย็นชา
มือของมู่ยั่นเจ๋อชะงักลงท่ามกลางอากาศ
เขาตกตะลึงและมองไปทางจิ่งหนิง เมื่อพบว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีนักจากนั้นหยิบผ้าไหมเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า เช็ดตรงบริเวณที่ถูกเขาสัมผัสเมื่อสักครู่แล้วโยนมันทิ้งลงในถังขยะข้างๆ
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัว”
มู่ยั่นเจ๋อพูดไม่ออก เขารู้สึกอึดอัดและปวดใจ
คล้ายกับถูกบางสิ่งบางอย่างกุมหัวใจเอาไว้ มันรู้สึกเจ็บปวดรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก มันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก
เขาเม้มริมฝีปากผ่านไปหลายวินาทีก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า “ครับงั้นผมจะพูดตรงๆนะ”
สีหน้าของจิ่งหนิงยังคงสงบนิ่งไม่แม้แต่จะชายตามองเขา
แม้ว่ามู่ยั่นเจ๋อจะอัด แต่ก็รู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างนี้เขาเป็นคนทำมันเอง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นใด
ดังนั้นจึงได้พูดออกมาตรงๆว่า”เมื่อสองสามวันก่อน ผมไปเมืองหลวงมา”
จิ่งหนิงเลิกคิ้วขึ้น “เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
มู่ยั่นเจ๋อกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนไป เดาซิว่าผมเจอใคร?”
จิ่งหนิงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเล่นเกมทายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นจึงได้ตอบไปตรงๆว่า “ไม่รู้”
มู่ยั่นเจ๋อหยุดนิ่ง
ท่าทางของหญิงสาวปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อมและไม่มีความอดทนที่จะคุยกับเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจมาก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นว่า “ผมเจอลู่จิ่งเซิน”
จิ่งหนิงตะลึงเล็กน้อย
“ผมเห็นกับตาตัวเองว่าเขาอยู่กับเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4-5 ขวบ เด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกเขาว่าพ่อ ผมคิดว่าคุณคงจะรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร?”
จิ่งหนิงตกใจที่ได้ยิน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ ในที่สุดมู่ยั่นเจ๋อก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดออกมาว่า “เดิมทีผมก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับคุณหรอก แต่ผมไม่อยากเห็นคนถูกหลอกจริงๆ ลู่จิ่งเซินมันไม่ใช่คนดีอะไร คุณอยู่กับมันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก!
แม้แต่เรื่องที่เขามีลูกเขาก็ไม่บอกคุณ ไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่เรื่องที่เขาโกหกคุณอยู่ หนิงหนิงคุณต้องคิดให้ดีนะ อย่าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น”
ผ่านไปหลายวิกว่าจิ่งหนิงจะตั้งสติได้
เธอมองไปยังมู่ยั่นเจ๋อด้วยความงงงวย “ใครบอกว่าเขาโกหกฉันกัน?”
มู่ยั่นเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดใจ “เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้วคุณยังไม่เชื่อผมอีกเหรอเขามีลูก……”
“ฉันรู้ว่าเขามีลูก”
มู่ยั่นเจ๋อ “……”
จิ่งหนิงเหลือบมองไปยังเขาด้วยท่าทางรังเกียจแล้วเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ
“ฉันคิดว่าคุณมีเรื่องอะไรสำคัญมากจะคุยกับฉันซะอีก เรื่องแค่นี้เองเหรอ? เหอะๆ มู่ยั่นเจ๋อคุณอาจไม่รู้สึกว่าเสียเวลา แต่ฉันรู้สึกว่ามันเสียเวลา!”
มู่ยั่นเจ๋อ “???”
“คุณไม่รังเกียจเหรอ?”
จิ่งหนิงราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง
“มู่ยั่นเจ๋อ คุณกระตือรือร้นที่จะมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องพรรคนี้อย่างนั้นเหรอ คุณคิดว่าฉันจะโต้ตอบกลับอย่างไรกัน? โมโห?เสียใจ?ผิดหวัง?
คุณหวังว่าเรื่องที่คุณรู้มานี้จะทำให้ฉันกับลู่จิ่งเซินแตกแยกกันได้ ทำให้ฉันเลิกรากับเขาชนิดที่ไม่มองหน้ากันอีกอย่างนั้นเหรอ?
