บทที่ 21 อยากอ่อยใคร
มีคนเริ่มพูดคุยนินทากันเสียงเบา “นั้นใครน่ะ? สวยจัง!”
“ไม่รู้จัก น่าจะเป็น แขกที่ตระกูลจิ่ง เชิญมาก็ได้!”
ห้าปีก่อนตอนที่จิ่งหนิงไปจากตระกูลจิ่ง นั้น อายุยังน้อย หน้าตาตั้งเติบโตไม่เต็มที่ อีกอย่างเวลาส่วนมากนั้นได้ใช้ไปกับการเรียน เพราะงั้นคนที่เคยเจอเธอนั้นมีไม่มาก
ก็เพียงพอที่เธอปรากฏตัวแล้ว ไม่มีคนจำเธอได้
แต่คนอื่นจำไม่ได้ จิ่งเสี่ยวหย่า นั้นจำได้
เวลานี้ เธอนั้นได้ถูกล้อมรอบอยู่ใจกลางคน ตอนที่เห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาทางประตูนั้น ก็ได้อึ้งไปสักพัก
นั้นเป็นจิ่งหนิง?
ในความทรงจำของเธอนั้น จิ่งหนิง จะสวมชุดทำงาน หรือว่าชุดธรรมดาอยู่ตลอด
ถึงแม้ว่าจะสะอาด แต่ก็ยังธรรมดามากๆ มองไปนานๆ ก็จะทำให้รู้สึกว่าไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่อีกอย่างเธอนั้นก็ไม่ค่อยชอบที่จะแต่งหน้า ยิ่งไม่ค่อยที่จะจัดการกับทรงผม ผมที่ทั้งดำแล้วยาวนั้นก็ได้ดำยาวแล้วก็ตรงอยู่อย่างนั้น ดูแล้วโบราณ
การแต่งตัวแบบนั้น ถ้าเกิดจับไปรวมกับพนักงานหญิงธรรมดา ก็อาจถือว่าโดดเด่นอยู่บ้าง
แต่ถ้าจับไปรวมกับคุณหนูที่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอยู่ตลอดนั้น ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร
แต่เพราะ เป็นคนที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนั้น วันนี้กลับก้าวเข้ามาราวกับนางฟ้า ทำให้คนนั้นอึ้งไป
เธอได้กำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ
คนที่อยู่รอบๆ เธอก็ได้ถามเธอด้วยความสงสัยว่า “เสี่ยวหย่า เธอคนนั้นเป็นใครอ่ะ? สวยจัง เป็นแขกที่พวกเธอเชิญมาวันนี้เหรอ?”
“หรือว่าจะเป็นดาราคนไหน!”
“น่าจะไม่ใช่นะ ถ้าเกิดเป็นดาราจริง หน้าตาแบบนี้ได้ดังไปตั้งนานแล้ว ไม่มีทางที่พวกเรานั้นไม่รู้จัก”
เสียงรอบตัวนั้นก็เหมือนกับเข็ม ได้แทงไปที่ใจจิ่งเสี่ยวหย่า ที่ละเล่มๆ
เธอนั้นได้กัดฟันเงียบๆ ผ่านไปสักพัก ก็ได้ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“พวกเธอไม่รู้จักเหรอ? นั้นเป็นพี่สาวของฉันจิ่งหนิง ไง!”
“ห๊า?”
“จะเป็น เธอได้ยังไง?”
สีหน้าของคนรอบข้างนั้นได้ตกใจมากๆ
จิ่งเสี่ยวหย่า ยิ้มออกไปอย่างอ่อนโยน “ไม่แปลกหรอกที่พวกเธอนั้นจะจำไม่ได้ ยังไงซะหน้าตาของพี่สาวฉันตอนนี้เมื่อเทียบกับห้าปีก่อนได้ต่างกันมากจริงๆ ที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้เจอกันครั้งแรก ฉันก็ไม่กล้าที่จะมั่นใจว่าเป็นเธอ!”
เธอพูดคำนี้ออกมา ก็ได้มีคนเข้าใจเลยทันที
“เธอหมายความว่า พี่สาวเธอนั้นไปทำศัลยกรรม?”
“ถึงว่า ฉันว่าเมื่อก่อนนางนั้นก็หน้าตาธรรมดานะ ทำไมตอนนี้สวยขึ้นขนาดนี้!”
