บทที่ 219 เจรจาข้อตกลงกันสำเร็จ
หัวเหยาเห็นเธอใจเย็นขนาดนี้ ล้วนแทบจะโมโหจนบ้าแล้ว
“หนิงหนิง ไม่ใช่ฉันอยากว่าแก แกก็ไม่ใช่อยู่ในวงการนี้เป็นวันแรกแล้ว คำวิพากษ์วิจารณ์น่ากลัวขนาดไหน แกกับฉันล้วนรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อแกอยากจะเดินเส้นทางนักแสดงหญิงทางนี้ ก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ไม่ได้!
ฉันพูดกับแกว่า เรื่องแบบนี้บางครั้งพูดว่าควบคุมง่ายก็ควบคุมง่าย แต่ทันทีที่ออกจากการควบคุม ถึงแม้ว่าเป็นคุณลู่ของบ้านของแก ก็อาจจะไม่สามารถที่จะช่วยแกหมุนเปลี่ยนสถานการณ์กลับคืนมาได้เช่นกัน
ไม่มีทางอื่น มีเงินก็อุดปากที่สกปรกเหล่านั้นไม่อยู่ล่ะ! ถึงเวลานั้นแกพูดสิ อนาคตของแกจะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าก็ตามใจเป็นแบบนี้ให้คนต่ำต้อยน้อยคนนั้นทำร้ายเลยหรือ?”
จิ่งหนิงยิ้มแล้วยิ้มอีก ในใจอบอุ่นเล็กน้อย
“เหยาเหยา ขอบคุณที่แกเป็นห่วงฉันขนาดนี้ ฉันรู้แล้ว แกอย่ากังวลใจเลย”
“แกรู้เรื่องอะไร! แฟนคลับเหล่านั้นของจิ่งเสี่ยวหย่าล้วนใกล้จะร่วมกันเฉลิมฉลองแล้ว แกอยู่ที่นี่ยังไม่มีปฏิกิริยาสักนิด จะทำให้คนไม่กังวลใจได้ยังไงหรือ?”
จิ่งหนิงคิดแล้วคิดอีกพูดว่า “แท้ที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่แน่ที่จะจำเป็นต้องเดินเส้นทางนักแสดงหญิงทางนี้ ฉันชอบชีวิตที่สงบสุข ไม่ชอบวิถีชีวิตที่หลักลอยไม่แน่นอนอย่างศิลปินแบบนี้ แกรู้อยู่แล้ว”
“แก!”
หัวเหยาโมโหจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วทันที
“แกไม่ชอบเป็นนักแสดงหญิง ยังแสดงละครอยู่ทำไมล่ะ?”
จิ่งหนิงยกริมฝีปาก
“เรื่องนี้หรือ ย่อมเป็นคนบางคนต้องการอะไร ฉันก็ไปทำอย่างนั้นล่ะ! แกไม่เคยได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งหรือ? เดินเส้นทางคนอื่น ให้คนอื่นไม่มีเส้นทางเดินได้”
หัวเหยา “………”
อยู่ดีๆทำไมรู้สึกถึงว่าเพื่อนของตนเองคนนี้กับเดิมทีที่ตนเองรู้จักไม่เหมือนกันเล็กน้อยล่ะ?
ชั่วร้ายขนาดนี้เลยหรือ?
เธอชอบ!
หัวเหยาได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ในที่สุดในใจก็เบาใจเล็กน้อย
แต่ก็ยังเป็นห่วงพูดว่า “ตอนนี้แกคิดว่าจะทำยังไงดีล่ะ? ถ้าไม่ฉันไปช่วยแกแก้ข่าวสักหน่อย? แกไปอธิบายคนเหล่านี้อาจจะไม่เชื่อ บวกกับมู่ยั่นเจ๋อถ้าหากว่าเข้าข้างทางจิ่งเสี่ยวหย่าโน้นด้วยล่ะก็ ถึงเวลานั้นแกก็แย่แล้วจริงๆ
อย่างน้อยฉันอยู่ในวงการก็มีฐานะเล็กน้อย ยามปกติไม่ชอบยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นคำพูดที่พูดออกมาจะมีพลังแห่งความเชื่อถือศรัทธากว่าเล็กน้อย น่าจะช่วยแกได้”
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ จิ่งหนิงแค่รู้สึกถึงตอนที่หัวใจเหมือนดั่งติดแผ่นแปะความร้อนชิ้นหนึ่ง อบอุ่นจนไม่ไหวแล้ว
เธอยิ้มแล้ว “ไม่ต้อง แกวางใจเถอะ ตัวฉันเองมีวิธีแก้ไข”
“จริงหรือ?”
“อืม ไม่โกหกแก จริงๆ”
หัวเหยาเห็นเธอพูดจนมั่นใจขนาดนี้ รู้ว่าเธอไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ชอบคุยโวโอ้อวดคนหนึ่ง นี่จึงหมดห่วง
หลังจากวางสายลงแล้ว ไม่นานจิ่งหนิงก็ได้รับสายมู่โหง
เธอจ้องมองบนหน้าจอมือถือกะพริบแสดงสายเข้า ยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา
“ฮัลโหล่ ลุงมู่”
“เป็นหนิงหนิงใช่ไหม? ขอโทษครับ ดึกขนาดนี้แล้วยังรบกวนคุณ คุณนอนหรือยัง?”
จิ่งหนิงลุกขึ้นเดินไปยังข้างหน้าต่าง จ้องมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนข้างนอก สีหน้าราบเรียบ “ยังไม่นอน ท่านมีธุระอะไรหรือ?”
น้ำเสียงของมู่โหงฟังแล้วมีความลังเลและอึดอัดใจเล็กน้อย “เป็นอย่างนี้ล่ะ ข่าวลือเหล่านั้นบนอินเทอร์เน็ต คิดว่าคุณน่าจะมองเห็นแล้วมั้ง?”
จิ่งหนิง “อืม” เสียงหนึ่ง
“เรื่องนี้เป็นตระกูลมู่ของผมผิดต่อคุณจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าเสี่ยวหย่าเด็กคนนั้นจะพูดอย่างนี้ออกมาต่อหน้าสื่อมวลชน เรื่องที่คุณกับยั่นเจ๋อเป็นเขาทำผิดแล้ว ผมขอโทษกับคุณแทนเขา”
จิ่งหนิงยิ้มเบาๆ “หนึ่งปีก่อน ลุงมู่ก็ขอโทษกับฉันแทนเขาไปแล้วล่ะ ฉันก็ได้รับความรู้สึกผิดและเสียใจของพวกคุณไปแล้ว ดังนั้นฉันคิดว่าการขอโทษในวันนี้ก็ไม่จำเป็นแล้ว”
มู่โหงอึดอัดใจจนหัวเราะแห้งๆสองเสียง
“ใช่ ใช่! สำคัญคือข่าวลือในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างมาก จุดนี้ลุงมู่รู้ คุณวางใจ กลับไปผมจะทำโทษไอ้หนูที่ไม่รู้เรื่องคนนั้นอย่างแน่นอน ให้เขาเข้าไปขออภัยกับคุณด้วยตนเอง……..”
จิ่งหนิงตัดคำพูดเขา “ลุงมู่อยากจะพูดอะไร ก็พูดตรงๆเถอะ! ไม่ต้องพูดสิ่งเหล่านี้อ้อมค้อมใหญ่ขนาดนี้”
มู่โหงอึ้งชะงัก
มีความรู้สึกขวยเขินที่ถูกคนเปิดโปงความในใจแบบหนึ่ง
แต่ตะลุยไปอย่างอิสระในวงการธุรกิจมาหลายปี เขาไม่ได้เป็นคนที่เพราะว่าเจอสถานการณ์แค่นี้ก็กลุ้มใจมานานแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็ออกเสียงพูดว่า “ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้ งั้นผมก็พูดตรงๆแล้ว”
“ในตอนต้นผมยกบริษัททั้งสามแห่งให้คุณ ขอให้คุณอย่าสืบหาเรื่องเหล่านี้อีก คุณเป็นคนที่รักษาสัจจะคนหนึ่ง ปีนี้ที่ผ่านมาล้วนทำดีมาก เป็นยั่นเจ๋อกับจิ่งเสี่ยวหย่าเองไม่เข้าใจไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ล่วงเกินคุณหลายครั้ง แต่ผมก็ยังหวังว่า คุณจะสามารถปล่อยพวกเขาไป ต้องการเงื่อนไขอะไร คุณพูดมาเลย”
จิ่งหนิงยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา
“อยู่ในใจของลุงมู่ ฉันก็ยังเป็นผู้หญิงที่ทั้งเห็นแก่ผลประโยชน์และบูชาเงินทองคนหนึ่งจริงๆล่ะ!”
มู่โหงติดคออีกครั้ง
เขาถอนหายใจหนึ่งที
“ไม่ใช่เห็นแก่ผลประโยชน์และบูชาเงินทอง ลุงมู่เพียงแค่รู้สึกว่า คุณเป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง เด็กฉลาดมักจะรู้ว่าจะเลือกแบบไหนจึงมีผลประโยชน์มากที่สุดสำหรับตนเอง
ในวงการการค้า บอบช้ำทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน และไปสู่ชัยชนะร่วมกันจึงจะเป็นเงื่อนไขที่พัฒนาอย่างมั่นคง หนิงหนิง ตระกูลมู่พลาดคุณไปแล้ว คือตระกูลมู่ไม่มีบุญวาสนาแบบนั้น ก็ขอให้คุณเห็นแก่ลุงมู่มาขอร้องคุณด้วยตนเอง รักษาหน้าให้ลุงมู่สักครั้งเถอะ!”
