บทที่ 236 จะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร
จิ่งหนิงกอดเขาแน่นขึ้น เธอวางศีรษะลงบนไหล่ของเขา
ราวกับรู้สึกถึงความโหยหาของหญิงสาวในอ้อมแขน ชายคนนั้นจึงโอบเอวเธอให้แน่นขึ้น และเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มทุ้ม “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่แล้ว”
“ค่ะ”
จิ่งหนิงพยักหน้า น้ำเสียงของเธอขึ้นจมูกเล็กน้อย “ฉันโอเค”
จะโอเคได้อย่างไร?
เลือดบนฝ่ามือของเธอยังคงไหลไม่หยุด มือของเธอไม่เหมือนลู่จิ่งเซิน เนื่องจากหลายปีมานี้ เขาได้จับอุปกรณ์กีฬามามากมาย มือของเขาจึงด้านชาไปแล้ว
เธอไม่เคยออกกำลังกายที่หนักหน่วงขนาดนี้มาก่อน และมือเล็กๆ ของเธอบอบบางมาก หลังจากจับเชือกและแกว่งไปมาบนหน้าผาแล้ว ยังต้องปีนหน้าผาขึ้นมาอีก ในเวลานี้เธอคงอ่อนเพลียอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะปวดจนชา เธอไม่มีทางมาถึงตรงนี้ได้
ลู่จิ่งเซินเข้าใจได้ดังนั้น เขาจึงรู้สึกเป็นทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น
มันเจ็บมากจนไม่กล้าแม่แต่จะตำหนิเธอที่เป็นคนสร้างเรื่องขึ้น
ในไม่ช้า ทั้งสองก็ขึ้นมาถึงพื้น
จิ่งหนิงไม่สามารถทนต่อไปได้ สติของเธอค่อยๆ หายไปทีละนิด ลู่จิ่งเซินปลดเชือกออกจากเอวของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “รถพยาบาลอยู่ที่ไหน?”
“ถึงแล้วครับ จอดอยู่ริมทาง หมอหลินก็อยู่ในรถด้วยครับ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายคนนั้นก็อุ้มเธอ และวิ่งไปยังถนนด้านนอก
…
จิ่งหนิงไม่รู้ว่าเธอหมดสติไปนานแค่ไหน
ฉันจำได้แค่ว่าตอนที่กำลังจะหมดสติ มีผู้ชายที่พูดสำเนียงอังกฤษรักษาบาดแผลให้เธอ เขาพูดภาษาจีนด้วยสำเนียงเปล่งๆ เพียงไม่กี่ประโยค
ร่างกายของเธอ ซบอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นมาโดยตลอด
สัมผัสและลมหายใจที่คุ้นเคย ทำให้จิตใจและร่างกายของเธอผ่อนคลายลง แต่ในตอนนี้ ความเจ็บปวดดูเหมือนจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าจะแทงทะลุเข้าไปในกระดูกของเธอ
“เจ็บ……”
เธอครางเสียงเบา
ลู่จิ่งเซินกอดเธอไว้ในอ้อมแขน มองไปยังหมอหลินที่อยู่ตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา
“เธอบอกว่าเจ็บ ไม่ได้ยินเหรอ?”
หมอหลินแบบมือออกมาอย่างหมดทางเลือก“ตอนนี้ผมไม่สามารถให้ยาแก้ปวดเธอได้ เธอถูกฉีดยาด้วยไซยาไนด์ การใช้ยาแก้ปวดตอนนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับเธอ แน่นอน ถ้าคุณยังยืนยัน ผมก็จะฉีดให้”
“ไม่ต้อง!”
ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นจึงตระกองกอดหญิงสาวให้แน่นขึ้น
“หนิงหนิง ทนอีกหน่อยนะ คนดี เดี๋ยวก็หายแล้ว”
ริมฝีปากของหญิงสาวในอ้อมแขนซีดเผือด แต่ดูเหมือนเธอจะรู้สึกได้ถึงเสียงของเธอ ริมฝีปากของเธอพึมพำอยู่สักพัก หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ลู่จิ่งเซินยื่นมือของเขาออกเพื่อเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากของเธอ เมื่อเห็นเธอตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอและตัวซีดเผือด มันทำให้เขารู้สึกปวดใจ
หวังว่าเขาจะรับความเจ็บปวดนี้แทนเธอได้
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงของโม่หนานดังขึ้นทันทีที่เขารับสาย“บอส ฉันตรวจสอบเรียบร้อยแล้วค่ะ เป็นฝีมือของจิ่งเสี่ยวหย่า!เธอรู้ข่าวการหลบหนีของนายหญิงแล้ว ตอนนี้กำลังค้นหาตัวนายหญิงอยู่”
ลู่จิ่งเซินเย้ยหยัน “ค้นหา?จิ่งเสี่ยวหย่าไปเอาความกล้ามาจากไหน?ถึงกล้าลักพาตัวคนของฉัน?”
อีกด้าน หัวใจของโม่หนานสั่นสะท้าน “ฉันรู้แล้วค่ะ ว่าต้องทำอย่างไร”
สายโทรศัพท์ถูกตัด หมอหลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ยินบทสนทนาทั้งหมด รู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ลู่ ใจเย็นๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูหมิ่นภรรยาของคุณ แต่ก็โชคดีที่คุณช่วยเธอกลับมาได้ คุณดูแลเธอให้ดีก็พอแล้ว อย่าลากคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
ลู่จิ่งเซินมองเขาอย่างเย็นชา “คนบริสุทธิ์ คุณรู้หรือเปล่าว่าคนที่ลักพาตัวเธอไป มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ?”
หมอหลินไม่รู้จักจิ่งหนิง จึงถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว “ความสัมพันธ์อะไร?”
“พี่สาว น้องสาว”
ทันใดนั้นดวงตาสีฟ้าของหมอหลินก็เบิกกว้าง อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“ตอนนี้คุณยังคิดว่าครอบครัวของเธอยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า”
หมอหลินเงียบไป
ถ้าคนสองคนเป็นพี่สาวน้องสาวกันจริงๆ ความสัมพันธ์ของทั้งสองย่ำแย่ระดับนี้ แต่พ่อแม่กลับไม่รู้เรื่องเลยหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
เขาถอนหายใจ ไม่พูดอะไรต่อ
หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนไม่รู้ว่าเธอผล็อยหลับไปตอนไหน ลู่จิ่งเซินมองลงมาที่เธอ ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยนและเจ็บปวดในคราวเดียวกัน
หมอหลินเห็นดังนั้น ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ
“ลู่ เธอเป็นเด็กหญิงที่คุณเจอที่แคลิฟอร์เนียเมื่อห้าปีก่อนเหรอ?”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
“เธอดูเด็กมาก เธอบรรลุนิติภาวะแล้วหรือยัง?พวกคุณคงไม่ได้เล่นเกมรักลุงหลานกันหรอกใช่ไหม!”
ทันทีที่เขาพูดเรื่องนี้ สีหน้าของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที
เขานิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ“ลุงหลานอะไรกัน?ผมดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือ?”
“นี่ไม่เรียกว่าแกอีกหรือ?คุณก็อายุเกือบ 30 แล้ว เธอดูเหมือนอายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ”
ลู่จิ่งเซิน:“…”
เหนื่อยการที่จะต่ออธิบายให้คนตรงหน้าฟัง
ไม่นาน ก็ถึงโรงพยาบาล
แม้ว่าจะอยู่ในรถ หมอหลินได้พันแผลและทำการตรวจขั้นพื้นฐานให้กับเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่วางใจ
เขากลัวว่าจะมีบาดแผลซ่อนอยู่บนร่างกายของเธอ จึงเลือกที่จะไปโรงพยาบาล ให้แพทย์หญิงทำการตรวจร่างกายเธออย่างละเอียด เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาถึงจะวางใจได้
……
จิ่งหนิงตื่นขึ้นมาตอนสี่โมง
เมื่อเธอตื่นขึ้น แสงแดดด้านนอกกำลังพอดี มีแสงลอดผ่านเข้ามาจากขอบหน้าต่าง แต่เนื่องจากในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ อุณหภูมิในห้องจึงไม่ร้อนมาก ค่อนข้างเย็นเสียด้วยซ้ำ
เธอกะพริบตาถี่ ใช้เวลาสองสามวินาที เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นจึงค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง
ไม่ทันได้คาดคิด ทันทีที่มือของเธอกดลงไปบนเตียง ความเจ็บปวดก็พุ่งเข้าโจมตีเธออย่างรุนแรง
เธอเพิ่งจะนึกได้ว่าฝ่ามือของเธอได้รับบาดเจ็บ เธอยกมือของตัวเองขึ้นมาดู พบว่าฝ่ามือทั้งสองถูกพันด้วยผ้าก๊อซอย่างแน่นหนา เหมือนกับอุ้งเท้าหมี
ใบหน้าเล็กหม่นลงเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ประตูก็ถูกผลักมาจากด้านนอก
ชายร่างสูงปรากฏขึ้นที่ประตู เมื่อเห็นเธอลุกขึ้นนั่ง เขาก็แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที
“ใครอนุญาตให้คุณขยับตัว”
น้ำเสียงของเขาน่ากลัวมาก เขาเดินเข้าไปหาเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา
จิ่งหนิงตะลึงไปชั่วขณะ รู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจขยับ ฉันก็แค่อยากจะลุกขึ้นนั่ง นอนนานเกินไปรู้สึกปวดหลังนิดหน่อยค่ะ”
เธอรีบอธิบาย เมื่อชายคนนั้นได้ยินเธอพูด นัยน์ตาเขาก็อ่อนโยนขึ้น
แต่สีหน้าของเขายังดูไม่ดีสักเท่าไหร่
เขามองไปที่อุ้งเท้าหมีทั้งสองข้างของเธอ และพูดอย่างเย็นชา:“อยากลุกทำไมไม่กดกริ่งเรียกคนมาช่วย?ทำไมชอบทำตัวเก่งอยู่เรื่อย?”
จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไรต่อ
เธอมองเขาด้วยดวงตากลมโตสีดำอย่างรู้สึกผิด
ลู่จิ่งเซินเรียกหมอให้มาตรวจอาการเธอ
การตรวจร่างกายเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว สภาพร่างกายของเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ยาที่ฉีดเข้าไปก็ถูกกำจัดออกไปแล้วเช่นกัน แต่อาการบาดเจ็บที่มือของเธอยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว
ชายคนนี้ดูโล่งใจลงไปเปลาะหนึ่ง หลังจากรอแพทย์ออกไป เขาก็นั่งลงที่หน้าเตียงของผู้ป่วย
จับมือที่ถูกพันจนเป็นอุ้งเท้าหมีของเธอขึ้น แล้วถามว่า “ตอนนี้ยังเจ็บอยู่ไหม?”
เธอรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย
ลู่จิ่งเซินเลิกคิ้ว สังเกตเห็นอารมณ์ของเธอ รอยยิ้มซุกซนฉายผ่านดวงตาของเขา
อย่างไรก็ตาม เขายังคงแสร้งทำหน้าตึง เขากล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม:“สำนึกผิดหรือยัง?”
จิ่งหนิงไม่ได้พูดอะไร
แต่การแสดงออกบนใบหน้าเล็ก กลับแสดงถึงความรู้สึกผิดของเธอได้อย่างชัดเจน
“คุณสำนึกผิด คุณเคยคิดถึงผมไหม?เป็นแค่ผู้ตัวคนเดียวหญิงที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง แต่กลับคิดจะงัดข้อกับเธอ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร?”