บทที่ 210 ยังเป็นห่วงเธออีก
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วจ้องมองไปที่โทรศัพท์ด้วยสีหน้าซีดเผือด
เลขาฯของเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอกและรายงานเขาด้วยความเคารพว่า “ประธานมู่ ประชุมคณะกรรมการจะเริ่มขึ้นในอีกสิบนาที”
มู่ยั่นเจ๋อนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปหลายวินาทีจนกระทั่งในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า “โอเค ผมรู้แล้วคุณออกไปก่อน”
เลขาฯจึงพยักหน้าแล้วจากไป
มู่ยั่นเจ๋อหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความขุ่นเคืองในใจเขา จากนั้นกดโทรศัพท์โทรออก
หลังจากเสียงในสายดังได้ไม่กี่ที ฝ่ายตรงข้ามก็รับสายขึ้น จิ่งเสี่ยวหย่าพูดด้วยความประหลาดใจว่า “พี่เจ๋อคะ”
“ทำอะไรอยู่?”
“ฉัน……” จิ่งเสี่ยวหย่านั่งอยู่ในโรงพยาบาลมองมาทางอานเฉียวแล้วพูดอย่างหวาดกลัวว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรอยู่ค่ะ อยู่ที่กองถ่ายไง”
“อยู่ที่กองถ่ายอย่างนั้นเหรอ? เหอะๆ! มองดูแล้วคงไม่รู้สินะว่าในโลกออนไลน์เกิดอะไรขึ้น?”
จิ่งเสี่ยวหย่าผงะเล็กน้อย เธอรู้สึกกังวลขึ้นมา
“โลกออนไลน์เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เข้าไปดูผลงานตัวเองแล้วกัน!”
มู่ยั่นเจ๋อพูดจบก็วางสายไปอย่างดุเดือด
จิ่งเสี่ยวหย่าถูกเขาตะคอกใส่จนหน้าซีดเธอตกตะลึงอยู่หลายวินาทีก่อนที่จะได้สติกลับคืนมา แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูweibo
เธอพบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิดีโอที่ถ่ายติดเธอ
ผลการค้นหาอันดับหนึ่ง อีกทั้งในพื้นที่แสดงความคิดเห็นเต็มไปด้วยถ้อยคำด่าทอเธอ
สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปทันที เธอรีบกดดูวิดีโอจากนั้นก็โมโหอย่างสุดขีด
“สาระเลว!”
“เป็นนางนั่นแน่ๆ!”
เป็นแผนของจิ่งหนิงแน่นอน เธอยังว่าอยู่ทำไมถึงดูแปลกๆ ตามปกติแล้วจิ่งหนิงจะมองมู่ยั่นเจ๋อด้วยสายตาเยือกเย็น ทำไมวันนี้ถึงได้กระตือรือร้นแบบนี้?
จิ่งหนิงตั้งใจพูดคำเหล่านั้นออกมาเพื่อให้เธอโมโห จากนั้นก็บอกให้คนแอบถ่ายคลิปนี้มาประจาน
หนังผู้หญิงร้ายกาจคนนี้!
จิ่งเสี่ยวหย่าตื่นตระหนกขึ้นมา เธอทำตัวไม่ถูก เมื่อนึกได้ถึงน้ำเสียงอันโกรธของมู่ยั่นเจ๋อเมื่อสักครู่เธอก็ยิ่งกระวนกระวาย
จากนั้นรีบโทรกลับไปยังเบอร์เดิม
ทันทีที่รับสายเธอก็รีบอธิบายว่า “พี่เจ๋อคะ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่พี่เห็นนะ จิ่งหนิง! นี่เป็นแผนของเธอ ที่จริงไม่ได้เป็นอย่างที่ในอินเทอร์เน็ตพูดกันนะคะ”
น้ำเสียงของมู่ยั่นเจ๋อถามขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “แล้วฝ่ามือที่ตบลงไปนั้น คุณหมายถึงว่าเธอเดินมาให้คุณตบอย่างนั้นเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่า “……”
“พี่เจ๋อคะ พี่ต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตบเธอแต่เธอมายั่วโมโหฉันก่อน ฉัน มันแค่เป็นอารมณ์ชั่ววูบ……”
จิ่งเสี่ยวหย่าทนไม่ได้อีกต่อไป เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดว่า “ทำไมพี่ถึงทำเกินไปขนาดนี้นะ! จะวางแผนจัดการฉันก็ช่างเถอะทำไมต้องทำให้เรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ด้วย เธอรู้อยู่แก่ใจว่าการที่ฉันพยายามในครั้งนี้มีมันสำคัญขนาดไหน”
ขณะเดียวกันคุณหมอก็เดินเข้ามาแล้วพูดกับเธอว่า “จิ่งเสี่ยวหย่า เชิญใส่ยา”
มู่ยั่นเจ๋อได้ยินเสียงนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “อยู่ที่ไหน?”
“ฉัน” จิ่งเสี่ยวหย่าลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
อานเฉียวที่นั่งอยู่ข้างๆทนไม่ได้อีกต่อไป รีบเข้ามาคว้าโทรศัพท์มือถือไปแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “คุณชายมู่ คุณได้แต่โทษพี่จิ่งเสี่ยวหย่าไม่เคยรู้เลยว่าเธอถูกผู้หญิงใจร้ายคนนั้นตบจนเป็นสภาพแบบนี้ก็เพราะคุณ!
“ฉันจะบอกกับคุณให้ก็ได้ตอนนี้พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาล พี่เสี่ยวหย่าถูกตบไปสองทียังไม่เท่าไหร่ แต่ยังถูกเตะอีกด้วย คุณหมอบอกว่าพี่จิ่งเสี่ยวหย่ามีอาการของกระดูกซี่โครงร้าว ถ้าไม่รีบมารักษาให้ทันเวลาอาจจะมีผลในระยะยาวก็ได้!”
“อานเฉียว พูดอะไรกัน”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบคว้าโทรศัพท์มือถือกลับคืนมา เธอพูดด้วยท่าทางกังวลว่า “พี่เจ๋อคะ ฉันไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จิ่งหนิงเธอ……เธอค่อนข้างจะเป็นคนแข็งแกร่งแบบนี้ตลอดมาอยู่แล้ว เธอไม่ได้ตั้งทำฉันหรอก”
จิ่งเสี่ยวหย่าและอานเฉียวกลั้นหายใจรอคำตอบจากเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาหายใจเข้าลึกๆจากนั้นน้ำเสียงก็ค่อนข้างอ่อนลง
“คุณบาดเจ็บเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าส่ายหัว “ก็แค่บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆค่ะ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร”
“ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนผมจะไปหาคุณ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “พี่เจ๋อคะ ทำอย่างนี้จะรบกวนเวลางานคุณหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก บอกที่อยู่ผมมา”
“ถ้าอย่างนั้น……ก็ได้ค่ะ”
หลังจากวางสายลง จิ่งเสี่ยวหย่าก็รีบส่งตำแหน่งให้แก่เขา
อานเฉียวมองไปที่ใบหน้าของเธอแล้วพูดว่า “เมื่อคุณชายมู่รู้ว่าคุณได้รับบาดเจ็บก็รีบมาเลย แสดงว่าเขาแคร์มากจริงๆ”
จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว”
บัดนี้เธอจึงได้รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง
ไม่ว่าจิ่งหนิงจะใช้แผนการอะไรในการจัดการกับเธอ แต่พี่เจ๋อก็ยังรักเธออยู่ดี
ไม่อย่างนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าเธอบาดเจ็บจะรีบทิ้งงานมาโรงพยาบาลได้ยังไง?
พี่เจ๋อเป็นห่วงเธอนี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงจิ่งเสี่ยวหย่าก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนเมื่อสักครู่ เธอเดินไปให้พยาบาลใส่ยา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง มู่ยั่นเจ๋อก็มาถึงโรงพยาบาล
ยังมีถงซูที่มากับเขาด้วย
คลิปที่ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนั้นเธอได้ดูมันแล้ว
และได้กำชับคนให้ไปจัดการโดยไม่นึกถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่สำคัญคือต้องลบผลการค้นหายอดนิยมออกไป
แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่านี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้ว ในจุดนี้เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป การลบผลการค้นหายอดนิยมออกไปนั้นเกรงว่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่
แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ถงซูพยายามปลอบใจตัวเอง จากนั้นมองไปทางจิ่งเสี่ยวหย่า แล้วรีบเดินหน้าเข้ามามองดูเธอ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นยังไงบ้างไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากแล้วส่ายหัว
เธอมองมายังมู่ยั่นเจ๋อที่อยู่ด้านหลังถงซูด้วยดวงตาที่อ่อนแอใกล้จะร้องไห้
“พี่เจ๋อคะฉันขอโทษ ฉันไม่ควรจะทำให้คุณเดือดร้อน”
สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อไม่ดีนัก
เรื่องในวันนี้เกินกว่าที่เขาจะคาดคิดเอาไว้
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะหุนหันพลันแล่นถึงขนาดลงไม้ลงมือในกองถ่าย
ลงมือก็ลงมือไป แต่กลับถูกคนถ่ายไว้ได้ ท้ายที่สุดแล้วไม่มีผลดีอะไรกับเธอเลย
ช่างโง่เง่าเสียจริงๆ!
ลึกๆในใจแล้วเขาโมโหมาก แต่เมื่อมองเห็นท่าทางที่อ่อนแอของจิ่งเสี่ยวหย่า เขาจึงไม่อาจระบายมันออกไปได้ ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้ในใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เล่าให้ผมฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พูดให้ละเอียด!”
ดังนั้นจึงจิ่งเสี่ยวหย่าและอานเฉียวก็ผลัดกันอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกองถ่ายให้เขาฟัง
แน่นอนว่าเรื่องราวโดยมากเป็นความจริง แต่เธอก็ใส่รายละเอียดเล็กๆเข้าไปเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น
เมื่อพูดจบแล้วจิ่งเสี่ยวหย่าก็หยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดน้ำตาด้วยสีหน้าหดหู่
“ฉันยอมรับว่าฉันอารมณ์ร้อนเกินไปนะคะ แต่พี่สาวก็ทำเกินเหตุจริงๆ ฉันก็เพียงแค่ไปถามเธอสองสามประโยค เธอกลับให้บอดี้การ์ดของเธอมาทำท่าทางป่าเถื่อนแบบนี้กับฉัน!”
มู่ยั่นเจ๋อเห็นเธอที่นั่งร้องไห้ฟูมฟายก็รู้สึกรำคาญ
เขาโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง สองวันนี้คุณไม่ต้องไปที่กองถ่าย ผมจะบอกกับหลินซูฝานให้ รอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วคุณค่อยกลับไป”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากของตัวเอง ผ่านไปชั่วครู่เธอจึงได้พยักหน้าอย่างอ่อนแรง