วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 247 คิดไปเองฝ่ายเดียว

บทที่ 247 คิดไปเองฝ่ายเดียว

เมื่อถูกถงซูเตือนสติแบบนั้น จิ่งเสี่ยวหย่าก็ดึงสติกลับมา

เธอพูดพึมพำว่า : “จริงด้วย ขอเพียงฉันเป็นภรรยาของพี่อาเจ๋อ และเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลมู่อยู่ พวกเขาไม่มีทางไม่สนใจฉันหรอก พี่ถง เธอช่วยโทรศัพท์หาพี่อาเจ๋อหน่อย”

ถงซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินออกไป

ไม่นานก็พูดคุยทางโทรศัพท์เสร็จ

เธอเดินเข้ามาพูดกับจิ่งเสี่ยวหย่าว่า : “ทางคุณชายมู่กำลังมาแล้ว สงสัยคงรู้ข่าวที่เธอถูกจับกุมตั้งนานแล้ว ตอนที่ฉันโทรหาเขา เขาบอกว่าใกล้มาถึงแล้ว”

เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจ

โชคดีที่เธอยังอยู่ในตำแหน่งภรรยาของคุณชายมู่

ถึงแม้มู่ยั่นเจ๋อไม่รักเธอแล้ว แต่เพื่อชื่อเสียงก็ไม่สามารถทนมองดูเธอกลายเป็นนักโทษหญิงได้

ถงซูอยู่เป็นเพื่อนเธอสักพัก ไม่นานมู่ยั่นเจ๋อกับมู่โหงก็มาถึง

เมื่อจิ่งเสี่ยวหย่าเห็นพวกเขา ความรู้สึกน้อยใจที่อัดอั้นไว้ภายในใจทั้งหมดก็ระเบิดออกมาในวินาทีนี้

เธอกลั้นน้ำตาไม่ไหว สุดท้ายร้องไห้ออกมา พร้อมตะโกนร้องว่า “พ่อค่ะ! พี่อาเจ๋อ”

มู่โหงยังคงมีสีหน้าท่าทางไม่เป็นสุขและไม่เป็นทุกข์อย่างนั้น พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

“พวกคุณคุยกันตามสบายเลยค่ะ เดียวฉันไปติดต่อกับทางนั้นสักหน่อย”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย

ในเมืองจิ้น ตระกูลมู่ถือว่ามีเส้นสาย เมื่อรู้ว่าฐานะของจิ่งเสี่ยวหย่าไม่ธรรมดา ทุกคนเลยไม่มีใครกล้ามารบกวนพวกเขา

ห้องให้ปากคำว่างเปล่าทันที เพื่อปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกัน

จิ่งเสี่ยวหย่านั่งอยู่บนเก้าอี้ ในตอนนี้เธอรู้สึกน้อยใจมาก ขณะเดียวกันก็ร้องไห้น้ำตาไหลพราก

มู่ยั่นเจ๋อนั่งอยู่ตรงข้าม พร้อมจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

“เธอคงไม่คิดว่า ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เพียงแร่ร้องไห้คงสามารถแก้ปัญหาได้หรอกใช่ไหม?”

จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งอึ้งชั่วขณะ

เธอหยุดร้องไห้ และเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“ขอโทษ พี่อาเจ๋อที่ฉันสร้างปัญหากับพวกคุณ ขอบคุณที่คุณมาช่วยฉันออกไป ฉันสัญญาว่า ต่อไปฉันจะเชื่อฟัง และไม่สร้างปัญหาอีกแล้ว”

มู่ยั่นเจ๋อฉีกปากยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ต่อไปหรอ?”

