บทที่ 241 เผยพิรุธ
คิดไม่ถึงว่าจะรับสายเสี่ยวเหอ
เมื่อนึกถึงเธอหายตัวไปนานเป็นเวลานาน ก็คิดว่าเสี่ยวเหอพวกเธอคงรีบร้อนใจมากแน่ ด้วยเหตุนี้จึงให้ลู่จิ่งเซินรับสาย และพูดคุยกับเธอสักหน่อย
เสี่ยวเหอกับเธอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันหลายปี เธอรู้จักนิสัยมีเมตตาของเสี่ยวเหอเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เธอเลยเชื่อใจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสี่ยวเหอก็ไม่ได้ทำลายความเชื่อใจจากเธอเลย
ถึงแม้รู้ข่าวว่าเธอกลับมาแล้ว แต่ก็เก็บไว้ภายในใจเงียบๆ ไม่ได้เผยให้ใครล่วงรู้
ต่อให้ถงซูรออยู่ข้างนอก เธอก็จะหาข้ออ้างไล่คนจากไป
ในตอนนั้นถงซูได้ออกจากเมืองซิงฮุย เมื่อกลับมาเจอกับจิ่งเสี่ยวหย่าก็เล่าผลลัพธ์และเรื่องราวระหว่างไปตามหาจิ่งหนิงที่ซิงฮุย
เมื่อรู่ว่าถงซูพูดเกลี้ยกล่อมเธอไม่สำเร็จ และรู้ว่าเขาแทบไม่ได้เจอจิ่งหนิง จิ่งเสี่ยวหย่าก็ถึงกับกระวนกระวายไม่เป็นสุขทันที
“เป็นไปได้ยังไง? ทั้งที่เธอหนีไปแล้ว แล้วจะกลับมาได้ยังไงกัน?”
ถงซูเองรู้สึกคิดไม่ออกเหมือนกัน
เธอขมวดคิ้วและพูดว่า : “หรือว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นหรอ? หรือว่าระหว่างทางถูกใครบางคนพาไป ดังนั้นเลยไม่กลับมา?”
“เป็นไปไม่ได้!”
จิ่งเสี่ยวหย่าเองก็คิดไม่ออก เลยพูดปฏิเสธขึ้น
ในตอนนั้นถึงแม้เธอไม่ได้เห็นจิ่งหนิงหนีไปกับตาตัวเอง แต่ผู้ชายรูปร่างกำยำที่ถูกทำร้ายจนสลบเป็นเรื่องจริง
แถมยังสืบได้ว่าลู่จิ่งเซินไม่ได้พาลูกน้องออกไปบริเวณใกล้ๆด้วย ด้วยเหตุนี้จิ่งหนิงไม่มีทางที่จะไม่ถูกลู่จิ่งเซินพาหนีไป
ดังนั้นตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
จิ่งเสี่ยวหย่ารู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว
เธอไม่เข้าใจ หากพูดตามหลักการ ในเมื่อคนกลับมาแล้ว แถมรู้ว่าเธอลงมือทำเรื่องโหดร้ายกับตัวเอง จิ่งหนิงก็ควรออกมาเอาเรื่องเธอถึงจะถูกต้อง
ทำไมต้องหลบซ่อนด้วย และแสร้งทำเป็นไม่กลับมาด้วยล่ะ?
