บทที่225 ชอบก็ดีแล้ว
BOSS ลู่ตกใจ
น้ำเสียงนี้…ดูไม่เหมือนดีใจนะ!
หรือว่าเธอไม่ชอบดอกกุหลาบ?
เขารีบอธิบาย “ก็ช่วงนี้เห็นคุณถ่ายละครอย่างยากลำบาก ดังนั้นเลยส่งของพิเศษ ๆ ให้คุณ ให้คุณดีใจ ๆ ไง!”
จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเย็นชา “งั้นทำไมไม่เอาตัวคุณส่งมาด้วยเลยล่ะ?”
เมื่อพูดสิ่งนี้ออกไปผู้ชายคนนี้ก็เริงร่าทันที
“จริงเหรอ? ได้เหรอ?”
จิ่งหนิงกัดฟัน
เธอตบหน้าผากของเธออย่างเงียบ ๆ
คำพูดนี้…ต้องโทษเธอปากมาก! ไม่มีหูรูด
เธอกระแอมเบา ๆ และไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “เอาล่ะ ๆ ได้รับดอกไม้แล้วค่ะ สวยมากเลย ฉันชอบมาก”
อืม บางทีก็ต้องแสดงออกถึงความรักบ้าง
ถึงแม้ว่าเธอจะมีความรู้สึกดีใจในตอนแรกแล้วนั้น อีกสิ่งที่ตามมาคือดอกไม้วางไว้ตรงนั้นเยอะขนาดนั้นมันก็ดูเกะกะ จะทิ้งก็เสียดาย จะแจกก็ดูไม่ค่อยดี
แต่เมื่อคิดถึงความตั้งใจของชายหนุ่ม รวมทั้งคำพูดในการ์ดใบนั้นก็รู้สึกว่าไม่ควรจะเย็นชากับคนอื่นมากเกินไป
เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องเจ็บช้ำใจ
เมื่อลู่จิ่งเซินได้ยินเธอพูดแบบนั้นสุดท้ายเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
“คุณชอบก็ดีแล้ว ต่อไปคุณชอบอะไรก็บอกผมได้เลย ผมจะให้คนส่งไปให้”
จิ่งหนิงรีบพูดขึ้น: “เดี๋ยวก่อน แค่ครั้งนี้ก็พอแล้วค่ะ ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้ว”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ต้องการเล่นใหญ่ แต่ตัวตนของลู่จิ่งเซินนั้นพิเศษ
เพื่อไม่ให้ตกเป็นที่สนใจของคนอื่นและสืบพบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่จิ่งเซิน ดังนั้นทำอะไรไม่เด่นไว้จะดีกว่า
ลู่จิ่งเซินได้ยินเธอพูดแบบนี้แล้วก็เกิดความไม่สบายใจ
“ทำไมรู้สึกเหมือนคุณรังเกียจผมมากเลย?”
จิ่งหนิงหัวเราะแหะ ๆ
“ฉันจะรังเกียจคุณได้ยังไงคะ เพียงแต่ว่าหากว่าทำอะไรที่มันเด่นมากไปจะทำให้คนอื่นคิดว่าฉันทำตัวเปรียบเทียบกับใครบางคน”
ลู่จิ่งเซินยกมุมปาก
“เทียบแล้วยังไง? ผู้หญิงของผมไม่มีทางแย่กว่าคนอื่นอยู่แล้ว”
จิ่งหนิง: “…”
“เอาล่ะ ๆ แล้วแต่คุณ พอแล้ว นี่ก็ดึกแล้วฉันจะวางสายแล้ว”
ลู่จิ่งเซินรีบพูดจาสองสามคำก่อนที่จะวางสายโทรศัพท์ไป
หลายวันต่อมาทุกคนก็พบกับความผิดปกติ กองถ่ายแปรสภาพเหมือนเป็นลานประลอง
ทุกวันไม่ว่าจิ่งเสี่ยวหย่าได้รับอะไร จิ่งหนิงก็จะได้รับของสิ่งแบบเดียวกันเพียงแต่หรูหราและสวยกว่าแค่นั้น
ตัวอย่างเช่นถ้ามู่ยั่นเจ๋อส่งดอกไม้ให้จิ่งเสี่ยวหย่าเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก จิ่งหนิงจะได้รับช่อดอกไม้เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก
ถ้าจิ่งเสี่ยวหย่าได้แหวนเพชร จิ่งหนิงก็จะได้แหวนเพชรที่เม็ดโตและส่องแสงแวววับอีกทั้งมีความประณีตมากกว่า
ถ้าจิ่งเสี่ยวหย่าได้รับชุดราตรี ก็จะมีจะมีนักออกแบบแฟชั่นระดับโลกที่มาวัดตัวตัดเย็บให้เธอถึงกองถ่าย
ทุกคนต่างแอบที่จะตกตะลึงไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไร? หรูเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ว่าจิ่งหนิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างจิ่งเสี่ยวหย่ากับมู่ยั่นเจ๋อไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่ใครส่งของขวัญมากมายก่ายกองมาให้เธอล่ะ?