เขาหัวเราะประชดขึ้นเล็กน้อย “เรื่องในอนาคตค่อยว่ากัน คุยเรื่องตอนนี้ของเธอก่อนดีกว่า”

จิ่งเสี่ยวหย่าพยักหน้าอย่างรีบร้อน และพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า : “เมื่อกี้พี่ถงยื่นเรื่องขอประกันตัวแล้ว แต่พวกเขาไม่อนุญาต พี่อาเจ๋อ คุณต้องคิดหาวิธีทางช่วยฉันให้ได้นะคะ”

มู่ยั่นเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย

“ผมสามารถช่วยคุณ แต่คุณต้องร่วมมือกับผม โอเคไหม?”

จิ่งเสี่ยวหย่ารีบตอบรับทันที

“พี่อาเจ๋อ คุณต้องการให้ฉันร่วมมือยังไงหรอ? บอกมาเลย ฉันทำได้ทุกอย่าง”

มู่ยั่นเจ๋อยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย “จิ่งหนิงอยู่ไหน?”

จิ่งเสี่ยวหย่า : “……”

เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที และรู้สึกว่าในหัวสมองแตกกระจุย เหมือนกับมีของบางอย่างตกลงบนพื้น แล้วแตกกระจายอย่างนั้น

เธอจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า : “แม้แต่คุณก็คิดว่า ฉันเป็นคนซ่อนจิ่งหนิงหรอ?”

มู่ยั่นเจ๋อจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เธอเป็นคนยังไง ผมรู้จักดี คุณเกลียดจิ่งหนิงมาแค่ไหน ผมรู้ดี เสี่ยวหย่า เห็นแก่ที่เราเป็นสามีภรรยากัน ขอเพียงเธอสามารถบอกเบาะแสของเธอ ผมจะช่วยคุณ เป็นยังไง?”

จิ่งเสี่ยวหย่ารู้สึกน่าขำมาก

เธอไม่เคยพบเห็นเรื่องน่าขำแบบนี้มาก่อนเลย

ในยามที่เธอกำลังลำบาก สามีของตัวเอง บีบเคล้นเธอบอกเบาะแสของผู้หญิงคนอื่น เช่นนั้นถึงจะยอมช่วยเธอ

จิ่งเสี่ยวหย่าเก็บรอยยิ้มทันที จากนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็ร้องไห้น้ำตาไหลออกมา

เธอจ้องมองมู่ยั่นเจ๋อเหมือนกับเป็นตัวตลก

“มู่ยั่นเจ๋อ จนถึงตอนนี้เธอคงไม่คิดว่า จิ่งหนิงจะกลับมาคืนดีกับเธอหรอกใช่ไหม?”

มู่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้วขึ้น

เมื่อถูกเธอสะกิดจุดอ่อนก็ทำให้เขาที่รู้สึกรำคาญกลายเป็นรู้สึกโมโหขึ้น

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ”

“ค่ะ ไม่เกี่ยวกับฉัน! แต่ตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะภรรยาของคุณอยู่ แต่คุณสามารถหย่ากับฉันได้ทุกเวลาเลยนะคะ!”

คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครหรอ? คุณคิดว่า ขอเพียงสามารถบีบเคล้นเบาะแสของจิ่งหนิงจากฉันได้ แล้วแสร้งทำเป็นวีรบุรุษลอยลงมาจากฟ้าช่วยเธอ เธอจะรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณหรอ แล้วกลับมาคืนดีกันหรอ? มู่ยั่นเจ๋อ คุณโง่หรือว่าแกล้งโง่กันแน่? ยังไม่ต้องพูดเรื่องจิ่งหนิงจะทอดทิ้งลู่จิ่งเซินเพื่อเลือกคุณก่อน แต่พูดเรื่องที่ฉันไม่รู้เบาะแสของเธอเลย น่าเสียดายจัง คุณคงไม่สามารถทำตามปราณนาได้สำเร็จแล้ว!

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…..”

