บทที่ 205 ยืมประเด็นมาแสดงความเห็น
หลินซูฝานตกตะลึงมาก
รูม่านตาของเขาเปิดกว้างด้วยความโกรธสุดคำบรรยาย เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “ใครกัน?”
จิ่งหนิงมองดูเขาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถาง ก่อนจะตอบว่า “จิ่งเสี่ยวหย่า”
“อะไรนะ?”
หลินซูฝานรู้สึกประหลาดใจมาก
ไม่เพียงแต่เขา ถ้าหากว่าคนอื่นๆในกองถ่ายได้ยินคำพูดนี้ก็คงจะตกตะลึงมากเช่นกัน
ไม่ใช่เพราะแปลกใจว่าจิ่งเสี่ยวหย่าทำเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ได้สร้างประโยชน์หรือผลดีให้กับเธอ
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อก่อนปีใหม่ จิ่งเสี่ยวหย่าได้ทำเรื่องอื้อฉาวเอาไว้ จึงทำให้เรตติ้งเธอตกต่ำและไม่มีงานในตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา
การกลับมาของเธอในครั้งนี้เธอใช้ความพยายามอย่างมากจึงได้รับบทเป็นตัวรอง เธอควรที่จะพยายามเล่นให้ดีที่สุดและเอาชนะใจคืนภาพลักษณ์ในสายตาของผู้ชมมาให้ได้
และเนื่องจากนี้เอง ทำให้ละครเรื่องนี้มีความสำคัญกับเธอมาก
แต่ถ้านางเอกของเรื่องและผู้กำกับเกิดปัญหาขึ้น ละครเรื่องนี้ก็จะมีผลกระทบตามไปด้วย หากมีผลตอบรับในแนวลบมาก บางทีอาจจะทำให้ละครเรื่องนี้ถูกห้ามออกอากาศก็ได้
หากเป็นอย่างนั้นจริงๆตัวเธอในฐานะนางรองจะไม่ได้รับผลกระทบได้อย่างไร?
ดังนั้นการที่เธอทำอย่างนี้เพื่ออะไรกัน?
ที่ผ่านมาตัวเธอยังเจ็บไม่พออีกเหรอ?
ยังจะลากคนอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเหรอ?
หลินซูฝานคิดเสียจนหัวแทบระเบิดก็ไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่เธอจะทำ
จิ่งหนิงหัวเราะเบาๆแล้วรินน้ำชาให้กับเขา หลังจากนั้นก็รินให้ตัวเอง
ก่อนที่จะเอ่ยอย่างเยาะเย้ยว่า “บางทีนี่อาจจะเรียกว่า ลงทุน1,000เพื่อทำลายศัตรู แต่800นั้นกลับเข้าเนื้อตัวเอง แม้ว่าบนโลกคนโง่ๆแบบนี้มีไม่มาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่มี”
หลินซูฝานโมโหจนตบมือลงบนโต๊ะ
“ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าใครกันนะที่จะมาใส่ร้ายผม ที่แท้เป็นเธอนี่เอง ให้ตายสิ! เธอต้องการจะทำร้ายคุณ ทำร้ายทุกคนในกองถ่ายเลยหรือไง?”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมา
หากเทียบกับหลินซูฝานที่กำลังโมโหแล้ว เธอดูสงบเงียบมากกว่าหลายเท่านัก
บินสู่ฝันมองดูเธอด้วยสายตาสงสัยเล็กน้อย
“คุณพูดอย่างนี้มีหลักฐานอะไรหรือเปล่า?”
จิ่งหนิงจิบชาเข้าไปจากนั้นพยักหน้า “แน่นอนค่ะ”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเสียงที่ทำการบันทึกไว้แล้ววางลงบนโต๊ะต่อหน้าเขา
เสียงที่บันทึกไว้นั้นคือเสียงของเสี่ยวขุย เธออธิบายอย่างชัดเจนว่าจิ่งเสี่ยวหย่าสั่งให้เธอทำเรื่องอะไรอย่างไรบ้าง อีกทั้งวัตถุประสงค์ที่ทำลงไป เธอพูดออกมาอย่างละเอียด”
เมื่อหลินซูฝานฟังจบ ตาของเขาก็แทบถลนออกมาจากเบ้า
“ให้ตายสิ บัดซบที่สุด!”