ทุกครั้งที่อีกฝ่ายส่งของขวัญมาให้จะต้องข้ามหัวมู่ยั่นเจ๋อไปหนึ่งขั้นเสมอแถมยังหรูหราเสียจนไม่เกรงใจอีกฝั่งจะเคือง
นี่บอกได้เลยว่าอีกฝั่งจะต้องมีกำลังมากกว่ามู่ยั่นเจ๋อ
หรือว่าจิ่งหนิงจะมีแฟนใหม่แล้ว?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้และมีการคาดเดาทุกรูปแบบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น จิ่งหนิงก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าถูกทุกคนใช้สายตาซุบซิบมองจนต้องอึดอัดแต่ทุกครั้งที่ได้เห็นท่าทางของจิ่งเสี่ยวหนิงที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้และโกรธเคืองก็ดูเหมือนจะคุ้มค่า
เริ่มมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างออกมาจากกองถ่าย
ส่วนใหญ่เป็นคนที่ชอบสร้างปัญหาที่เห็นจิ่งเสี่ยวหย่าและมู่ยั่นเจ๋อก่อนหน้า ที่พวกเธอช่วยกันทับถมจิ่งหนิงด้วยกัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้จิ่งหนิงเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นทับทิมเม็ดใหญ่แห่งศตวรรษที่อีกฝ่ายส่งมาเมื่อสองวันก่อนดวงตาของเขาแทบจะเป็นลุกเป็นไฟ
ของแบบนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจะหาได้ ต่อให้เป็นคนรวยก็ยังหามีทาง
ปกติแล้วจะต้องเป็นพวกที่โคตรจะรวยที่เก็บสะสม ตอนนี้มันกลับถูกมอบให้จิ่งหนิงอย่างไม่น่าเชื่อ พูดได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีสถานะที่สูงส่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเปย์จิ่งหนิงหนักมากด้วย!
ในสถานการณ์แบบนี้ หากคุณไม่เข้าใจความสัมพันธ์ คุณจะมองไม่เห็นจริง ๆ
เป็นผลให้ความคิดเห็นของสาธารณชนในกลุ่มคนในกองถ่ายหันไปทางจิ่งหนิงทันที
ก่อนหน้านี้คนพวกนั้นต่างพากันบีบคั้นจิ่งหนิง แต่ตอนนี้กลับดันกลับไปหาจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นเท่าตัว
จิ่งเสี่ยวหย่าจะรับมือสถานการณ์ที่บีบคั้นแบบนี้ได้ยังไง และโมโหทันที
เมื่อไม่มีการระบุชื่อแซ่ เธอจึงไม่สามารถแสดงอะไรออกมาได้มีแต่จะยิ่งหงุดหงิด
ในเย็นวันนั้นได้ยินจากคนข้าง ๆ ว่ามีคนนำสร้อยข้อมือหินปะการังสีแดงมาให้จิ่งหนิง ทั้งคุณภาพและงานช่างงดงามจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ว่ากันว่าเป็นสินสอดของเจ้าหญิงในบางประเทศในยุคกลางจึงถือได้ว่าเป็นของโบราณ
ในกองถ่ายมีคนไม่น้อยที่เคยเห็นกำไลนี้ต่างพากันประหลาดใจและพูดถึงเรื่องนี้ระหว่างมื้อเย็น
จิ่งเสี่ยวหย่านั่งอยู่ด้านข้างพร้อมกับกล่องอาหารแอบไม่พอใจพวกเขาขณะฟังการจับกลุ่มคุยของพวกเขา
คนเลวแบบนี้ทำไมถึงได้รับความรักขนาดนี้?