จิ่งเสี่ยวหย่ากับถงซูทั้งสองคนครุ่นคิดทั้งคืน แต่ก็คิดไม่ออกสักที
กระทั่งวันที่สาม จู่ๆบนอินเทอร์เน็ตมีคนออกมาแฉว่า การหายตัวไปของจิ่งหนิงมีความเกี่ยวข้องกับจิ่งเสี่ยวหย่า
เพราะหลังจากผ่านการตรวจสอบกล้องวงจรปิดริมถนน พบว่าก่อนที่จิ่งหนิงจะหายตัวไป คนที่ขับรถแท็กซี่คันนั้นคนสุดท้าย เจ้าของรถแซ่ลิ่ว ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เคยเป็นคนขับรถส่วนตัวของจิ่งเสี่ยวหย่ามาก่อน
บนโลกใบนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้? หลังจากจิ่งหนิงขึ้นบนรถนี้ก็หายตัวไปเลย ซึ่งเจ้าของรถยนต์เป็นคนขับรถของจิ่งเสี่ยวหย่า
ด้วยเหตุนี้ หากต้องการให้ทุกคนเชื่อว่าจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นคนบริสุทธิ์ ถือเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
ไม่นานบนอินเทอร์เน็ตก็เกิดการคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดขึ้น
ล้วนมีทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ และมีการคาดเดาที่มีหลักการด้วย มีการเรียบเรียงไทม์ไลน์การเกิดความขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองคน ไม่นานก็ได้ผลสรุปออกมา
ทุกคนเพิ่งรู้ว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนซับซ้อนและวุ่นวายมาก
เดียวจิ่งหนิงก็กล่าวหาว่ามีคนทำร้ายเธอ เดียวจิ่งเสี่ยวหย่าก็กล่าวหาว่าจิ่งหนิงแย่งสามีของเธอ
แต่เพราะวิดีโอแก้ข่าวลือของเสี่ยวขุย ข่าวลือที่เล่นงานจิ่งหนิงบนอินเทอร์เน็ตล้วนถูกขจัดทิ้งหมดเลย
ในทางกลับกัน ถึงแม้จิ่งเสี่ยวหย่าจะให้ทางบริษัทออกแถลงการณ์ว่าตัวเองถูกใส่ร้ายป้ายสี และขอการพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเอาหลักฐานที่มีน้ำหนักอะไรมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้เลย ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้น
อีกอย่างข่าวลือครั้งก่อน ทุกคนต่างหมดคำพูดกับเธอแล้ว
แต่มีแฟนคลับที่มีเกลียดขี้หน้าบางคนเริ่มประณามเธอ
ต้องการให้เธอปล่อยตัวจิ่งหนิง แถมยังแจ้งกับทางการตำรวจให้พวกเขาจับกุมเธอ
เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าเห็นคำวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตก็ถึงกับสะดุ้งตกใจทันที
ไม่เพียงแค่เธอ ถงซูเองก็ตกใจเหมือนกัน
“เสี่ยวหย่า ไม่ใช่ว่าเธอเคยบอกว่าได้กำจัดร่องรอยหมดแล้วหรอกหรอ? ทำไมถึงยังมีวิดีโอจากกล้องวงจรปิดนั้นอีกล่ะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าตกใจจนพูดไม่ออก
“แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง? ฉันส่งคนไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยหมดแล้ว ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไปขุดคุ้ยวิดีโอนี้มาจากไหน?”
เมื่อถงซูเห็นข่าวก็โมโหเดือดดาล เธอนิ่งเงียบพยายามฝืนให้ตัวเองสงบสติลง จากนั้นก็พูดว่า : “โอเค โชคดีที่พบแค่ว่าเธอกับคนขับรถคนนั้นมีความสัมพันธ์กัน แต่พบหลักฐานอย่างอื่น
ขอเพียงพวกเราสามารถยืนยันได้ว่าหลังจากที่คนขับรถคนนั้นลาออก เธอไม่ได้ติดต่อกับเขาอีก เขาก็จะได้รับความผิดทุกอย่าง ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ พวกเขาไม่มีหลักฐานอื่น ต่อให้สงสัยก็ไม่สามารถพูดอะไรได้หรอก”
จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้าเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมาเธอก็ตกใจช็อก
และพูดขึ้นมาว่า : “ไม่สิ! ในเมื่อพวกเขาขุดคุ้ยวิดีโอนี้เจอก็แสดงว่าคนขับรถแซ่หลิวคนนั้นคงถูกจับตัวแล้วล่ะ ถ้าหากเขาโยนความผิดใส่ฉันจะทำยังไงดี?”
ถงซูจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “เธออย่าบอกฉันนะว่า เธอเป็นคนติดต่อเขาด้วยตัวเอง?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากุมหัวด้วยท่าทางรำคาญใจ “ฉันมีทางเลือกอะไรอีกล่ะ? หลังจากที่เสี่ยวขุยถูกนังสารเลวจิ่งหนิงซื้อไป ฉันก็ไม่มีคนเชื่อใจคนอื่นช่วยทำเรื่องแล้ว หากฉันไม่ออกตัวด้วยตัวเอง แล้วจะให้ฉันหาใครก็ได้สักคนไปทำแทนหรอ? แบบนั้นไม่ยิ่งอันตรายกว่าอีกหรอ?”
ถงซูเองก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดคือความจริง
แต่ในใจยังคงโกรธเคือง
เมื่อมองดูท่าทางจนปัญญาของจิ่งเสี่ยวหย่า เธอก็พูดอะไรทิ่มแทงใจแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงทำให้เธอยิ่งกระวนกระวายใจ
สุดท้ายก็ต้องฝืนใจพูดว่า : “เอาล่ะ เดียวฉันส่งไปคนตามสืบดู สองวันนี้เธอเตรียมเงินหน่อยนะ ถ้าหากคนนั้นถูกจับจริง หากต้องการปิดปากคนในครอบครัวก็ต้องใช้เงินก้อนหนึ่งถึงจะสำเร็จ”
จิ่งเสี่ยวหย่าแบกร่างกายที่ทรุดโทรมขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ แล้วกุมมือ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นถงซูก็จากไป
จิ่งเสี่ยวหย่ารู้สึกเหมือนกับของบางอย่างที่สำคัญในหัวใจถูกบางอย่างควักเอาไป จนทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวัง
เธอกุมหัวอยู่ตรงนั้นสักพัก ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมา
แล้วจ้องมองสิ่งของประดับที่หรูหราภายในบ้าน สุดท้ายเธอก็เดินตรงไปเบื้องหน้าโต๊ะแต่งหน้า แล้ววางโทรศัพท์ลง
เธอยืนอยู่ตรงนั้น สูบลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่นานก็โทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง
“คุณย่าค่ะ หนูเองนะคะ เสี่ยวหย่า หนูมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกไหมค่ะ?”
……
นับตั้งแต่จิ่งเสี่ยวหย่าแต่งงาน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาบ้านตระกูลจิ่ง
ภายในห้องรับแขกมีบรรยากาศน่าอึดอัดมาก อึดอัดจนทำให้คนรู้สึกเคร่งเครียดตาม
บนเก้าอี้หลักมีหวังเสว่เหมยกับจิ่งเสี่ยวเต๋อนั่งอยู่ ด้านข้างมีหยูซิ่วเหลียนนั่งอยู่ ส่วนจิ่งเสี่ยวหย่านั่งตรงข้ามกับจิ่งเสี่ยวหย่า ทุกคนไม่มีใครเอ่ยปากพูดเลย
เมื่อกี้จิ่งเสี่ยวหย่าได้เล่าเรื่อง และบอกเรื่องต้องการเงินเรียบร้อยแล้ว
เธอไม่มีงานแสดงมาเกือบหนี่งปีแล้ว เงินเก็บที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ลงทุนกับบันเทิงเฟิงหัวหมดแล้ว ตอนนี้บนตัวมีเงินไม่เท่าไหร่เอง
ถ้าหากไปขอเงินกับมู่ยั่นเจ๋อคงเป็นเรื่องยากแน่
อย่าสงสัยเลยว่าเขาจะบีบเค้นซักถามเรื่องลักพาตัวจิ่งหนิง แต่แค่เอสเงินช่วยเธอ เกรงว่าเขาคงไม่ยินยอมแน่
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยอมกลับมาหาวิธีทางกับที่บ้านดีกว่า
ด้วยเหตุนี้จิ่งเสี่ยวหย่าเลยกลับมาบ้านครั้งนี้