หลังจากฟังเสียงบันทึกนั้นจบแล้ว จิ่งหนิงก็เก็บโทรศัพท์คืนมาแล้วพูดว่า “ฉันสงสัยว่าก่อนหน้านี้คนที่แอบถ่ายรูปพวกเราในร้านอาหาร และปล่อยข่าวลือออกไปก็เป็นเธอเช่นกัน”
เมื่อมาถึงจุดนี้หลินซูฝานไม่สงสัยเธออีกต่อไป”
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ดวงตาที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้นเขากัดฟันกรอดๆแล้วมองไปด้านหน้า
“ผมเข้าใจแล้ว ดีมาก ในเมื่อเธอกล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลังทุกคน ผมคงมองเธอผิดไปจริงๆ จิ่งหนิงคุณวางใจได้ ในเมื่อชัดเจนแล้วว่าเป็นเธอผมก็จะไม่เลี้ยงนางมารร้ายไว้อีกต่อไป ตำแหล่งนางรองเธออย่าหวังว่าจะได้อีก!”
จิ่งหนิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณจะไล่เธอออกอย่างนั้นเหรอ?”
“แน่นอน มันเป็นตัวปัญหา! เก็บเธอเอาไว้ก็ไม่ต่างกับเก็บก้อนเนื้อร้าย ถ้ายังไม่กำจัดเธอออกไปซะเกรงว่าจะมีเรื่องปวดหัวตามมาอีก”
จิ่งหนิงส่ายหัว
“ไม่คุ้มเลย”
หลินซูฝานตกตะลึง
จิ่งหนิงจึงได้อธิบายให้เขาฟัง
“ตอนนี้เราถ่ายทำมากกว่า 2 ใน 3 ส่วนแล้ว อีกประมาณ 1 เดือนก็จะปิดกล้อง หนังเรื่องนี้จะออกฉายในอีกไม่กี่วัน ถ้าคุณไล่เธอออกตอนนี้แล้วเปลี่ยนคนใหม่เข้ามา ทั้งเวลาและเงินทุนก็ไม่คุ้มเลย”
หลินซูฝานโมโหจนกัดฟันกรอด
“จะปล่อยผ่านไปอย่างนี้เหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ”
จิ่งหนิงหัวเราะขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าปล่อยผ่านไปง่ายๆอย่างนี้ฉันจะอัดเสียงเอาไว้เพื่ออะไรกัน?”
หลินซูฝานตกตะลึง
“ผู้กำกับหลินคะคุณรู้หรือไม่ว่า ทำไมก่อนหน้านี้ฉันจึงไม่ให้คุณชี้แจงเรื่องข่าวอื้อฉาวนั่น?”
หลินซูฝานส่ายหัว
“นี่เรียกว่า เก็บเอาไว้ก่อนแล้วเอาให้หนักทีเดียว!”
สายตาของจิ่งหนิงมองไปที่เขาแล้วมุมปากก็เผยอขึ้น “จิ่งเสี่ยวหย่าสร้างประเด็นร้อนแรงให้กับพวกเรามากขนาดนี้ ถ้าเราไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์จะไม่สูญเสียความตั้งใจของเธอไปหน่อยเหรอคะ?”
หลินซูฝานขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“คุณหมายความว่าพวกเราจะใช้หัวข้อนี้เพื่อสร้างกระแสงั้นเหรอ?”
จิ่งหนิงส่ายหัว “ไม่ได้นับว่าเป็นการสร้างกระแสนะคะ เพียงแค่หยิบยืมประเด็นมาใช้เพื่อเผยแพร่เฉยๆ”
จิ่งหนิงเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา “อย่างไรเสียก็ได้มาฟรีๆ ถ้าไม่เอาก็เสียดายแย่ อีกอย่างพวกเรามีข้อเท็จจริงอยู่ในมือเมื่อถึงเวลาแล้วพวกเราไม่ได้สูญเสียอะไร ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?”
หลินซูฝานชะงักอยู่สักพัก จนกระทั่งเข้าใจความหมายของเธอ
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้……จะเอาเปรียบคุณเกินไปหรือเปล่า?”
เนื่องจากรูปภาพและเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่มีผลดีต่อจิ่งหนิงเท่าไหร่นัก
ในเมื่อตอนนี้เธอได้เทปบันทึกเสียงเอาไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดชี้แจงต่อหน้าสาธารณชน กลับปล่อยให้ผู้คนภายนอกต่อว่าเธอต่างๆนานา สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งแล้วดูไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่
แต่ว่าจิ่งหนิงกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
เธอพูดออกมาเสียงเบาว่า “ก็ไม่หรอกนะคะ ฉันก็แค่เลื่อนเวลาในการประกาศออกไปเท่านั้นเอง ในเมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาเธอก็ต้องกล้าที่จะรับผลกรรมตอบแทนกลับไปไม่ใช่เหรอ?”
หลินซูฝานนั่งเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นก็ได้ เรื่องนี้คุณจัดการเองแล้วกัน ก่อนหน้านั้นผมจะพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่อง”
เมื่อจิ่งหนิงเห็นว่าเขาตอบรับแล้วจึงได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ขอบคุณผู้กำกับหลินที่เข้าใจนะคะ”
หลังจากทั้งสองกินมื้อค่ำกันเรียบร้อยแล้วก็กลับโรงแรมห้องใครห้องมัน
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก จิ่งหนิงก็ได้รับสายจากลู่จิ่งเซิน
เธอรู้สึกว่าคำพูดของมู่ยั่นเจ๋อนั้นค่อนข้างจะขบขันจึงได้เล่าให้เขาฟัง
มีใครบางคนยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วถามว่า “เขายังจะตามจีบคุณอยู่เหรอ?”
จิ่งหนิงตอบว่า “อืม” เธอกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะรับไม่ได้ที่เห็นฉันอยู่ดีมีสุข ก็เลยจะทำให้ฉันสับสนเท่านั้นเอง”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะออกมาด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“ขยะแบบนี้ยังมีหน้ามาตามรังควานคุณอีกเหรอ คอยดูนะผมจะส่งคนไปจัดการมันเดี๋ยวนี้!”
จิ่งหนิงงรีบห้ามเอาไว้
“นี่! คุณอย่าทำอย่างนั้นนะ ฉันยังรอดูฉากเด็ดๆอยู่!”
“ฉากเด็ดอะไรครับ?”
จิ่งหนิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทั้งหมดให้แก่เขาฟังอีกทั้งแผนการของเธอ
เมื่อฟังแผนการของเธอจบ เขาก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“หนิงหนิง ในอนาคตคุณคงไม่ใช้วิธีพวกนี้จัดการกับผมใช่ไหม?”
ว่ากันว่า ผู้หญิงที่มีสามีแล้วนั้นน่ากลัวที่สุด
จิ่งหนิงหรี่ตาลง น้ำเสียงของเธอเศร้าหมองเอ่ยถามว่า “คุณจะรังแกฉันไหม?”
“ไม่อย่างแน่นอน!”
เขารีบตอบกลับมาโดยไม่ต้องคิด อีกทั้งยังให้สัญญาว่า “ถึงผมจะทำร้ายคนอื่น แต่ผมจะไม่ทำร้ายคุณเด็ดขาด!”
จิ่งหนิงจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ!”
ทั้งสองสวีทกันไปมาอยู่สักพักก่อนจะวางสายลง
เช้าวันต่อมาก็ได้ยินว่ามู่ยั่นเจ๋อเดินทางมาที่กองถ่ายแต่เช้า
ในครั้งนี้เขานำซุปที่ให้คนใช้ในบ้านต้มมาให้จิ่งเสี่ยวหย่าโดยเฉพาะ
บอกว่าเธอถ่ายทำละครเหนื่อยมาก ผอมซูบลงเยอะทีเดียวจึงอยากให้เธอบำรุงร่างกายหน่อย
บรรดาทีมงานและนักแสดงในกองถ่ายอิจฉาพวกเขาทั้งสองคน ทุกคนรู้สึกว่าชีวิตของจิ่งเสี่ยวหย่าช่างดีจริงๆที่มีผู้ชายอย่างคุณชายมู่ ทั้งมีน้ำใจและอ่อนโยนคอยทุ่มเทให้เสมอ