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นสร้อยข้อมือปะการังสีแดงนั้นด้วยตา แต่หลายปีก่อนสมัยสร้อยข้อมือนี้ถูกประมูลเธอเคยเห็นจากในนิตยสาร
มันดูสวยมากจริง ๆ ตอนนั้นว่ากันว่าถูกบุคคลลึกลับประมูลได้ไปด้วยเงินสามร้อยล้านกว่า
ตอนนี้คิดดูแล้วบุคคลนิรนามคนนั้นคงจะเป็นลู่จิ่งเซิน
ไม่รู้ว่าลู่จิ่งเซินคนนี้แท้จริงแล้วเป็นคนโง่รึเปล่า สร้อยข้อมือมูลค่ากว่าสามร้อยล้านเอามาเอาใจเมียน้อย? !
หึ!
น่าขันนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ควรจะรู้สึกแดกดัน แต่ไม่รู้ทำไม แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่
จิ่งเสี่ยวหย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าจิ่งหนิง เพราะอะไรเธอจึงไม่มีของดี ๆ แบบนี้บ้าง?
สิ่งที่ทำให้จิ่งเสี่ยวหย่าทนไม่ได้ก็ยังเป็นสายตาจากคนภายนอก
มองดูเธอเหมือนกำลังดูเรื่องตลกอยู่อย่างนั้น ทุกสายตาที่จับจ้องเต็มไปด้วยความแดกดันและดูแคลน
จิ่งเสี่ยวหย่าแทบจะพังทลายไปพร้อมกับสายตาเหล่านี้
ท้ายที่สุดในเย็นวันเดียวกันจิ่งเสี่ยวหย่าทนไม่ได้อีกต่อไปจึงได้โทรไปขอให้มู่ยั่นเจ๋อส่งของขวัญที่มีมูลค่าที่สูงกว่ามาให้เธอ
เมื่อมู่ยั่นเจ๋อได้ยินคำขอนี้ ในชั่วขณะหนึ่งก็คิดว่าจิ่งเสี่ยวหย่าคงจะบ้าไปแล้ว!
“คุณจะอยากได้กำไลที่แพงแบบนั้นไปทำอะไร? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าก็ให้ทั้งแหวนเพชรและสร้อยคอไปแล้วเหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าแอบกัดฟัน
“ของพวกนั้นจะมีค่าอะไร? คุณรู้รึเปล่า? ตอนนี้จิ่งหนิงได้รับของขวัญที่มีค่าต่าง ๆ มากมายทุกวี่ทุกวัน วันนี้ก็ได้รับกำไลปะการังสีแดง ฉันก็แค่อยากได้อะไรดี ๆ หน่อย แค่นี้มันเกินไปด้วยเหรอคะ?”
มู่ยั่นเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง
“ดังนั้น คุณก็เลยคิดจะเปรียบเทียบกับเธองั้นสิ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากัดริมฝีปากของเธอด้วยความลำบากใจ
“พี่อาเจ๋อ คุณวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางขอของพวกนี้จากพี่เปล่า ๆ พี่ก็รู้ว่ากฎในแวดวงนี้ดี ฉันกับเธออยู่กองถ่ายเดียวกัน ถ้าหากว่าต้องเปรียบเทียบกับเธอไปทั่ว อย่างนั้นต่อไปพวกแบรนด์ไฮเอนด์ก็จะเอาแต่พิจารณาเธอแล้วไม่สนใจฉัน ฉันก็คิดเพื่ออนาคตนะ”
มู่ยั่นเจ๋อหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมาเบา ๆ