หลังจากพูดจบ เธอก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้น

มู่ยั่นเจ๋อเผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น เขากำหมัดไว้อย่างแน่น และพยายามอดกลั้นความรู้สึกโมโหไว้ในใจ จึงจะสามารถควบคุมไม่ให้ตัวเองลงมือผู้หญิงบ้าที่อยู่เบื้องหน้า

“เธอบอกว่าเธอไม่รู้เบาะแสของจิ่งหนิงหรอ?”

“ใช่! ถ้าหากฉันรู้ ฉันจะถูกจับตัวอยู่ที่นี้ไหนล่ะ?”

“เธอพูดโกหก! ทั้งที่เธอเป็นคนลักพาตัวจิ่งหนิง!”

“ใช่ ถูกต้อง ฉันเป็นคนลักพาตัวเธอ แต่ในระหว่างนั้นเธอหนีรอดไปได้ ทำไมหรอ? คุณคิดถึงเธอขนาดนี้ เธอกลับไม่ติดต่อหาคุณ และไม่บอกเบาะแสให้กับคุณหรอกหรอ?”

ฮ่าฮ่า ดูสิ น่าขำมากแค่ไหน! คุณคิดไปเองคนเดียวอยู่ที่นี้ ไม่รู้ว่าเธอไปมีชีวิตมีความสุขอยู่ที่ไหนแล้ว! มู่ยั่นเจ๋อ ฉันนึกว่าฉันโง่มาตลอด คิดไม่ถึงว่าคุณจะโง่มากกว่าฉันอีก ฮ่าฮ่าฮ่า……”

เมื่อมู่ยั่นเจ๋อถูกเธอพูดประชดประชันแบบนี้ ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เผยสีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที

เขากำหมัดไว้อย่างแน่น จนได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น

สุดท้ายเขาก็สูบลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืน

แล้วจ้องมองผู้หญิงที่นั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามที่กำลังทั้งร้องไห้และหัวเราะ ขณะเดียวกันก็เผยสายตารังเกียจขึ้น

“นังบ้า!”

พูดจบก็เดินออกไป โดยไม่หลงเหลือความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิด

สุดท้ายมู่ยั่นเจ๋อก็ไม่ได้ช่วยประกันตัวจิ่งเสี่ยวหย่า

ถงซูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สามารถคาดเดาออกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

เธอเป็นคนมีสายตาแหลมคม เธออยู่ในวงการมาหลายปี สิ่งที่ถนัดที่สุดคือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้

จิ่งเสี่ยวหย่าหาเรื่องให้กับตัวเองขนาดนี้ ซึ่งทุกอย่างเธอเป็นคนทำตัวเอง ตอนนี้แม้แต่ตระกูลมู่ก็ไม่สนใจเธอแล้ว เธอในฐานะผู้จัดการ ถึงแม้อยากช่วยเธอ แต่ก็จนปัญญา

ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายถงซูทำได้เพียงตักเตือนเธอเล็กน้อย แล้วจากไป

จิ่งเสี่ยวหย่าเหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณ เหมือนเป็นคนสองบุคลิก แตกต่างกับก่อนหน้านี้

แม้แต่ตอนที่เธอจะจากไป จิ่งเสี่ยวหย่าแทบไม่เหนี่ยวรั้งให้อยู่ต่อหรือให้ช่วยเหลือเลย

แต่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

เมื่อถงซูเห็นเธอมีท่าทางแบบนี้ก็รู้เลยว่า อนาคตของเธอดับลงแล้ว ทั้งที่มีอนาคตอีกยาวไกล กลับต้องมาจบลงเพราะความแค้น สุดท้ายพาตัวเองไปสู่จุดจบ

ถึงแม้ช่วยเธอวางแผนไม่น้อย แต่ก็หวังอยากให้เธอได้ดี ไม่ได้คิดอยากทำร้ายเธอถึงขั้นนี้เลย

สุดท้ายทำได้เพียงถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วหันหลังเดินจากไป

หลังจากที่ทุกคนจากไป ตำรวจสองคนก็เดินเข้ามาพาเธอไปขังในคุกชั่วคราว

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset