วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 227 มาหาเธอ

บทที่227 มาหาเธอ

ในตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับมู่ยั่นเจ๋อนั้นระหองระแหงกัน ไม่ต้องเจอกันสักระยะคงจะดีกว่าอยู่แล้ว

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผิดใจกันต่อหน้าคนจำนวนมาก

ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอย่างมีหลักการและรู้ว่าเขาคงไม่มีทางโผล่มา แต่อันที่จริงก็ยังรู้สึกหดหู่ในใจ

สุดท้ายเธอจงใจให้อานเฉียว โทรไปหามู่ยั่นเจ๋อซึ่งก็ถือว่าเป็นการแอบก้มหัวให้อยู่แล้ว มู่ยั่นเจ๋อฉลาดขนาดนั้นมีหรือที่จะไม่เข้าใจ

แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่โผล่มา

นี่เป็นการบอกชัดว่าเขายังไม่ยอมรับคำขอโทษจากเธอ หรือจะบอกว่ายังงอนเธออยู่

เมื่อคิดถึงตรงนี้จิ่งเสี่ยวหย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับตัวเองความรู้สึกสูญเสียในใจของเธอร้ายแรงยิ่งขึ้น

“พี่เสี่ยวหย่า!”

ในตอนนี้เองเสียงที่ยินดีก็ดังลอยมา

เธอเงยหน้าดูและเห็นหญิงสาวแต่งตัวสวยงามวิ่งเหยาะๆเข้าหาเธอกระโปรงของเธอ

เธอนิ่งไปครู่หนึ่งจึงจำได้

“เจียวเจียว? หน้าเธอ…ทำไม…”

หร่วนเจียวเจียวก้มศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมกับแสดงความร้อนตัวบนใบหน้าของเธอ: “พี่เสี่ยวหย่า พี่อย่าเสียงดังไป ฉันเพิ่งไปบินไปทำที่ต่างประเทศมา ใบหน้าหรูที่สวยที่สุด เป็นไงคะ? สวยไหม?”

จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งไปครู่หนึ่งและไม่พูดอะไร

เมื่อดูคางที่แทบทิ่มคนได้และดวงตาที่ใหญ่จนน่ากลัวของหร่วนเจียวเจียวแล้วก็กระตุกมุมปากอย่างกระอักกระอ่วน

“สวย สวยดี”

“ฮิ ๆ ฉันรู้ค่ะ จะต้องสวยอยู่แล้ว”

เธอพูดแล้วคล้องแขนของจิ่งเสี่ยวหย่าแล้วหัวเราะ “พี่เสี่ยวหย่า ขอโทษนะคะ เพราะช่วงก่อนฉันยังอยู่ในช่วงพักฟื้นเลยไม่สามารถไปเจอใครได้ ดังนั้นงานแต่งของพี่กับคุณชายมู่ฉันเลยไม่ทันได้อวยพร วันนี้ขอชดเชยแล้วกัน ยินดีด้วยนะคะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าที่ไม่ค่อยจะมีรอยยิ้มจิ่งเสี่ยวหย่าก็นิ่งลงทันที

เธอพูดเอื่อย ๆ: “ขอบคุณนะ”

หร่วนเจียวเจียวกลับไม่ได้สนใจสีหน้าที่ไม่ปกติของเธอ เธอหันซ้ายมองขวาไม่เห็นมู่ยั่นเจ๋อจึงถาม: “เอ๊ะ? คุณชายมู่ล่ะคะ? วันนี้เขาไม่มาเป็นเพื่อนพี่เหรอ?”

“เปล่าจ้ะ เขามีธุระที่บริษัท มาไม่ได้”

“อ้อ~~ ฉันว่าผู้ชายเนี่ยก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานไม่เหมือนกันเลย เมื่อก่อนตอนยังไม่แต่งงาน พี่ไปไหนเขาก็ตามไปทุกที่? เดี๋ยวนี้พอแต่งงานแล้ว คิดไม่ถึงว่าขนาดงานสำคัญขนาดนี้เขายังไม่มาเป็นเพื่อนพี่อีก จริง ๆ เลย!”

