บทที่ 239 เห็นเงินแล้วตาโต
ลู่จิ่งเซินพิจารณาเรื่องนี้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า:“เธอกล้าที่จะออกมาเปิดเผยตัว เธอคงเข้าใจผลของมัน แต่ก่อนเธอเคยทำเรื่องไม่ดีไว้กับคุณตั้งมากมาย ตอนนี้เธอก็ยินดีที่จะชดเชยให้ ก็ถือว่าสาสมกันแล้ว”
แม้ว่าจิ่งหนิงจะทนไม่ได้ แต่เธอก็รู้ว่าลู่จิ่งเซินพูดถูก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร
วิดีโอของเสี่ยวขุยถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จิ่งเสี่ยวหย่าก็เห็นวิดีโอนี้เช่นกัน เธอทั้งตกใจและโมโหในคราวเดียวกัน!
เธอไม่เคยคิดเลยว่า ตอนที่เสี่ยวขุยหายไปในช่วงแรก จะเป็นฝีมือของจิ่งหนิง
ในช่วงที่จิ่งหนิงถูกโจมตีโดยโลกโซเชียลมีเดีย เธอไม่ได้แสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ ตอนนั้นจิ่งเสี่ยวหย่ายังคิดว่าเป็นการดี บางทีการหายตัวไปของเสี่ยวขุยคงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ
ตอนนี้ดูเหมือนว่า จิ่งหนิงกำลังเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ อย่างที่คนที่เรียกกันว่าตีงูต้องตีให้ถูกจุด จิ่งหนิงต้องการที่จะเล่นงานเธอถึงตาย
จิ่งเสี่ยวหย่าลุกลี้ลุกลน คลิปเสียงครั้งก่อน ก็ส่งผลกระทบต่อเธอมากพอแล้ว
และยิ่งตอนนี้อดีตผู้ช่วยของเธอได้ออกมาให้การยืนยัน คนตาบอดยังสามารถเดาออกเลยว่า คนส่วนใหญ่จะเชื่อใคร?
นางบ้า!แกมันสมควรตาย!
จิ่งเสี่ยวหย่าเดินวนไปวนมาในบ้านอย่างกระสับกระส่าย เธอรีบโทรเรียกถงซู เพื่อวางแผนรับมือ
ถงซูเองก็หมดหนทางเช่นกัน เธอเคยเห็นศิลปินที่สร้างปัญหา แต่เธอก็ไม่เคยเห็นศิลปินคนไหนที่สร้างปัญหาได้ขนาดนี้
ไม่เพียงแต่จะสร้างเรื่องแล้ว แต่ครั้งนี้ยังทำลายชื่อเสียงของตัวเองเสียย่อยยับ
ไม่อยากเชื่อว่าจิ่งเสี่ยวหย่า จะเอาเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี หรือเรียกได้ว่าเธอหมดคำพูดเสียมากกว่า
เมื่อเห็นจิ่งเสี่ยวหย่ากระวนกระวายราวกับมดบนกระทะร้อน เธอคิดอยู่พักหนึ่ง และพูดขึ้นว่า:“เธอหนีเรื่องนี้ไม่พ้นหรอก จิ่งหนิงยังเก็บเสี่ยวขุยไว้ แสดงว่าเธอยังเก็บหลักฐานอะไรบางอย่างไว้อยู่
ยิ่งเราปฏิเสธมากเท่าไหร่ หากจิ่งหนิงงัดหลักฐานออกมาแสดงในภายหลัง มันก็จะยิ่งยากที่จะอธิบาย ดังนั้นการยอมรับผิดคือทางออกที่ดีที่สุด
อย่างน้อยเธอก็ยังมีฐานแฟนคลับอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาคงพูดกันว่า มันเป็นความขัดแย้งเล็กน้อยเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องในครอบครัว เธอก็ไม่ยอมปล่อยวาง จึงทำเรื่องแบบนี้ลงไป
จากนั้นขอโทษจิ่งหนิงต่อหน้าสื่อทั้งหมด แม้ว่านี่จะไม่สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ แต่อย่างน้อยก็ประคองไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่านี้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้”
ดวงตาของจิ่งเสี่ยวหย่าเบิกกว้าง เธอมองไปยังถงซูอย่างเหลือเชื่อ
“ถงซู ฉันเรียกพี่มาที่นี่ เพราะอยากให้พี่คิดหาทางรอดให้ฉัน ไม่ใช่แนะนำให้ฉันไปขอโทษจิ่งหนิง!
