บทที่ 237 เธอจะวางกับดัก
จิ่งหนิงผงะ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา
เธอมองเห็นดวงตาที่ลึกล้ำของเขา สีหน้าของเขาจริงจัง ขอบตามีรอยคล้ำจางๆ เห็นได้ชัดว่า เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ วันนี้ก็กังวลเกี่ยวกับเธอทั้งวัน ดังนั้นสภาพของเขาตอนนี้จึงดูอ่อนเพลียเล็กน้อย
ทันใดนั้น หัวใจของเธอก็อ่อนยวบลง เกิดความรู้สึกผิดเพียงเล็กน้อย
เธอรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว:“ฉันขอโทษค่ะ ครั้งนี้ฉันคิดน้อยไปหน่อย!ฉันผิดไปแล้ว!ครั้งต่อไปฉันจะไม่ประมาทแบบนี้อีก!”
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น “ยังจะมีครั้งต่อไปอีก?”
จิ่งหนิง:“… ”
เธอยื่นมือออกไปหวังจะดึงแขนเสื้อของลู่จิ่งเซิน แต่มือของเธอถูกพันจนเป็นอุ้งเท้าหมี ดึงแขนเสื้อเขาไม่ได้ เธอจึงทำได้แค่ลูบแขนเขาเบาๆ
“จะไม่มีครั้งต่อไปค่ะ อย่าโกรธกันนะคะ”
“คุณสัญญา?”
“ฉันสัญญาค่ะ!”
“แล้วถ้า?”
จิ่งหนิงครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง:“ถ้ามีครั้งต่อไป ไม่ว่าคุณจะลงโทษฉันอย่างไร ฉันจะไม่บ่นสักคำเดียว”
สีหน้าของลู่จิ่งเซินอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย เขาเอื้อมมือออกไปแตะจมูกน้อยๆ ของเธอ
“ถ้ามีครั้งต่อไป ผมใช้โซ่เหล็กล่ามคุณไว้กับผม ไม่ให้คุณออกห่างจากตัวผมเด็ดขาด!”
จิ่งหนิงรับพยักหน้ารับ “ได้ค่ะ เอาตามที่คุณว่าเลยค่ะ”
ในใจของเธอรู้อยู่แล้วว่า เขาห่วงใยเธอมากแค่ไหน เขากลัวเธอจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเธอจึงเต็มใจที่จะตอบรับข้อเรียกร้องของเขาแต่โดยดี
หากความรักเป็นกุญแจมือ งั้นก็ปล่อยให้เธอถูกล่ามเสีย!
เธอเต็มใจที่จะถูกล่าม และไม่คิดจะหนี
ท่าทางเชื่อฟังของเธอทำให้ลู่จิ่งเซินพึงพอใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดหางตาของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาเอ่ยถามเธอว่า“หิวหรือยัง?”
ตอนที่เขาไม่ได้ถาม เธอก็ไม่รู้สึกหิวอะไร แต่พอเขาถาม เธอเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย
จากเมื่อวานเย็นจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย
เธอพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
ลู่จิ่งเซินเดินออกไปสั่งอาหาร ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีคนนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
เธอไม่สามารถถือช้อนไว้ในมือได้ ดังนั้นเธอจึงต้องให้เขาป้อนอาหารให้เธอ
เนื่องจากร่างกายของเธอยังอ่อนแอมาก อาหารที่ลู่จิ่งเซินให้คนซื้อมาจึงมีเพียงอาหารเหลว โจ๊ก และซุปไก่
เขาป้อนอาหารให้เธออย่างอดทน เขาเป่าไล่ความร้อนจากอาหาร จากนั้นจึงป้อนให้เธอทีละคำ
จิ่งหนิงเอนพิงหัวเตียงด้วยความรู้สึกอายเล็กน้อยในตอนแรก แต่มือทั้งสองข้างของเธอใช้การไม่ได้ เธอจึงทำได้เก็บเพียงซ่อนความลำบากใจเอาไว้ และทานอาหารอย่างว่าง่าย
เห็นริมฝีปากนุ่มกลืนโจ๊กจากช้อนที่เข้าป้อนให้ นัยน์ตาของเขาก็ลึกขึ้นเล็กน้อย
“รสชาติเป็นอย่างไร?คุ้นๆ มั้ย?”
