บทที่ 246 ปฏิเสธประกันตัว
ขณะที่เด็กน้อยแอบคิดคนเดียวในใจเงียบๆนั้น จิ่งหนิงยังไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่มองเธอแล้วรู้สึกยิ่งหลงรักและน่าเอ็นดู
ทั้งสองคนกอดกันสักพักกว่าจะปล่อยมือ จิ่งหนิงกังวลว่าเธอจะหิว เลยรีบป้อนข้าวให้กับเธอ แต่ถูกลู่จิ่งเซินห้ามปรามไว้
ลู่จิ่งเซินเผยสีหน้าดุขึ้น “อย่าตามใจเธอ ให้เธอกินด้วยตัวเอง”
จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ และคิดอยากพูดว่าเธอยังเด็ก
แต่คิดไม่ถึงว่าอานอานจะถือช้อนตักข้าวกินด้วยตัวเอง
เธอเคี้ยวอาหารพลาง และพูดพลางว่า : “หม่ามี๊ อานอานโตแล้วค่ะ อานอานกินข้าวเองได้ ดังนั้นไม่ต้องการให้คนอื่นป้อนข้าวหรอกค่ะ”
เมื่อจิ่งหนิงเห็นแบบนี้ก็อดใจไม่หัวเราะออกมาไม่ได้ เธอรู้สึกอบอุ่นใจมาก จากนั้นเธอก็เตะบนจมูกของเธอเบาๆ
“ค่ะ อานอานเก่งที่สุด!”
เด็กน้อยยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน
ตรงข้าม เมื่อคุณหญิงเห็นฉากอันน่าอบอุ่นแบบนี้ก็อดใจยิ้มแย้มอย่างชื่นชมไม่ได้
กินข้าวเสร็จ ทุกคนก็กลับไปพักผ่อนในห้อง
อานอานตามติดจิ่งหนิงอยากให้เธอช่วยเล่านิทานให้ฟัง จิ่งหนิงพาเธอไปที่ห้องนอนของตัวเอง
ลู่จิ่งเซินออกเดินทางครั้งนี้เร่งรีบมาก เพราะมีหลายเรื่องที่ซูมู่ไม่สามารถจัดการได้ ต้องให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เลยรีบกลับไปทำงานในห้องทันที
คุณหญิงเองก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ปกติเธอมักนอนตอนเที่ยงเป็นประจำ หลังจากพูดทักทายเล็กน้อยเสร็จก็กลับไปนอนในห้องนอนของตัวเองทันที
หลังจากเที่ยงคืนเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามมาก
ทางด้านนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าใช้ชีวิตไม่ราบรื่นเลย
เธอตามหาจิ่งหนิงทุกที่หมดแล้ว ตามหาอยู่หลายวันแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เดิมทีสามารถเอาเงินซื้อคนขับรถแซ่หลิวแล้ว แต่กลับทรยศกะทันหันพูดยืนยันว่า เธอเป็นคนเอาเงินจ้างให้เขาพาจิ่งหนิงที่สถานที่ตรงนั้น
คนขับรถแซ่หลิวยังมอบกระแสบัญชีธนาคารที่ทั้งสองคนตกลงกันด้วย บอกว่าก่อนจิ่งหนิงเกิดเรื่อง เธอโอนเงินก้อนหนึ่งให้กับบัญชีธนาคารของเขา
ต่อมาหลังจากผ่านการตรวจสอบก็พบว่า เงินก้อนนั้นโอนมาจากบัญชีของจิ่งเสี่ยวหย่า
ทางสถานีตำรวจไม่ปกปิดข่าวเหล่านี้ เมื่อตรวจสอบเป็นความจริงก็ประกาศออกไปทันที
ข่าวนี้ทำให้เกิดกระแสอย่างดุเดือดบนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าไม่มีการตอบโต้อะไรเลย
ตอนกลางคืน มีตำรวจไม่กี่คนปรากฏตัวที่คฤหาสน์ตระกูลมู่ และนำตัวจิ่งเสี่ยวหย่าไป
เพราะมีคนสงสัยจิ่งเสี่ยวหย่ามานานแล้ว อีกอย่างบนอินเทอร์เน็ตก็พูดถึงเธอมาก ด้วยเหตุนี้ เลยมีนักข่าวบันเทิงจำนวนไม่น้อยไปเฝ้านอกประตูคฤหาสน์ของตระกูลมู่
เพราะกลัวว่ามีข่าวอะไรเกิดขึ้นจะได้รีบส่งไปที่บริษัททันทีได้
คิดไม่ถึงว่าจะถูกพวกเขาจับได้
เมื่อเห็นตำรวจจับกุมจิ่งเสี่ยวหย่าออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ เหล่านักข่าวก็กระตือรือร้นทันที ต่างพากันเดินเข้ามารุมซักถาม
ทางสถานีตำรวจไม่มีทางให้โอกาสแบบนี้กับพวกเขาแน่นอน
ไม่นานตำรวจก็สกัดกั้นนักข่าวออกไป แล้วคุมตัวจิ่งเสี่ยวหย่าขึ้นบนรถยนต์
ถึงแม้จะได้เพียงแค่นี้ แต่เหล่านักข่าวก็รู้สึกพึงพอใจมากแล้ว
ถึงแม้ไม่มีการสัมภาษณ์ แต่เพียงรูปภาพและวิดีโอก็สามารถเพิ่มจำนวนการดูมากแล้ว
ตอนกลางคืน ข่าวจิ่งเสี่ยวหย่าถูกทางตำรวจจับกุมถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตขึ้น
ด้วยหลักฐานที่มีอยู่ และรูปภาพที่ถูกจับกุมออกจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ นับว่าหลักฐานหนักแน่นมาก
วินาทีนี้แฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่าพากันมึนงงหมดเลย
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า นางฟ้าตัวน้อยในใจของพวกเธอ พี่สาวที่น่ารักอ่อนโยนจะถูกทางตำรวจจับกุมจริงๆ
มีบางคนอดใจซักถามข้อสงสัยขึ้น
ถูกทางตำรวจจับกุม…..หมายความว่า จิ่งเสี่ยวหย่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงหรอ?
หลักฐานทั้งหมดที่ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้เป็นความจริงหรอ?
และมีคนตั้งข้อสงสัยขึ้นเหมือนกัน
แค่จับกุมเฉยๆ ยังไม่ได้ตัดสิน ไม่แน่อาจเป็นแค่การให้ร่วมมือเท่านั้น
แต่ความคิดเห็นนี้ก็ถูกตบหน้าใส่
เพราะตอนที่จิ่งเสี่ยวหย่าถูกจับกุม แถมยังใส่กุญแจข้อมือด้วย แล้วมีใครบ้างร่วมมือต้องถูกใส่กุญแจข้อมือด้วยหรอ?
แม้แต่เหล่าแฟนคลับที่พยายามคิดอยากช่วยแก้ต่างให้กับจิ่งเสี่ยวหย่าก็หมดคำพูดเหมือนกัน
เหล่าแฟนคลับของจิ่งเสี่ยวหย่ายังคงเสียใจเงียบๆ และไว้อาลัยความรักที่ตายจากไป
ณ สถานีตำรวจ จิ่งเสี่ยวหย่ากำลังถูกสอบปากคำ
เธอแทบคิดไม่ถึงเลยว่าคนขับรถแซ่หลิวจะทรยศ ด้วยเหตุนี้เธอเลยแทบไม่ได้เตรียมใจไว้เลย แต่ถูกบีบบังคับพามาที่นี้
ในตอนนี้ในใจของเธอ นอกจากความหวาดกลัวและตื่นตระหนกก็ไม่มีความรู้สึกอื่นแล้ว แล้วจะสามารถพูดอะไรได้?
อีกอย่างความจริง ถงซูเตือนเธอเลยว่า เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ต้องพูด
ด้วยเหตุนี้ยิ่งไม่พูดอะไรเลย เธอเข้ามาอยู่ในสถานีตำรวจครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่อยู่ในสภาพนิ่งเงียบ นอกจากประโยคต้องการพบทนายความของฉันก็ไม่ยอมพูดอย่างอื่นเลย
เมื่อทางตำรวจเห็นเธอเป็นแบบนี้ และเป็นบุคคลสาธารณะที่ไม่สามารถใช้วิธีการอื่น เลยต้องอนุญาตให้เธอเจอกับทนายความ
ไม่นานถงซูก็พาทนายความมา
ภายใต้การช่วยเหลือของทนายความ จิ่งเสี่ยวหย่าก็ยอมให้ปากคำด้วยการเขียน
ถึงแม้มีหลายจุดที่ไม่สอดคล้อง และแทบไม่สามารถเชื่อถือได้ แต่ทนายความเขียนว่าเธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจจากความกดดันบนอินเทอร์เน็ต ก่อให้เธอมีสติเลือนราง ควบคุมร่างกายไม่ค่อยได้ แถมยังสลบหมดสติชั่วคราวด้วย
จากนั้นถงซูก็ขอประกันตัวผู้ต้องสงสัย
แต่การยื่นเรื่องครั้งนี้กลับถูกทางตำรวจปฏิเสธ
เพราะยังไม่สามารถพบตัวจิ่งหนิง จิ่งเสี่ยวหย่าในฐานะผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ เลยไม่สามารถประกันตัว
อีกอย่างเมื่อกี้เธอไม่ได้ให้ปากคำเกี่ยวกับหลักฐานอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ก่อนตามหาจิ่งหนิงเจอ ไม่สามารถปล่อยเธอไป
เมื่อถงซูได้ยินแบบนี้ก็กระวนกระวาย
รูปภาพที่ถูกทางตำรวจเอาไปได้ถูกถ่ายแล้ว ถ้าหากคืนนี้ไม่สามารถออกไปอย่างราบรื่น ข่าวข้างนอกคงยิ่งทวีความรุนแรงแน่ ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ประเด็นสำคัญคือ เธอไม่มีความมั่นใจที่จะให้จิ่งเสี่ยวหย่าอยู่ที่นี้ หากปล่อยให้เธออยู่ที่นี้นานไม่รู้ว่าเธอจะสามารถทนแรงกดดันได้หรือเปล่า
แต่เป็นเพียงความกังวลของถงซูเท่านั้น การเผชิญหน้ากับตำรวจที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
จิ่งเสี่ยวหย่าเองก็เป็นกังวลเหมือนกัน เธอจ้องมองถงซู เพราะกลัวถงซูทิ้งเธอยู่ที่นี้
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า : “พี่ถง พี่ต้องหาวิธีทางพาฉันออกไปนะ เท่าไหร่ก็ยอม ฉันไม่อยากอยู่ที่นี้”
ถงซูขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจนปัญญา
“ตอนนี้ฉันเองก็จนปัญญาเหมือนกัน เรื่องนี้มันใหญ่มาก จนฉันไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้”
เธอหยุดนิ่งชั่วขณะ และพูดว่า : “คุณถูกพวกเขาไล่ออกจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ หรือว่าคุณชายมู่กับผู้บริหารไม่พูดอะไรบ้างหรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งอึ้งชั่วขณะ
ตอนที่เธอถูกจับกุม มู่ยั่นเจ๋อกับมู่โหงไม่อยู่บ้าน
ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว บนอินเทอร์เน็ตก่อเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาไม่มีทางไม่รู้หรอก
แต่ตอนนี้กลับไม่ปรากฏตัวเลย
ถงซูพูดขึ้นว่า : “ตระกูลจิ่งพัฒนาในเมืองจิ้นมาหลายปี มีอำนาจกว้างขวาง สำหรับเรื่องนี้พวกเขามีอำนาจจัดการมากกว่าฉัน
อีกอย่างในจำนวนพวกเขามีสามีของเธอคนหนึ่ง และพ่อตาของเธอคนหนึ่ง เธอเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คงส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลมู่มาก ฉันคิดว่าพวกเขาคงทำใจไม่สนใจเธอได้หรอก”