ถ้าฉันขอโทษได้ ฉันจะโทรหาพี่ทำไม?ฉันแค่ออกไปอธิบายกับสื่อให้ชัดเจนก็จบแล้วไม่ใช่หรือ? ”
ถงซูขมวดคิ้วมุ่น
“งั้นเธอคิดจะทำอย่างไร?”
“แน่นอนว่าฉันกำลังมองหาใครสักคนที่จะกลบข่าวนี้ และลบวิดีโอกับคลิปเสียงพวกนั้นออกไปให้หมด!ลบทิ้งทั้งหมด!”
ตงซูมองจิ่งเสี่ยวหย่าที่อยู่ในความบ้าคลั่ง เธอถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“วิดีโอและคลิปเสียงถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องจะกลบข่าวนี้ได้หรือเปล่า ขนาดเอาทองมากองอยู่ตรงหน้ายังไม่มีใครคิดจะสนใจเลย
คนที่ควรรู้ คงรู้มานานแล้ว ตอนนี้ชาวเน็ตไม่ได้โง่ ถ้าประเด็นร้อนแบบนี้เงียบหายไปในกลีบเมฆ เป็นใครก็ดูออกว่าเธอใช้เงินปิดข่าว
เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนก็จะคิดว่าเธอทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด และทำกับพวกเขาราวกับเป็นคนโง่ จากนั้นความประทับใจในตัวเธอก็จะลดลง เธออยากให้ผลมันเป็นแบบนี้จริงหรือ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ามองดูถงซูที่พยายามอธิบายอย่างใจเย็น เธอตระหนักว่าทางออกสุดท้ายของเธอได้ถูกพรากไปเสียแล้ว ความมั่นใจของเธอก็เหือดหาย
“พี่ถง ฉันไม่สามารถออกมาขอโทษได้ ถ้าฉันออกมาขอโทษตอนนี้ การกลับมาครั้งใหม่ของฉันที่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม ก็ต้องดิ่งลงเหวอีกแล้ว
คุณย่าคงไม่อยากให้เป็นแบบนี้ พ่อกับแม่ และพี่อาเจ๋อก็เหมือนกัน บันเทิงเฟิงหัวทุ่มทุนกับฉันมาขนาดนี้ ถ้าทุกอย่างสูญเปล่า เขาไม่มีทางปล่อยฉันไว้แน่!”
ถงซูมองไปที่เธอ และนิ่วหน้า
“แต่……”
“ไปหาจิ่งหนิง!”
ทันใดนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าก็นึกอะไรบางอย่างได้ ม่านตาของเธอเบิกกว้าง เธอก็จับมือของถงซู และรีบพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย:“ไปหาเธอ และถามเธอว่าเธอต้องการอะไร แค่เธอเอ่ยปาก ฉันจะให้เธอทุกอย่าง ขอแค่เธอออกมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกก็พอแล้ว ฉันจะไปหาเธอ!”
ถงซูรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
“มันจะได้ผลหรือ?เพราะว่าครั้งนี้… ”
“ได้ผลแน่นอน!” จิ่งเสี่ยวหย่าหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา “พี่ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นคนที่รักเงินยิ่งกว่าอะไรดี เมื่อก่อนเธอยอมทนเรื่องฉันและพี่อาเจ๋อก็เพราะเงิน ต่อมาเธอยอมตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ก็เพื่อหุ้นของบริษัท
ดังนั้น ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน ตราบใดที่เงินมากพอ เธอจะต้องทำตามที่ฉันขออย่างแน่นอน!”
