บทที่ 208 ฉันเจ็บหน้าอก
เมื่อคืนเหรอ?
มู่ยั่นเจ๋อยักคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เรื่องไม่สำคัญน่ะ”
จิ่งเสี่ยวหย่าฝืนยิ้มออกมา
เขาไปหาจิ่งหนิงถึงห้องเพื่อพูดเรื่องไม่สำคัญอย่างนั้นเหรอ?
ใครจะไปเชื่อกัน?
แต่ตอนนี้มู่ยั่นเจ๋อเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม บางครั้งเธอเองก็เดาไม่ออก
ดังนั้นในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ เธอก็ไม่กล้าจะเอ่ยถามต่อไปเพียงแค่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ดีค่ะ ที่จริงช่วงนี้พี่เจอกับเรื่องอื้อฉาวมากมายโดยเฉพาะกับผู้กำกับหลิน จึงทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ยังไงซะพี่เจ๋อก็เติบโตขึ้นมากับเธอ ถ้าปลอบเธอได้ก็ช่วยปลอบเธอด้วยนะคะบางทีเธออาจจะดีขึ้นก็ได้”
มู่ยั่นเจ๋อมองดูเธอแล้วหัวเราะด้วยความเยือกเย็นว่า
“ให้ผมไปปลอบ คุณไม่หึงเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบส่ายหัว
“ไม่หรอกค่ะ เธอเป็นพี่ของฉันนะ อีกทั้งพี่เจ๋อก็เป็นสามีของฉันในอนาคต ถ้าพวกคุณเข้ากันได้ดีฉันก็ดีใจ ทำไมถึงต้องหึงด้วยละคะ?”
มู่ยั่นเจ๋อจึงได้พยักหน้าด้วยความพอใจ
“เสี่ยวหย่าช่างรู้จักกาลเทศะจริงๆ”
จิ่งเสี่ยวหย่าทำได้แต่เพียงฝืนยิ้มออกมา
ทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกันอีก มู่ยั่นเจ๋อจากไปทันที
เมื่อกลับมายังกองถ่าย จิ่งเสี่ยวหย่าไม่ได้ยิ้มแย้มอ่อนหวานเหมือนตอนที่อยู่กับมู่ยั่นเจ๋อ เธอมองไปที่จิ่งหนิงและเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัวเธอก็ยกมือขึ้น
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือตบลงบนหน้าดังสนั่น
ทุกคนพากันตกตะลึง!
และหยุดงานในมือมองมาทางเธออย่างเหลือเชื่อ
วินาทีต่อมา
เพี้ยะๆ!!!
ฝ่ามือตบลงบนหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าถึงสองครั้ง
จิ่งเสี่ยวหย่าเอามือขึ้นกุมหน้าอย่างตกใจ และมองดูจิ่งหนิงจากนั้นพูดออกมาว่า “กล้าตบฉันเหรอ?”
สายตาของจิ่งหนิงเยือกเย็น
โม่หนานที่เดิมทีกำลังรินน้ำผลไม้ให้กับเธอ ยังไม่ทันจะวิ่งกลับมาก็พบว่าเจ้านายของเธอนั้นถูกตบก็โมโหเสียจนทนไม่ได้ วิ่งเข้ามากระโดดถีบเข้าที่หน้าอกของจิ่งเสี่ยวหย่า!
ฝ่ามือของจิ่งหนิงเมื่อสักครู่ยังนับได้ว่าเป็นการตบคืน แม้จะเจ็บแต่ก็ไม่ได้อันตรายอะไร
แต่เตะของโม่หนานนั้น ไม่เหลือความปรานีไว้แม้แต่นิดเดียว เธอเตะจนจิ่งเสี่ยวหย่ากระเด็นออกไป!
“หนิงหนิง เป็นอะไรไหม?”