จิ่งหนิงพยักหน้า “อร่อยค่ะ ซื้อจากปาเป่าโหลวหรือคะ?”
“ใช่แล้ว”
เขารู้ว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นเธอจะต้องรู้สึกหิว ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนของเขาไปซื้ออาหารจากปาเป่าโหลวมาเตรียมไว้ และให้คนข้างนอกอุ่นอาหารรอ เมื่อเธอตื่นขึ้น ก็นำเข้ามาได้ทันที
ดวงตาของจิ่งหนิงเป็นประกายเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะเธอมีความสุขที่รอดตายมาได้ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกพอใจที่อาหารอร่อย
ทันใดนั้นเธอก็โน้มตัวไปด้านหน้า จูบเขาที่แก้ม และพูดอย่างไพเราะว่า “ลู่จิ่งเซิน คุณดีที่สุดเลยค่ะ”
นัยน์ตาของเขาล้ำลึก เขาหายใจหนักขึ้นเล็กน้อย
“เพิ่งรู้ตอนนี้หรือ?”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันรู้นานแล้ว”
แววตาเจ้าเล่ห์ประกายชัดในดวงตาสดใสของเธอ ชายคนนั้นก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็จับท้ายทอยของเธอ กดริมฝีปากบางของเขาลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มนั้น
ริมฝีปากของเขายังคงเย็นเล็กน้อย บวกกับลมหายใจเฉพาะของเขา จิ่งหนิงจึงไม่ได้ขัดขืน และปล่อยให้เขาจูบอย่างเงียบๆ
ตอนแรกลู่จิ่งเซินเพียงแค่อยากจะจูบเธอเบาๆ แต่รสชาติของหญิงสาวช่างหวานล้ำ เขาจึงจูบเธอต่อไปโดยไม่มีท่าทีที่จะหยุด
จนกระทั่ง มีเสียกระแอมไอขึ้นเบาๆ จากตรงประตู
จิ่งหนิงรีบหันกลับไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาสวยเบิกกว้างในทันที ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรีบผลักลู่จิ่งเซินออกห่าง
การผลักในครั้งนี้ เธอลืมตัวว่าฝ่ามือของตัวเองบาดเจ็บอยู่ ทำให้บาดแผลกระทบกับเขาเต็มๆ เจ็บจนเธอต้องร้องครางออกมาเบาๆ
ดวงตาของลู่จิ่งเซินฉายแววอ่านยาก
สายตาอันเยือกเย็นของเขากวาดไปที่ประตู
ซูมู่ยืนอยู่ตรงประตูด้วยความรู้สึกผิด
เขาไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย! ใครจะรู้ว่าทั้งสองคนจะจูบกันด้านในแล้วไม่ปิดประตู? อีกอย่าง ท่านประธานก็ย้ำชัดแล้วว่า ถ้ามีข่าวอะไรก็ให้รีบเข้ามารายงานเขาทันทีไม่ใช่หรือ?
แต่ทว่า เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา
ทำได้เพียงแต่พูดอย่างสำนึกผิด: “ท่านประธานครับ ผมพบรถที่พวกเขาใช้ลักพาตัวนายหญิงแล้วครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ่งหนิงผงะเล็กน้อย
เธอได้ยินลู่จิ่งเซินพูดต่อว่า: “มัวรีรออะไร?รีบส่งเรื่องให้ตำรวจจัดการเสีย”
ซูมู่ตอบรับ และกำลังจะหมุนตัวออกไป แต่กลับถูกจิ่งหนิงเรียกเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน!”
เธอพยุงตัวลุกขึ้น และเอ่ยขึ้นว่า: “อย่าเพิ่งแจ้งความ รอให้เรื่องนี้เงียบลงอีกสักนิด”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปยังเธอ “คุณมีความคิดอื่น?”
