บทที่223 ส่งดอกไม้ให้เธอ
สุดท้าย หัวเหยาที่โกรธจนต้องปิดกระทู้ไป
พวกเธออยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แม่ไม่อยู่ด้วยแล้ว!
เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น จิ่งหนิงเองก็จนใจ
เพื่อที่จะทำให้ความโกรธของหัวเหยาสงบลงเธอจึงบอกแผนโดยรวมของเธอทางโทรศัพท์
แต่สาวน้อยคนนี้ก็โกรธจนเหลืออด รู้ทั้งรู้ว่าบนอินเทอร์เน็ตมีคนด่าว่าเธอแต่ก็ยังจะไปดู สุดท้ายผลที่ได้ก็ทำให้ตัวเองต้องอารมณ์เสีย
ดูสายพุทธอย่างจิ่งหนิงสิ จิ่งหนิงดูเป็นสายพุทธมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย (สายพุทธแสลงในอินเทอร์เน็ตคือ รักสงบ ไม่สนใจไม่ใส่ใจ)
ซูมู่แทบจะตามไม่ทันแล้ว ประธานของเขานั้นปกติแล้วรักใคร่คุณนาย แต่ตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตเล่นงานเธอจนแทบแย่แล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังนั่งติดอยู่ได้
ซูมู่ลองถามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามลู่จิ่งเซินหลายครั้งว่าจะทำอะไรหรือไม่
แม้จะไม่สามารถความคุมได้ แต่การกระทำเพียงเล็กน้อยก็สามารถเอาใจคุณนายบ้าง
ต้องรู้ว่าสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งในตอนนี้ในใจเธอนั้นเปราะบางเหลือเกิน
ถ้าหากสามีของตนเองรู้ทุกอย่างแต่กลับไม่ทำอะไรเลยคงเสียความรู้สึก!
แต่ท่านประธานของเขายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ซูมู่เกือบจะสงสัยว่าผู้ชายคนที่ขอให้เขาไปเลือกของขวัญเมื่อหลายวันก่อนเป็นท่านประธานของเขาหรือเปล่า
แต่ในที่สุดก็มีวันที่ลู่จิ่งเซินเริ่มขยับแล้ว
เขาถามซูมู่ “ช่วงนี้ที่กองถ่ายเป็นยังไงบ้าง?”
ซูมู่ตกใจและเมื่อรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้วเขารีบพูด: “ยังมีอีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะปิดกล้อง ช่วงนี้คุณนายจึงยุ่งมาก ต้องเข้าฉากเยอะมากทุกวัน โดยพื้นฐานแล้วจะต้องเข้าฉากตั้งแต่เช้าจนดึกดื่น”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและหันมาถาม: “แล้วเรื่องอื่นล่ะ?”
ซูมู่นิ่งไปไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องอื่นหมายถึงอะไร
เขากลอกตาจากนั้นก็คิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวที่น่าสนใจจึงพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ: “ได้ยินว่าช่วงนี้คุณนายกับจิ่งเสี่ยวหย่าเข้ากันได้ดีมาก ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นในอินเทอร์เน็ตเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีบางคนคอยบีบคุณนาย
เพราะคุณชายมู่เทียวส่งดอกไม้ให้จิ่งเสี่ยวหย่าที่กองถ่ายทุกวัน จึงดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกว่าคุณนายเป็นคนผิดในเรื่องบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้น…
ลู่จิ่งเซินที่กำลังเขียนหนังสือก็หยุดลง
ซูมู่ตื่นตัวขึ้นทันที
เขารู้!
เขารู้!
สามีที่สนใจคือแบบนี้
ต่อมาเขาก็ได้ยินลู่จิ่งเซินพูดขึ้น: “ส่งดอกไม้? ดอกอะไร?”
“เอ่อ กุหลาบแดงครับ”
“หึ! ธรรมดา!”