ขอโทษทีนะ คุณคงต้องผิดแล้วละ ฉันไม่เพียงแค่ไม่รังเกียจอีกทั้งยังชอบอานอานมากด้วย อานอานไม่ได้เป็นเพียงลูกสาวของลู่จิ่งเซิน แต่เธอเป็นลูกสาวของฉันด้วย เข้าใจหรือยัง?”
มู่ยั่นเจ๋อตกตะลึงมาก
ก่อนที่เขาจะเดินทางมาเขาคิดไปต่างๆนานาว่าจิ่งหนิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เขาไม่คิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “คุณให้ความสำคัญและจงรักภักดีต่ออีกฝ่ายมากไม่ใช่เหรอ? เขาหลอกลวงคุณ คุณไม่โกรธเขาหรือไง?”
จิ่งหนิงก้มลงมองที่พื้นแล้วตอบว่า
“ไม่ทำไมต้องโกรธกัน?”
“คนสองคนอยู่ด้วยกันก็เพราะความรักไม่ใช่เหรอ?”
ในตอนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกเรื่องราวทุกอย่างออกมา และบางทีเธอก็อาจจะมีความลับปิดบังเขาอยู่ก็ได้
มู่ยั่นเจ๋อบอกไม่ถูกกับปฏิกิริยาของเธอ
“ครับ ต่อให้คุณไม่ได้เกลียดเขา แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ลูกของคุณ คุณเคยคิดมาก่อนไหมว่าต่อไปในอนาคตพวกคุณจะเข้ากันได้หรือเปล่า คุณคิดว่าแม่เลี้ยงจะเป็นกันง่ายๆอย่างนั้นเหรอคุณไม่เข้าใจหรือไง?”
จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วงเป็นใยแทนฉัน แต่เรื่องนี้คุณวางใจได้อานอานชอบฉันมากและฉันก็ชอบเธอเช่นกัน ฉันไม่รู้สึกว่าพวกเราเข้ากันยากเลย”
มู่ยั่นเจ๋อ “……”
เขาโมโหจนแทบกระอักเลือด
“จิ่งหนิงคุณตั้งสติหน่อยได้ไหม ต่อให้ตอนนี้เธอชอบคุณแต่เธอก็มีแม่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง!
คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าตอนนี้แม้ว่าคุณกับลู่จิ่งเซินจะรักกันมากก็จริง แต่เขาก็เคยรักผู้หญิงคนอื่นมาก่อนอีกทั้งยังมีลูกกับผู้หญิงคนนั้น
ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ข้างกายเขา คุณสองคนเป็นครอบครัวที่มีความสุขและใช้ชีวิตด้วยกัน แต่ถ้าวันหนึ่งเธอกลับมาล่ะ
คุณแน่ใจว่าผู้ชายอย่างมู่ยั่นเจ๋อ จะไม่ให้ตำแหน่งกับผู้หญิงที่เคยคลอดลูกให้กับเขาเหรอ?
แม้ว่าพวกเขาสองคนจะไม่มีความรักต่อกันแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นกลับมา เด็กคนนั้นยังจะรักคุณเหมือนเดิมไหม? คุณคิดว่าคุณจะสามารถเข้าแทนที่แม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้หรือ?คุณคิดว่าคุณสามารถแทนที่ตำแหน่งผู้หญิงที่อยู่ในดวงใจของลู่จิ่งเซินได้หรือเปล่า?”
ปลายนิ้วมือของจิ่งหนิงขยับ
ใบหน้าที่เมินเฉยมองไปทางเขา
มู่ยั่นเจ๋อมีอาการหอบเล็กน้อยหลังจากที่ได้พูดออกไปยาวยืด เขาพูดเสริมขึ้นว่า “จิ่งหนิงคุณอย่าโง่ไปนักเลย เขาไม่เหมาะสมกับคุณ คุณอย่าทำตัวเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟที่สุดท้ายคุณไม่ได้อะไรที่อยากได้ แต่กลับต้องเกือบตายและไม่เหลืออะไรเลย ถือว่านี่เป็นคำแนะนำให้ดีใจที่สุดสำหรับผมที่มอบให้คุณ”
จิ่งหนิงเงียบไปชั่วขณะ
ก่อนที่เธอจะพูดออกมาเบาๆว่า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว!”
มู่ยั่นเจ๋อ “???”
คุณจำเป็นจะต้องทำปฏิกิริยาเย็นชาแบบนี้เหรอ!
จิ่งหนิงพยายามเผยอริมฝีปากและหัวเราะออกมา
“มู่ยั่นเจ๋อ คุณนี่แปลกคนจริงๆ!”