“ค่ะ” จิ่งหนิงพยักหน้ารับ “เพราะไม่ว่าอย่างไร พวกคุณก็ไม่ได้เป็นพยานรู้เห็นว่าจิ่งเสี่ยวหย่าลักพาตัวฉัน ถ้าเธอให้การปฏิเสธ แม้ว่าเราจะแจ้งความไปแล้ว ตราบใดที่เรายังไม่มีหลักฐาน มันก็เป็นไปได้ที่เธอจะรอดจากข้อกล่าวหานี้ สุดท้ายเธอก็คงโยนความผิดให้กับคนอื่นมารับข้อกล่าวหานี้ไป”
ลู่จิ่งเซินเยาะหยันอย่างเฉยเมย “ถ้าผมอยากเอาผิดจิ่งเสี่ยวหย่าจริง หล่อนไม่มีทางหนีรอดหรอก!”
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากแน่น
“แต่ถ้าคุณใช้อำนาจกดดันจิ่งเสี่ยวหย่า สุดท้ายแล้วจะมีคนเกิดความไม่พอใจ เรื่องก็จะวุ่นวายมากยิ่งขึ้น และอาจถูกเชื่อมโยงเข้ากับตระกูลลู่ คุณอย่าลืมนะคะว่า บางครั้งความคิดเห็นของสาธารณชนก็เป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านอำนาจ”
ลู่จิ่งเซินเงียบไป
จริงอยู่ที่สถานะของตระกูลลู่สามารถเรียกได้ว่าปราศจากศัตรู
แต่นั่นก็มีข้อจำกัดที่มองไม่เห็นอยู่ นั่นคือพลังของมหาชน
ไม่มีใครอยากให้ครอบครัวของตัวเองถูกว่าร้าย
จิ่งหนิงยิ้มขึ้น“ ดังนั้น ฉันมีวิธีที่ดีกว่านี้”
“วิธีอะไร?”
เธอยิ้มเล็กน้อย
“ฉันจะให้เธอสารภาพเรื่องชั่วร้ายที่เธอเคยทำกับฉัน จากปากของเธอเอง!”
…
บ่ายวันนั้น มีคนจำนวนมากทราบข่าวเรื่องการถูกลักพาตัวของจิ่งหนิง ซึ่งตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ ข่าวนี้ถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความโกลาหลในทันที
ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวโคมลอย บล็อกข่าวออนไลน์อย่าง ทางซิงฮุยก็ออกมาแถลงการณ์ เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
แต่ในขณะเดียวกันก็หวังว่าชาวเน็ตจะไม่คาดเดาหรือกระจายข่าวที่เป็นเท็จออกไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินคดีของตำรวจ
บล็อกของทางการตำรวจเมืองจิ้นได้รีบรีโพสข่าวนี้ทันที พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชนที่รู้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถติดต่อเข้ามารายงานได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน ตราบเท่าที่ข่าวเป็นความจริง จะตกรางวัลให้อย่างงาม
เพียงไม่นานข่าวนี้ก็กลายเป็นที่ฮือฮาบนโลกอินเทอร์เน็ต คำค้นหา#จิ่งหนิงถูกลักพาตัวไป#จึงกลายเป็นคำค้นหายอดนิยมอย่างรวดเร็ว และถูกนำไปพาดบนหัวข่าวหน้าแรก
หลังจากหลินซูฝาน หัวเหยาและคนอื่นๆ ทราบข่าว พวกเขาก็กังวลมากเช่นกัน
หัวเหยารีบติดต่อหาลู่จิ่งเซินโดยตรง ไม่รู้ว่าเธอได้หมายเลขโทรศัพท์ของเขาจากที่ไหน หลังจากที่ลู่จิ่งเซินรับสาย เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่บอกว่าหนิงหนิงสบายดี และวางสายไป
ในตอนแรกหัวเหยารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้
ฉันจะต้องไปหาจิ่งหนิง! เธออาจจะเล่นละครตบตาอยู่ก็ได้!
จะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอปลอดภัย หัวเหยาถึงจะวางใจ ถ้าเป็นการแสดงละครจริง เธอก็ขอเป็นผู้ชมแถวหน้า เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็ใจเย็นลง
ลู่จิ่งเซินติดต่อกับตำรวจทางฝั่งนั้น เนื่องจากตอนที่เขาตามหาตัวจิ่งหนิง ตำรวจก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย มาถึงจุดนี้คงจะปิดบังตำรวจไม่ได้
ดังนั้น จึงเหลือเพียงแค่คิดหาวิธีหลอกล่อเหยื่อออกมา และปล่อยให้ฆาตกรตกหลุมพราง