เขาพูดแล้วนิ่งไม่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอีก: “ให้คนเตรียมดอกกุหลาบเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก แล้วส่งให้คุณนาย”
ซูมู่: “? ? ? ?”
คุณบอกว่าธรรมดาไม่ใช่เหรอ?
ทำอะไรโดยไม่นึกถึงมโนธรรมแบบนี้ มันจะดีเหรอ?
ลู่จิ่งเซินเห็นเขายังยืนอยู่ตรงนั้นจึงได้กระแอมออกมาอย่างไม่สบายใจ
“นายจะเข้าใจอะไร ฉันหมายถึงผู้หญิงอย่างจิ่งเสี่ยวหย่าไม่เหมาะกับดอกกุหลาบ ไม่ได้บอกว่าดอกไม้นั้นธรรมดา”
ซูมู่: “…”
“อ้อ”
เอาเถอะ! คุณคือท่านประธาน คุณพูดอะไรก็ไม่ผิด
ซูมู่รีบลงไปเตรียมการ ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็คิดอะไรได้บางอย่าง เขาเปิดโทรศัพท์แล้วดูรูปรูปหนึ่ง รูปภาพนั้นคือเครื่องปั้นที่มีภาพน่ารักและอบอุ่นมากมายที่วาดด้วยสีซึ่งดูเป็นศิลปะมาก
เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
นี่น่าสนใจมาก?
โรแมนติกเหรอ?
ทำไมเขาไม่รู้สึก?
เขาขยับตัวจ้องมองไปที่นิ้วเรียวและขาวของเขา เพียงแค่คิดว่าจะต้องจับของสกปรกในมือเพื่อทำเครื่องเคลือบแบบนั้นเขาก็รู้สึกทนไม่ได้ที่จะมองตรง ๆ
ตอนนี้เองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาตอบรับให้เข้ามาได้ก็มีผู้ช่วยคนหนึ่งเข้ามาและพูดขึ้น “ท่านประธาน ของที่คุณต้องการมาถึงแล้ว”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้าแล้ววางโทรศัพท์มือถือลง
“ให้พวกเขาเข้ามา”
“ครับ”
ในไม่ช้าเครื่องทำเครื่องเคลือบและครูมืออาชีพก็เดินเข้ามา
“ประธานลู่ สวัสดีครับ คุณอยากจะเรียนปั้นเครื่องปั้นดินเผาใช่ไหม?”
ลู่จิ่งเซินดูอึดอัดเล็กน้อยและพยักหน้า
“ดีเลย งั้นคุณช่วยสวมชุดกันเปื้อนและมากับผมทางนี้…”
ทางนั้นลู่จิ่งเซินกำลังเรียนรู้วิธีการทำเครื่องปั้นดินเผาด้วยใจจริง
ทางนี้จู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกคันใหญ่ขับเข้ามาที่กองถ่าย
คนขับและคนส่งของกระโดดลงจากรถจากนั้นก็เริ่มสั่งให้คนอื่นย้ายสิ่งของออกจากรถ
ดอกกุหลาบสีแดงถูกพวกเขาเอาออกมาจากรถและวางไว้กลางสตูดิโอและใช้เวลาไม่นานในการสร้างทะเลดอกไม้
“ว้าว ทำไมดอกไม้เยอะจัง? แม่เจ้า! ใครเป็นคนส่งเนี่ย?”
“ยังต้องพูดเหรอ? ช่วงนี้คุณชายมู่ส่งดอกไม้ให้จิ่งเสี่ยวหย่าทุกวัน นี่จะต้องเป็นดอกไม้ที่เขาส่งให้จิ่งเสี่ยวหย่าอยู่แล้ว!”
“แม่เจ้า นี่มันโรแมนติกมากเลย ความโรแมนติกก่อนแต่งงานเป็นเรื่องปกติ แต่หลังแต่งงานแล้วยังโรแมนติกแบบนี้ แม่เจ้า จิ่งเสี่ยวหย่าต้องบำเพ็ญเพียรแค่ไหนถึงจะคนที่หลงใหลอย่างคุณชายมู่?”