“จึ! อาจเป็นเพราะข่าวเสียหายเมื่อห้าปีก่อนนั้นหนักเกิดไป มองใบหน้าแบบนั้นต่อก็กลัวคนเขาจะเอาไข่เน่ามาโยนใส่นาง เพราะงั้นถึงได้เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาไง!”
“หู้ว——เธอพูดแบบนี้ก็มีเหตุผลจริงๆนั่นแหละ”
จิ่งเสี่ยวหย่า แสดงออกมาว่าลำบากใจ
“พวกเธออย่าว่าพี่สาวฉันแบบนี้ เรื่องเมื่อห้าปีก่อนไม่ใช่ความผิดของเธอ……”
“เสี่ยวหย่า เธอนั้นแม่พระเกินไปจริงๆ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนางนั้นขโมยผลงานเธอไป เธอจะพลาดโอกาสที่จะไปมหาวิทยาลัยศิลปากรรอยัล เหรอ?”
“ใช่ นางนั้นสิ ออกไปต่างประเทศหลบข่าวเสียๆ หายๆ เรื่องนี้ก็ผ่านไปแบบนี้ เธอล่ะ? เสียใจเพราะเรื่องนี้อยู่ตั้งนาน ใครมาชดใช้ให้เธอ?”
“ฉันดูนะ นางกลับมาคราวนี้ดีไม่ดียังจะมาเล่นงานเธอ เสี่ยวหย่า เธอนั้นต้องระวังหน่อยนะ!”
คนกลุ่มนั้นก็ได้พูดอะไรเยอะแยะไปหมด เสี่ยวหย่า ได้พูดห้ามเสียงเบา นัยน์ตานั้นกลับมีแสงแสดงออกมาว่าได้ใจ
อีกด้าน จิ่งหนิง ได้เดินไปตรงหน้าหวังเสว่เหมย
“ทำไมถึงมาเอาป่านี้?”
จิ่งเซี่ยวเต๋อ ได้ขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์
จิ่งหนิง ได้มองเขาอย่างเย็นชา พูดออกไปว่า “ฉันมาได้ก็ถือว่าให้เกียรติคุณมากๆ แล้ว คุณจิ่ง”
“เธอ!”
จิ่งเซี่ยวเต๋อ ได้ถูกท่าทางที่หยิ่งยโสของเธอทำเอาโมโห สายตานั้นได้มองชุดที่เธอใส่มางานของเธอ ก็ได้พูดด้วยความโกรธว่า
“ที่เธอแต่งตัวมาวันนี้มันอะไรกัน? วันนี้เป็นงานวันเกิดของเสี่ยวหย่า ไม่ใช่ของเธอ! ใส่มาแบบนี้อยากจะอ่อยใคร?”
จิ่งหนิง ได้มองไปที่เขา สายตานั้นได้ตกใจเล็กน้อย
ยังไงซะ เมื่อก่อนถึงแม้จะรู้ว่าพ่อคนนี้นั้นไม่เคยที่จะรักตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะพูดอะไรออกมาแบบนี้
แต่วันนี้……ฟังที่พูดสิ เป็นคำพูดที่พ่อคนหนึ่งควรพูดออกมาเหรอ?
ใจเธอนั้นได้หวิวลงเล็กน้อย ใบหน้าไม่ได้มีสีหน้าอะไร
“ฉันจะใส่อะไรคุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”
“เธอ!”
“พอได้แล้ว!”
เสียงที่น่าหวั่นเกรงได้ดังขึ้น เสียงของหวังเสว่เหมย ได้ขัดคำพูดของเขาไว้
เธอได้เรียกพนักงานมาคนหนึ่ง ให้เขานั้นเอาแก้วไวน์เสิร์ฟให้จิ่งหนิง พูดเสียงเข้มว่า “ที่ที่คนเยอะขนาดนี้ คนบ้านเดียวกันทะเลาะกันมันดีหรือไง? ยังไม่เงียบไปอีก!”
จิ่งเซี่ยวเต๋อ ไม่พอใจเล็กหน่อย ยังอยากจะพูดอะไรออกมาต่อ แต่ก็ได้ถูกหวังเสว่เหมยเขม็งกลับไป
คำพูดที่เหลือนั้นก็ได้กลืนลงคออย่างช่วยไม่ได้
จิ่งหนิง ได้ยิ้มอย่างเย็นชา ที่พนักงานเสิร์ฟให้เธอนั้นเป็นค็อกเทลอ่อนๆ กลิ่นนั้นได้หอม ดมแล้วยั่วยวนมาก
หวังเสว่เหมยได้มองเธอสักพัก สายตาก็ได้หยุดอยู่ที่แก้วไวน์ในมือของเธอ สีหน้าได้ผ่อนคลายแล้วพูดว่า “ยายบุญธรรมของเธอมาแล้ว เรื่องเธอกับคุณชายมู่ เธอรู้ใช่ไหมว่าควรอธิบายอะไรออกไปยังไง!”
“คุณอยากจะให้ฉันพูดยังไง?”
“ก็พูดออกไปว่าที่เธอกับคุณชายมู่ เลิกกันเพราะนิสัยใจคอไม่เข้ากัน แล้วก็ได้เลิกกันไปตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวหย่า เลยสักนิด”
จิ่งหนิง ได้หยักมุมปากขึ้นเรียบๆ ตอบตกลงอย่างว่าง่าย “ได้เลย”
หวังเสว่เหมย ได้พยักหน้าอย่างพอใจ อยู่ๆ ก็ได้ยกแก้ว มาชนกับแก้วที่อยู่ในมือของเธอเบาๆ
“ลำบากเธอหน่อยนะ แต่ว่าเธอวางใจเถอะ เรื่องเธอคราวนี้ฉันจำไว้แล้ว จะตอบแทนให้เธอวันหลังแน่นอน”
จิ่งหนิง เลิกคิ้ว ได้รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของเธอ
แต่ว่าเธอนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าหวังเสว่เหมย มีเรื่องขอร้องเธอ เพราะงั้นก็ได้พูดคำพูดอ่อนหวานพวกนั้นออกมา คอแห้งพอดี ก็ได้ยกแก้วขึ้นแล้วก็ดื่ม
ดื่มเหล้าหมด หวังเสว่เหมย ก็ได้พาเธอไปหาที่ที่คุณนายยู่ อยู่
ที่จริงคุณนายยู่ ได้เห็นเธอตั้งนานแล้ว ยังไงซะที่เขามาวันนี้ ก็เพราะมาหาเธอ
ไม่ได้เจอกันมาห้าปี ตอนที่เห็นจิ่งหนิง ปรากฏตัวออกมานั้น ก็ได้พบว่าเด็กน้อยที่มีใบหน้าที่ขี้อายในตอนนั้น ก็ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้ว
ท่าทางที่ดูสง่าแล้วก็สูงส่งนั้น ได้เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด ก็เหมือนกันว่าได้กลับมาเกิดใหม่ยังไงอย่างนั้น
“ยัยหนิง น้อย! เป็นหนูจริงๆ เหรอเนี่ย!”
จิ่งหนิง เห็นแบบนั้น ก็ได้เดินเข้าไปประคองเธอ
“คุณยายบุญธรรม”
“เด็กน้อย หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่มาเยี่ยมยายบ้างเลย?”
คุณนายยู่ ที่ดูหนักแน่นอยู่ตลอดก็ได้ดีใจจนแทบร้องไห้ จิ่งหนิง ก็เริ่มหวั่นไหวขึ้นมาตาม
“ขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้เยี่ยมหาท่าน ตอนนี้ยายร่างกายแข็งแรงดีไหมคะ?”
“ดี ยายสบายดีมากๆ”
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน ในใจของจิ่งหนิงก็ได้มีปมขึ้น เพราะงั้นก็ได้กลับมาเมื่อสองปีก่อน เธอไม่ได้ติดต่อหาใครมากมาย
คุณนายยู่ เหมือนว่าจะเข้าใจในความลำบากของเธอ ได้ตบมือเธอเบาๆ พูดปลอบออกไปว่า “เด็กดี เรื่องมันผ่านไปแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
หวังเสว่เหมย ได้เดินเข้ามา ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหญิง จิ่งหนิงมีเรื่องบางอย่างจะพูดกับท่าน”
พูดจบ ก็ได้ส่งสายตาย้ำเตือนให้จิ่งหนิง
จิ่งหนิงขำออกมาเบาๆ “รีบร้อนอะไร? เรื่องที่ย่าสั่ง หนูนั้นต้องพูดกับคุณยายบุญธรรมอยู่แล้ว ไม่ให้โอกาสหนูรำลึกเรื่องราวในอดีตเลยเหรอ?”