สีหน้าจิ่งเสี่ยวหย่านิ่งไป ความโกรธในใจของเธอกระเพื่อม ๆ จนเหมือนจะปะทุออกมา

เธอดึงแขนที่หร่วนเจียวเจียวคล้องไว้แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “เอาล่ะ ฉันยังมีธุระอื่น เธอไปเที่ยวเล่นเองเถอะนะ ฉันไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว”

พูดจบก็รีบเดินไปทางหลินซูฝานไปเพียงลำพัง

หร่วนเจียวเจียวถูกเธอเพิกเฉยอย่างไม่คาดคิด เธอยืนอยู่ที่นั่นและไม่ตอบสนองหลังจากนั้นเป็นเวลานาน

แต่ในขณะนั้น จู่ ๆ เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังมาจากทิศทางของประตู

“คุณชายมู่ ไม่ได้เจอกันนานนะครับ วันนี้ได้มาเจอคุณที่นี่ดีใจจริง ๆ คิดไม่ถึงเลย!”

จิ่งเสี่ยวหย่าเสียวสันหลังวาบ

เธอหันไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพียงเห็นคนที่เพิ่งเดินเข้ามาจากประตูและถูกต้อนรับด้วยอ้อมกอดจากชายวัยกลางคน ถ้าไม่ใช่มู่ยั่นเจ๋อแล้วจะเป็นใคร?

วันนี้เขาสวมชุดสูทสีขาวและใบหน้าที่ยังคงหล่อเหลาของเขาดูเหมือนเจ้าชายในยุคกลางภายใต้แสงไฟสง่างามและมีเสน่ห์

เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรงขึ้นจนแทบควบคุมไม่อยู่

พี่อาเจ๋อ พี่มาแล้วเหรอ?

เธอรู้ได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ที่ในใจของพี่อาเจ๋อ จะไม่มีเธอ

ก่อนหน้านี้ที่พูดกับเธอแบบนั้นก็เป็นเพียงเพราะความโกรธเพียงเท่านั้น!

ในเมื่อที่เขาถูกเลี้ยงดูและถูกตาใจมาแต่เด็ก และไม่เคยถูกดุด่า เวลาโกรธจึงมักจะพูดจาแบบนั้นเป็นเรื่องปกติ

เธอไม่โทษเขาเลยจริง ๆ!

จิ่งเสี่ยวหย่ารู้สึกว่าขอบตาของตนเองกำลังรื้นเหมือนมีความร้อนเล็ก ๆ และของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากเบ้าตา

เธอรีบหันหลังไปและใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมันอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะเร็วแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของหร่วนเจียวเจียวที่อยู่ไม่ไกลไปได้

เธอมองดูมู่ยั่นเจ๋อและหันกลับไปดูจิ่งเสี่ยวหย่า สุดท้ายก็ปะติดปะต่อเรื่องราวจนเข้าใจได้

เธอเดินเข้าไปหาจิ่งเสี่ยวหย่าด้วยความว้าวุ่นใจแล้วถามเบา ๆ: “พี่เสี่ยวหย่ากับคุณชายมู่…ทะเลาะกันใช่ไหมคะ?”

จิ่งเสี่ยวหย่าเช็ดน้ำตาและปรับสีหน้าของเธอ “ไม่มีอะไร เธออย่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ”

“ได้ค่ะ! พี่ไม่กล้าบอกความจริงฉันก็ไม่เป็นไร ยังไงซะคุณชายมู่ก็มาแล้วคงจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองผิดก็เลยมาเพื่อจะง้อ! สามีภรรยานอนคุยกัน อีกเดี๋ยวพี่ก็อย่าโมโหล่ะ นะคะ?”