โม่หนานรีบหันมาดูจิ่งหนิงด้วยความเป็นห่วง
จิ่งหนิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงว่าโม่หนานจะลงมือ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบส่ายหัวแล้วบอกว่า “ฉันไม่เป็นไร”
“หน้าบวมขนาดนี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ ต้องโทษฉันที่มัวแต่ไปรินน้ำผลไม้เลยไม่ได้สังเกตตรงนี้”
โม่หนานยังคงโทษตัวเองไม่หยุด ขณะเดียวกันผู้คนรอบข้างก็รุมเข้ามาและแสดงสีหน้าตกใจ
เนื่องจากเสี่ยวขุยหายตัวไป ดังนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าจึงเหลือเพียงผู้ช่วยอีกคนหนึ่งที่อายุค่อนข้างมากแล้วเธอชื่อว่าอานเฉียว
เมื่อสักครู่ได้ยินเธอกรีดร้องอานเฉียวก็วิ่งมาทางจิ่งเสี่ยวหย่าพยายามพยุงเธอขึ้น
“เสี่ยวหย่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าเอามือกุมหน้าอก หน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นเช่นกัน ปากของเธอขาวซีดด้วยความเจ็บปวด เมื่อเธอถูกพยุงขึ้นนั่งพักสักครู่จึงได้เริ่มดีขึ้นและพูดด้วยเสียงติดๆขัดๆว่า “ฉัน……เจ็บหน้าอกจังเลย”
อานเฉียวได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก
“ทำยังไงดี?ฉัน ฉันจะโทร โทรศัพท์ส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
เมื่อพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร
หลังจากเธอโทรศัพท์เสร็จแล้วก็หันมาจ้องมองจิ่งหนิงและโม่หนาน
“พวกเธอสองคนทำเกินไปแล้ว ลงไม้ลงมือตบตีคนได้ยังไง?ถ้าหากว่าเสี่ยวหย่าเป็นอะไรไปละก็ พวกเธอจะชดใช้ไหวหรือ?”
จิ่งหนิงเผยอยิ้ม
ที่จริงตามความคิดของเธอ จิ่งเสี่ยวหย่าตบเธอทีหนึ่งเธอตบกลับไปสองทีก็พอแล้ว เตะนั้นที่จริงไม่จำเป็นเท่าไหร่
แต่ในเมื่อโม่หนานทำลงไปแล้วเธอก็ไม่ถือโทษ ดังนั้นจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ใครที่มีตาก็มองเห็นทั้งนั้นว่าใครเป็นคนลงมือก่อน ทำไมเหรอ?ตัวเองลงมือก่อนแท้ๆยังมาเรียกร้องความยุติธรรมอะไรกัน ฉันก็แค่ทำเพื่อป้องกันตัวไม่ได้หรือไง!?”
ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ล้วนมองเห็นว่าจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นคนลงมือก่อน ดังนั้นทุกคนได้แต่ซุบซิบนินทากันอยู่ข้างๆ
เมื่ออานเฉียวเห็นดังนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ แต่ก็ไม่พอใจ
เธอจึงตะคอกขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า “แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเตะแรงขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ พวกเธอสองคนรุมทำร้ายคนแค่คนเดียว ตอนนี้จิ่งเสี่ยวหย่าถูกพวกเธอทำร้ายเธอจนลุกไม่ไหวแล้วพวกเธอจะเอาอย่างไร?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากระแอมออกมาสองสามครั้งเพื่อให้รู้สึกว่าเธอบอบบางน่าสงสาร
“พี่คะ ต่อให้พี่เกลียดฉันมากขนาดไหนก็ไม่เห็นจะต้องลงมือหนักขนาดนี้เลย อีกอย่างพี่เป็นฝ่ายไม่มีเหตุผลก่อน ทำไมถึงทำเกินไปแบบนี้?”
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
จิ่งหนิงไม่มีเหตุผลก่อนเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกัน?!