“ดอกไม้เยอะขนาดนี้ เป็นเงินไม่น้อยเลยนะ ที่นี่เป็นกองถ่ายที่ไหน นี่มันโถน้ำตาลชัด ๆ ฉันจะเป็นลมเพราะความหวานอยู่แล้ว”
“ไม่ไหวแล้ว ๆ ฉันอิจฉามาก จิ่งเสี่ยวหย่าโชคดีมาก ๆ ๆ ๆ!”
“ตัวเธอคงยังไม่รู้เรื่องสินะ? พวกเธอไปบอกเธอทีสิ”
ในไม่ช้าก็มีคนพบจิ่งเสี่ยวหย่าในห้องรับรองที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จและกำลังจะนั่งพัก
“จิ่งเสี่ยวหย่า ทำไมเธอยังมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ! รีบออกไปดูเร็ว คุณชายมู่ส่งดอกไม้มาให้เธอเยอะมาก!”
จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งไป
หลายวันมานี้ ถึงแม้ว่ามู่ยั่นเจ๋อมีท่าทีค่อนข้างเย็นชาใส่เธอ แต่เวลาอยู่ข้างนอกเขาก็ยังรู้จักไว้หน้าเธอ
เธอรู้ดีว่าเพราะเรื่องราวครั้งก่อนทำให้ทั้งสองมีช่องว่างระหว่างกัน ตอนนี้เธอง่วนอยู่กับการถ่ายละครจึงไม่มีเวลาได้อธิบาย ดังนั้นจึงไม่ดึงดัน
เดิมทีที่คิดว่าจะกลับไปอธิบายให้เขาฟังถ่ายละครเสร็จ แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
คนคนนั้นอดไม่ได้ที่เห็นนิ่งไปจึงรีบวิ่งเข้าไปดึงเธอ
“ตายแล้ว เธอรีบไปดูเถอะน่ะ”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบวิ่งออกมาพร้อมเธอ เมื่อเห็นดอกกุหลาบที่วางไว้เต็มพื้นเป็นทะเลดอกไม้ก็อึ้งไป
นี่มัน… พี่อาเจ๋อ เป็นคนส่งมาเหรอ?
ที่มันต้องใช้ดอกไม้อย่างน้อยกี่พันดอกกัน?
ถึงแม้ว่าช่วงนี้มู่ยั่นเจ๋อจะส่งดอกไม้มา แต่ทุกวันก็เป็นเพียงช่อเล็ก ๆ เท่านั้น
เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่มันเป็นเพียงการแสดงเพื่อแสดงละครดังนั้นเธอจึงไม่ตั้งความหวังมากเกินไป
แต่ตอนนี้…
ต่อให้เป็นการแสดง แต่ก็คงไม่เล่นใหญ่แบบนี้!
หรือว่าพี่อาเจ๋อ จะยกโทษให้ตัวเธอแล้ว?
ทันใดนั้นหัวใจของจิ่งเสี่ยวหย่าก็มีความสุขในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาและพูดกับเธอ: “ขอถามว่าคุณคือคุณจิ่งใช่ไหมครับ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบพยักหน้า: “ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“สวัสดีครับ นี่เป็นดอกไม้ของคุณทั้งหมดเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก ช่วยเซ็นรับด้วย”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบรับการ์ดและกำลังจะเซ็นชื่อ ทันใดนั้นทันใดนั้นก็เห็นว่าลายเซ็นของผู้มอบดอกไม้มีอักษรภาษาอังกฤษเพียงตัวเดียวคือตัว “L”
เธอผงะไปชั่วขณะแต่เมื่อนึกถึงอักษรตัวแรกชื่อภาษาอังกฤษของมู่ยั่นเจ๋อคือ Lucas คือตัว L แล้ว ก็ไม่คิดมากอะไรอีก
หลังเซ็นชื่อเสร็จก็คืนการ์ดให้เขาไปแล้วยิ้มเล็กน้อยและกล่าวขอบคุณ