เธอรู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้อะไรก็ดี แต่ถือดีไปนิด

มันยากที่จะที่จะมีเขยรวย ๆ อย่างมู่ยั่นเจ๋อ หากว่าทั้งสองคนดีกันไม่แน่ว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างเธอก็อาจจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย

ดังนั้นเธอจึงไม่หวังว่าจิ่งเสี่ยวหย่าจะวางท่าแล้วขัดใจมู่ยั่นเจ๋อเข้า

จิ่งเสี่ยวหย่ารู้จักเธอมานานจึงรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่?

จึงแสยะยิ้มเยาะออกมาจากมุมปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะในใจก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด

แน่นอนว่าเมื่อคนสองคนทะเลาะกันจะต้องมีใครคนหนึ่งง้อแล้วถ้าอีกฝ่ายไม่ได้โง่เกินไปก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตาม

ใครยังจะไปกล้าวางท่าให้คนอื่นลำบากใจ?

เธอสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าความบึ้งตึงที่ตรึงอยู่ในใจมาหลายวันก็สลายไปในที่สุด

ในใจกำลังคิดว่าหากอีกครู่หนึ่งมู่ยั่นเจ๋อเดินเข้ามาหาเธอ เธอจะตอบรับเขาด้วยท่าทางและท่าทีแบบไหน

ควรจะพูดอะไรถึงจะทำให้เขารู้ว่าเธอยังไม่หายโกรธแต่ก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้นแล้วให้เขารู้ว่าหากเขาไปก็จะไม่กลับมาแล้ว

จะให้ยกโทษให้เลยทั้งหมดเลยคงไม่ได้ แบบนั้นจะทำให้เห็นว่าเธอง่ายเกินไป

ดังนั้นจะต้องสะบัดสะบิ้งอย่างมีชั้นเชิง มากไปก็ไม่ได้ แต่จะไม่มีเลยก็ไม่ได้

จิ่งเสี่ยวหย่ากำลังคิดอยู่เงียบ ๆ ก็เห็น มู่ยั่นเจ๋อและคน ๆ นั้นทักทายกันเสร็จแล้วก็หันมามองเธอ

จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งไปและรู้สึกเพียงนาทีนั้นหัวใจเธอเต้นเร็วจนแทบจะหยุดนิ่ง

เธอเม้มปากแล้วสูดลมหายใจเข้าจนตัวเกร็งแล้วเห็นเขาลังเลเล็กน้อยและในที่สุดก็เดินเข้ามาทางเธอ

จิ่งเสี่ยวหย่าตื่นเต้นจนน้ำตาไหล

เขาเดินเข้ามาหาเธอแล้วจริง ๆ!

ตาบ้านี่!

วันนั้นทำไมถึงได้พูดจาไม่น่าฟังแบบนั้นนะ?

ไม่รู้รึไงว่าต่อให้เป็นความโกรธแต่พูดมาก ๆ เข้าก็ทำให้จิตใจของคนอื่นเขาหนาวสั่นได้?

ทำไมถึงไม่อภัยให้เธอหน่อย และรักเอาใจเธอมาก ๆ หน่อยล่ะ?

เธออยู่กับเขามาห้าปีแล้วนะ!

จิ่งเสี่ยวหย่าตื่นเต้นจนอยากจะร้องไห้แต่เพราะอยู่ในงานจึงต้องกลั้นไว้

เธอคิดว่าขอเพียงตอนนี้ขอโทษเพียงแค่คำเดียวเธอจะยกโทษให้เขาเลย!

ต่อไปจะไม่ไปเปรียบเทียบอะไรและเผชิญหน้ากับใครอีก ขอเพียงเขารักเธอเพียงคนเดียว อยู่เคียงข้างเธอ เธอจะไม่ขออะไรอีกเลย

ของบางอย่างมีเพียงเวลาที่ต้องสูญเสียมันไปเท่านั้นจึงจะรู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset