บทที่226 คนสองคนทะเลาะกัน
“พอเหอะ เธอคิดอะไรคิดว่าฉันจะไม่รู่รึไง? ไม่ว่าจิ่งหนิงมีอะไร ตั้งแต่เด็กจนโต เธอมีอะไรที่ไม่แย่งเธอมาบ้าง? ตอนนี้ก็แค่เห็นคนอื่นเขามีชีวิตที่ดีกว่าตัวเธอก็เลยอิจฉาริษยา ก็เลยอยากจะให้ฉันกลายเป็นพวกคนโง่คอยเปย์ให้เธองั้นสิ?
จิ่งเสี่ยวหย่า เธอถ่ายละครจนเป็นประสาทรึไง? เธอคิดว่าตระกูลมู่ของเราเป็นอะไร? เป็นเครื่องเอทีเอ็มเคลื่อนที่ให้เพื่อโชว์ของเธองั้นเหรอ?”
ไม่ว่ายังไงจิ่งเสี่ยวหย่าก็คิดไม่ถึงเลยว่ามู่ยั่นเจ๋อจะพูดจาไร้เยื่อใยแบบนี้กับเธอ
เธอนั่งอยู่ตรงนั้นและไม่อยากจะเชื่อ นิ้วของเธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นจนสั่นด้วยความโกรธ
“มู่ยั่นเจ๋อ! คุณพูดเรื่องพวกนี้ออกมาคุณมีจิตสำนึกบ้างรึเปล่า? หลายปีมานี้คิดว่าฉันไม่ได้เสียสละอะไรเพื่อคุณเลยงั้นเหรอ? ถ้าหากไม่ใช่เพื่อให้ได้อยู่กับคุณ ฉันจะยอมเสียเปรียบลำบากตัวเองอยู่หลายปี?
ท้ายที่สุดคิดไม่ถึงว่าคุณจะทำกับฉันแบบนี้? ตอนแรกใครกันที่พูดว่าจะรักฉันไปตลอดชีวิต ดีกับฉันตลอดชีวิต จึงทำให้ฉันมาไกลถึงขนาดนี้?
มู่ยั่นเจ๋อฉันคิดว่าฉันเคยรู้สึกผิดต่อคุณ แล้วคุณล่ะ? ตัวเองไม่เด็ดขาดก็พอว่า ตอนนี้ฉันก็แค่ขอให้คุณมอบของขวัญให้ฉันสักชิ้น คุณก็มีความคิดแบบนี้ นี่คุณรู้สึกว่าคุณต้องเป็นฝ่ายเสียในการแต่งงานครั้งนี้เหรอ หรือจะบอกว่าคุณไม่เคยคิดจะขอฉันแต่งงานเลยตั้งแต่ต้น?”
เสียงในโทรศัพท์ของจิ่งเสี่ยวหย่านั้นแหบพร่าทำให้มู่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้วแน่น
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่อยากแต่งงานกับคุณ”
“งั้นที่คุณพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง?”
“ผม…”
คำเตือนของพ่อของเขายังก้องอยู่ในหู สุดท้ายมู่ยั่นเจ๋อจึงได้กล้ำกลืนความโกรธในใจลงไป
และพูดกับเธอด้วยความอดทน: “ผมแค่อยากจะบอกว่า ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเราคือการทำให้คนภายนอกเชื่อว่าเรารักกันมาก ส่วนเรื่องเปรียบเทียบอะไรพวกนั้น มันไม่จำเป็นเลย
ความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่มันคือความปรองดองและความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนสองคนต่างหาก คุณคิดว่าไง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าแอบกำหมัดแน่นจนตัวเกร็ง
จากนั้นไม่นานก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา: “งั้นถ้าฉันบอกว่าฉันอยากได้ล่ะ?”
อีกฝ่าย สีหน้ามู่ยั่นเจ๋อเคร่งขรึมลง
“เสี่ยวหย่า คุณอย่าทำเป็นไม่เข้าใจเลยนะ?”
“แล้วทำไมฉันต้องเข้าใจ? หรือว่าคนอย่างฉันจิ่งเสี่ยวหย่าจะต้องถูกจิ่งหนิงเหยียบไว้ใต้เท้าตลอดไป? ฉันจะต้องด้อยกว่าเธอทุกอย่าง? ฉันไม่ยอม!