ถงซูตามไม่ทัน
“แต่ได้ข่าวว่าเธอถูกลักพาตัวไปไม่ใช่หรือ?ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ แล้วเธอจะไปหาเธอที่ไหน?”
“บ้าบอ! เธอถูกช่วยเหลือกลับไปตั้งนานแล้ว!”
เมื่อพูดออกไป จิ่งเสี่ยวก็หย่าตระหนักได้ว่าเธอได้พลั้งปากไปเสียแล้ว สีหน้าของเธอซีดลง เธอก็หุบปากของเธออย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ถงซูได้ยินทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย และมองไปที่เธออย่างเหลือเชื่อ
“เสี่ยวหย่า เธอหมายความว่าอะไร?เธอรู้ได้อย่างไรว่าจิ่งหนิงได้รับการช่วยเหลือแล้ว?อย่าบอกนะว่าการลักพาตัวในครั้งนี้… “
“ฉันไม่ได้ทำ!ไม่ใช่ฉัน!อย่าพูดอะไรบ้าๆ!”
จิ่งเสี่ยวหย่ารีบปฏิเสธ แต่ดวงตาที่สั่นเครือของเธอ ได้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกผิดของเธอออกมาหมดแล้ว
ถงซูอยากจะบ้าตาย
“เสี่ยวหย่า เธอบ้าไปแล้วเหรอ?เธอทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?เธอรู้หรือเปล่าว่า ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว มันไม่เพียงแต่จะทำลายชื่อเสียงของตัวเธอเอง แต่นี่มันผิดกฎหมาย บางทีเธออาจจะติดคุก เธอเข้าใจไหมว่านี่หมายถึงอะไร? ”
จิ่งเสี่ยวหย่าครางออกมาเบาๆ เธอมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อน
“ฉันก็ไม่ได้ฆ่าเธอเสียหน่อยใช่ไหม?อย่างที่เขาบอกว่าคนชั่วมักตายยาก และเธอคงมีชีวิตอีกนาน อีกอย่างตอนนี้เธอก็หนีไปได้ด้วยตัวของเธอเอง แม้ว่าเธอจะแจ้งความจับฉัน แต่เธอมีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดฉัน?”
เมื่อถงซูได้ยินเธอพูดเช่นนี้ บางอย่างก็แวบขึ้นมาในความคิดของเธอ เธอรีบถามขึ้นว่า:“แล้วเธอเก็บกวาดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้า
“พี่ไม่ต้องห่วง!ฉันยังไม่โง่ขนาดนั้นหรอกนะ ฉันรู้ว่าเธอจะเอาผิดฉันได้ถ้าเธอหนีรอดออกไป ดังนั้นฉันจึงเก็บกวาดร่องรอยทุกอย่างไม่ให้เหลือ ถ้าเธอกลับมา ก็ไม่มีหลักฐานมัดตัวฉันได้ว่าฉันลักพาตัวเธอ”
เมื่อถงซูได้ยินดังนั้น ก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย แต่เธอยังรู้สึกว่าครั้งนี้จิ่งเสี่ยวหย่าทำอะไรเกินขอบเขตไปหน่อย
“เรื่องนี้ เธอพูดคุยกับคุณชายมู่ดีกว่า แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอได้เก็บกวาดร่องรอยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหลัง ติดต่อเขาไปก่อน เผื่อในกรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ จะได้รับมือทัน”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าก็แข็งกร้าวขึ้น สีหน้าของเธอดูแปลกไป
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง!ไม่ต้องบอกเขา”
“จริงเหรอ?แน่ใจนะ?”
“ฉันแน่ใจ” จิ่งเสี่ยวหย่ากระสับกระส่าย “พอแล้ว วันนี้ฉันโทรเรียกพี่มา ไม่ได้เพื่อมาคุยกันเรื่องนี้ พี่รีบช่วยฉันคิดหาวิธี ที่จะช่วยกลบข่าวนี้หน่อย”