ในมือถือเงียบไปแล้วหลายวินาที
ก็ตอนเมื่อมู่โหงคิดว่าเธอจะปฏิเสธแล้ว อยู่ดีๆกลับได้ยินคำหนึ่งที่เบามากว่า “ตกลง!”
ในฉับพลันเขาอึ้งแล้วอึ้งอีก
จิ่งหนิงยิ้มเบาๆ “ฉันรับปากท่าน แต่ฉันจะเอาหุ้น 10% ของจิ่งซื่อกรุ๊ปที่อยู่ในมือของจิ่งเสี่ยวหย่า ”
ตาทั้งคู่ของมู่โหงลืมตาโต
“นี่………จิ่งซื่อกรุ๊ปผมไม่ได้เป็นเจ้าของ”
“สามารถพัวพันเป็นญาติกันกับตระกูลมู่ คนของตระกูลจิ่งน่าจะดีใจมากจึงถูกนะ! พวกเขาอยากจะประจบท่านให้ดีๆจะตายไป จะไม่ปฏิเสธการเรียกร้องของท่านล่ะ พูดต่ออีกว่า ใช้หุ้น 10% แลกชื่อเสียงของจิ่งเสี่ยวหย่า คุ้มมากนะ
คุณวางใจเถอะ ขอเพียงแค่หุ้นโอนเป็นชื่อของฉัน ฉันรับรองว่า สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราทั้งสามคน ฉันจะไม่เอ่ยสักคำอย่างแน่นอน จะไม่ทำร้ายเรื่องดีๆของพวกเขาทั้งสองคนอย่างเด็ดขาด”
ฝั่งตรงข้ามตกเข้าสู่ความเงียบสนิทไปหมด
จิ่งหนิงก็ไม่รีบร้อนเช่นกัน ยืนอยู่ที่นั่นรออย่างช้าๆ
ผ่านไปประมาณครึ่งนาที ในที่สุดมู่โหงก็เอ่ยปาก
“ได้! ตกลง ผมจะไปพูดกับพวกเขา แต่ว่าสำเร็จหรือไม่ เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับรอง”
จิ่งหนิงยกริมฝีปาก “งั้นก็รบกวนลุงมู่แล้ว”
วางสายลง จิ่งหนิงหันหน้า จ้องมองไปยังโม่หนานที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าบึ้งถลึงตามองตนเอง
เธอยักคิ้วเล็กน้อย “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณทำไมยังไม่ได้กลับห้องตัวเองไปนอนล่ะ? นั่งอยู่ที่นี่ทำไมหรือ?”
โม่หนานไม่พอใจพูดว่า “หนิงหนิง แกยกเรื่องขายแบบนั้นกับเขาได้ยังไงหรือ? แกอยากจะได้อะไรนายท่านจะทำให้แกไม่ได้เลยหรือ? อย่าพูดถึงเพียงแค่หุ้น 10% ของจิ่งซื่อกรุ๊ป ถึงแม้ว่าแกอยากได้จิ่งซื่อกรุ๊ปทั้งหมด นายท่านก็สามารถเอามาให้แกทันที! แกจะน้อยเนื้อต่ำใจปรารถนาให้เรื่องราวสำเร็จปกปิดช่วยพวกเขาอีกทำไมล่ะ?”
จิ่งหนิงอดไม่ไหว “พ่น” หัวเราะเสียงหนึ่ง
ขึ้นไป หยิกใบหน้าของโม่หนานหยิกแล้วหยิกอีกพูดว่า “ไอ้โง่ พี่หนิงหนิงของแกเป็นคนโง่ขนาดนั้นหรือ? จิ่งเสี่ยวหย่าแคร์ชื่อเสียงของตนเองขนาดนั้น ฉันจะโง่จนเสียสละตนเองทำชุดแต่งงานให้พวกเขาหรือ?”
โม่หนานลืมตาโต
“งั้นเมื่อกี้คุณทำไม……..”
จิ่งหนิงยกริมฝีปากยิ้มเย็นชา
“เพราะว่าคนบางคน ไม่เคยได้ลิ้มรสการสูญเสียมาก่อน ฉันก็จะทำให้พวกเธอลองชิมสักหน่อย ให้พวกเธอมองเห็นสิ่งของที่ตนเองแคร์ที่สุดถูกคนอื่นแย่งไปกับตาทีละชิ้นๆ จะมีความรู้สึกเป็นยังไงล่ะ!”