จิ่งหนิงเองก็เลิกคิ้วขึ้น เธอไม่รู้ว่าวันนี้จะมาไม้ไหน
จิ่งเสี่ยวหย่าแสดงสีหน้าท่าทางอันแสนปวดใจและเจ็บปวด
“ฉันรู้ดีว่าพี่เกลียดฉันมาตลอด ตั้งแต่ที่เข้ามาในกลุ่มนี้ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงที่ไม่อยากจะให้พี่ก่อเรื่อง แต่ทำไมพี่ถึงได้ทำแบบนี้ พี่ไปพูดใส่ร้ายฉันต่อหน้าพี่เจ๋อ ยุยงให้เราแตกหักกัน พี่ก็รู้อยู่ว่าเขาสำคัญกับฉันมากขนาดไหน ทำไมพี่……”
“อะไรนะ จิ่งหนิงทำอย่างนั้นต่อหน้าคุณชายมู่เหรอ?”
“พระเจ้า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ มองไม่ออกว่าเป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นนะ”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครจะไปมองออกถึงความคิดในใจเธอ”
“คงจะเป็นเพราะเห็นน้องสาวมีแฟนที่เอาใจใส่มั้ง ส่วนตัวเองอยู่เป็นโสดคนเดียวน่าจะอิจฉาแหละ”
“นี่ๆฉันมีเรื่องจะบอก พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าจิ่งหนิงไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจิ่ง ได้ยินมาว่าถูกขับไล่ออกมา คิดดูเอาสิขนาดคนในครอบครัวยังรังเกียจเธอเลย เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่นะ ตามปกติแล้วพูดคุยกับเธอก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนดีจะตาย ไม่มีปัญหาตรงไหนหรอก”
“แหม สนิทกันมากหรือไง ก็แค่คุยกันคำสองคำเธอจะทำอะไรได้ล่ะ!”
“นั่นน่ะสิ ต่อให้นิสัยเธอแย่ขนาดไหนก็ไม่ใช่หมาบ้านะที่จะกัดใครไปทั่ว จิ่งเสี่ยวหย่าเป็นน้องสาวของเธอ ได้ยินมาว่าเกิดจากแม่เลี้ยง เธอก็คงจะอิจฉาอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเรื่องที่จิ่งเสี่ยวหย่าพูดเป็นเรื่องจริงน่ะสิ……”
ผู้คนรอบข้างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา เมื่อโม่หนานได้ยินเข้าก็โกรธจนหน้าเปลี่ยนสี
ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมาก็กลับถูกจิ่งหนิงห้ามเอาไว้
เธอมองไปทางจิ่งเสี่ยวหย่าแล้วก้าวออกมาข้างหน้า
“เธอบอกว่าฉันไปทำลายความรู้สึกของมู่ยั่นเจ๋อกับเธอเหรอ ฉันขอถามหน่อยสิว่าฉันทำยังไง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าพูดไม่ออก
จิ่งหนิงก้มตัวลงมาตรงหน้าเธอ
“ฉันเพียงแค่เตือนเขาด้วยความหวังดี ให้เขาคอยระมัดระวังคนรอบข้าง อย่าให้ใครมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่มู่ซื่อกรุ๊ป แต่เธอกลับบอกว่าฉันพยายามขัดขวางความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสองคน จิ่งเสี่ยวหย่า เธอคบกับมู่ยั่นเจ๋อมาตั้งหลายปีไม่ใช่เหรอ เธอไม่มีความเชื่อใจเขาเลยหรือไง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าโมโหจนหน้าแดง “เธอ!”
“อีกอย่าง” จิ่งหนิงก้มหน้าลงมาใกล้ๆแล้วจ้องมองไปที่ดวงตาของเธอพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “ลืมไปแล้วเหรอว่าเธอคบกับเขาได้ยังไง?
เปิดตัวเป็นแฟนเขาอย่างเป็นทางการนานแล้วสินะ จึงทำให้ลืมไปว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำอะไรเอาไว้ เธอยังกล้าที่จะยืนว่าฉันแบบนี้ต่อหน้าทุกคนมากมายได้?”