คุณเป็นสามีของฉัน ภรรยาของตัวเองโดนคนนอกกลั่นแกล้ง แล้วคนที่อยู่ในฐานะสามีอย่างคุณไม่สมควรจะช่วยฉันออกหน้า?
หรือจะบอกว่าแท้จริงแล้วคุณกลัวอิทธิพลของลู่จิ่งเซินจนไม่กล้าแม้แต่จะเอาเรื่องจิ่งหนิง?
ในเมื่อคุณเป็นเต่าหัวหด คุณก็พูด คุณวางใจเถอะ! หากฉันหวังพึ่งคุณไม่ได้ก็จะไม่ฝืนใจ บนโลกนี้มีผู้ชายอีกตั้งมากมายที่ยินดีจะให้ฉันพึ่งพา!”
“จิ่งเสี่ยวหย่า!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากอีกฝั่ง
จิ่งเสี่ยวหย่าจึงได้รู้และรู้สึกจากปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาว่าตัวเองพูดจาพลั้งปากไปแล้ว
สีหน้าเธอเปลี่ยนไปและรีบอธิบาย “พี่อาเจ๋อ…”
“หึ!”
มู่ยั่นเจ๋อหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“ยังไง? ในที่สุดก็พูดในสิ่งที่เธอคิดจริง ๆ ออกมาแล้วใช่ไหม? ได้สิ! ในเมื่อเธอคิดว่าสู้คนอื่นไม่ได้งั้นเธอก็ไม่หาคนที่เธอว่าดีกว่า เอาจริง ๆ ฉันไม่สนเลยสักนิด”
“ใช่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น…”
“ฉันไม่สนว่ามันหมายความว่าอะไร! เธอจำเอาไว้ ตอนนี้เธอมีสถานะเป็นคุณนายน้อยตระกูลมู่ ก็แค่ข้อตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างตระกูลมู่ของฉันกับตระกูลจิ่งของเธอ เมื่อข้อตกลงจบกัน เราก็ต่างคนต่างไป ต่อไปไม่มีเรื่องอะไรก็อย่าโทรมาให้ฉันรำคาญใจอีก แค่นี้! ลาก่อน!”
พูดจบ “ปัง” เสียงวางสายดังขึ้น
จิ่งเสี่ยวหย่าแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
เสียงวางสายที่ไร้เยื่อใยเหมือนมีดคมที่กรีดตรงไปที่หัวใจเธออย่างรุนแรง
คำพูดเย็นชาจากชายหนุ่มเป็นดังเข็มที่ทิ่งแทงเธอ
แลกเปลี่ยน?
ต่างคนต่างไป?
หี ๆ…
บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับมัน ในตอนนี้ในที่สุดดูเหมือนว่าจะถูกเปิดเผย เปิดเผยความจริงที่น่าเกลียดและทำให้หัวใจของเธอจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง
พี่อาเจ๋อ ที่แท้คุณก็มองฉันเป็นแบบนี้เองเหรอ?
ที่แท้ความจริงใจที่ฉันมีให้ตลอดหลายปีมานี้ในสายตาคุณแล้วก็เพียงข้อแลกเปลี่ยนเท่านั้น?
หึหึ…ฮ่า ๆ ๆ ๆ…
มันช่างน่าขัน ดูถูกกันเสียเหลือเกิน!
จิ่งเสี่ยวหย่าหัวเราะพร้อมกับโทรศัพท์ในอ้อมแขนของเธอ ยิ่งเธอหัวเราะมันยิ่งดูบ้าคลั่ง เธอหัวเราะจนตัวสั่นและน้ำตาก็ไหลเป็นทาง!
มู่ยั่นเจ๋อคำพูดที่คุณกับฉันวันนี้ คุณจะต้องเสียใจ!
ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งฉันจะทำให้คุณต้องเสียใจ
……
ผ่านไปสองวัน
“กลยุทธ์พลิกชีวิต” ในที่สุดก็ประกาศปิดกล้องได้แล้ว
การถ่ายทำทั้งหมดสิ้นสุดลงแล้วและคนอื่น ๆ ก็ได้พักผ่อนชั่วคราว แต่จิ่งหนิงและ สวี่เจียมู่ ในฐานะทีมครีเอทีฟหลักในขณะนี้ไม่มีทางที่จะผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่เหมือนคนอื่น ๆ
พวกเขายังต้องร่วมมือกับการประชาสัมพันธ์รวมถึงจิ่งเสี่ยวหย่าและนักแสดงอีกสองคนที่มีบทบาทสำคัญมากกว่านี้
หลังจากลงประกาศไปหลายครั้งกระบวนการนี้ค่อนข้างราบรื่น
ถึงแม้ว่าจิ่งเสี่ยวหย่ากับเธอจะยังคงห้ำหั่นกันแต่ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดี
ตัวเธอดูเศร้าสร้อยเล็กน้อยและดูเหมือนจะเพิ่งรับศึกหนักมาทำให้เธอผอมไปมาก
หลินซูฝานกลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไปและจะให้เธอกลับไปพักผ่อนแต่จิ่งเสี่ยวหย่าก็ไม่ยอม
การเดินทางไปเพื่อโปรโมตกับกองในตอนนี้ยังถือว่ามีอะไรให้ทำและไม่มีเวลาให้คิดฟุ้งซ่าน
ถ้าหากว่าเธอกลับบ้านไปแล้วให้เธออยู่คนเดียวคงจะเป็นบ้าแน่!
จิ่งหนิงกลับไม่รู้เรื่องของเธอกับมู่ยั่นเจ๋อ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจเธอแต่ก็ดีที่ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ดีจึงไม่มีแก่ใจจะมาหาเรื่อง ทำให้เธอมีความสงบสุข
วันนี้หลินซูฝานโทรมาและบอกเธอว่ามีงานเลี้ยงการกุศลและต้องการพาเธอและจิ่งเสี่ยวหย่าไปร่วมงานด้วย
งานเลี้ยงการกุศลประเภทนี้นอกเหนือจากการกุศลแล้วยังเป็นโอกาสสำหรับนักแสดงหญิงจำนวนมากที่จะแข่งขันกัน
วันนี้จิ่งหนิงสวมชุดสีดำปลายกระโปรงหางปลา ดูมีเสน่ห์และน่ามองผมของเธอม้วนขึ้นเบา ๆ และคอของเธอประดับด้วยสร้อยเพชรที่ออกแบบเป็นดวงดาวมันสวยงามและแพรวพราวมากยิ่งขึ้น
หลินซูฝานพาเธอไปรอบ ๆ ก่อนและพูดคุยกับนักลงทุนสองสามคน
เขาเข้าสังคมไม่เก่ง แต่ยังไงก็ตามเขาก็รู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะไม่เก่งในโอกาสนั้นเขาก็ไม่สามารถจะละเลยเรื่องที่อยู่บนโต๊ะได้
ยิ่งไปกว่านั้นจิ่งหนิงทำเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เป็นเวลาหลายปี ในหลาย ๆ กรณีเธอจึงพึ่งพาได้ ดังนั้นคนหนึ่งขยับอีกคนนิ่งจึงเข้ากันได้ดี
จิ่งเสี่ยวหย่ามาถึงค่อนข้างช้าโดยปกติแล้วเธอมักจะออกงานประเภทนี้กับมู่ยั่นเจ๋อ
จู่ ๆ วันนี้ต้องมาคนเดียวจึงเกิดไม่สบายใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
ความรู้สึกสูญเสียที่มากมายทำให้สีหน้าเธอดูจืดชืดไปไม่น้อยถึงแม้ว่าคืนนี้จะแต่งหน้ามาเป็นอย่างดีแล้ว
อานเฉียว ที่ไม่สามารถเข้าไปในงานกับเธอได้แต่ก็ยังไม่ส่งถึงหน้าประตู
เมื่อลงจากรถ เธอกระซิบเบา ๆ: “พี่เสี่ยวหย่า ฉันโทรถามคุณชายมู่แล้ว ดูเหมือนคืนนี้เขาจะมีธุระมาไม่ได้”
จิ่งเสี่ยวหย่าหยุดก้าวแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“ฉันรู้แล้ว”
พูดจบจึงก้าวเข้าไปในงาน