บทที่ 262 ปลอมจริงๆ
“ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหนครับ?”
จิ่งหนิงตกตะลึง
เสียงนี้คุ้นหูมาก?
เธอเอียงหัวแล้วมองไปที่เขา ผู้ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นพอดี เขาทั้งสองคนต่างก็อึ้งมาก
“มู่ยั่นเจ๋อ?”
“หนิงหนิง?”
“คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
คำพูดเดียวกันและพูดออกมาพร้อมกัน
หลังจากที่พูดจบ สีหน้าของทั้งคู่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จิ่งหนิงรู้สึกไม่เป็นใจ
เพราะฉะนั้นทำไมถึงมีสำนวนที่ว่า โลกนี้มันกลม (บุคคลที่เป็นคู่อาฆาตไม่อยากจะพบกัน แต่เวรกรรมก็บันดาลให้พบกันจนได้) สำนวนนี้พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้แหละ!
หลังจากวันนั้นที่เคลียร์กันบนเกาะนั้นแล้ว เดิมทีคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีก แต่ไม่คาดคิดว่าจะซวยขนาดนี้ ไม่เพียงแต่มาเจอที่นี่ และห้องที่เขาอยู่ดันเป็นห้องข้างๆ เธออีก
สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อเปลี่ยนไป แต่ไม่นานก็สงบลงมาได้
เขามองดูจิ่งหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้า
ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้จิ่งหนิงสวยขึ้นเยอะมาก
ชุดเดรสสีครีมทำให้เห็นสรีระร่างกายของเธอที่เรียวบางและสง่างาม เธอใส่รองเท้าแตะสีเดียวกับเดรส ผมที่พาดไว้ด้านหลังมีสีดำมืดราวกับน้ำตก ดูงดงามและใสสะอาด
เมื่อก่อนเขารู้แค่ว่าเธอสวยมาก แต่เพราะเธอขาดบุคลิกแบบผู้หญิงที่เขาชอบไป เพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ถ้าเธอยอมแต่งตัว เธอก็มีเสน่ห์ไม่แพ้จิ่งเสี่ยวหย่าอย่างแน่นอน
ถึงขั้นที่ดูดีมากกว่าแบบไม่มีที่เปรียบเทียบเลย
แววตาของมู่ยั่นเจ๋อมนหมองลง เขาพยายามมีสติ แล้วยืดตัวตรงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมมาเจอเพื่อนที่นี่ครับ บังเอิญจังเลย ไม่คิดว่าผมจะได้เจอคุณ”
จิ่งหนิงไม่ได้แสดงความเป็นมิตรต่อเขา
“คุณมาทำอะไรที่นี่ฉันไม่สนใจ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วกรุณาหลีกไปค่ะ ฉันจะกลับไปที่ห้องของฉัน”
มู่ยั่นเจ๋อยักคิ้วเบาๆ แล้วมองไปที่ห้องข้างๆ
“คุณอยู่ห้องข้างๆ เหรอครับ?”
จิ่งหนิงมองบนใส่เขา
เธอคิดในใจ ฉันต้องซวยขนาดไหนถึงได้มาอยู่ห้องข้างๆ ห้องนาย
“ห้องข้างๆ นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนในวงการบันเทิงนะ เมื่อกี้ผมเห็นผู้กำกับชื่อดังหลายคนเลย…..อ๋อ ผมลืมไปว่าตอนนี้คุณเองก็ถือว่าเป็นดาราที่มีชื่อเสียงแล้ว”
สองสามวันที่ผ่านมานี้ “กลยุทธ์พลิกชีวิต” เริ่มฉายออนไลน์ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงละครออนไลน์เล็กๆ แต่พอเปิดฉายก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ยอดเข้าชมสูงมาก
เขายิ้มออกมา ในรอยยิ้มนั้นมีความเสียใจซ่อนอยู่ “หนิงหนิง ผมเคยดูการแสดงของคุณจากละครเรื่องนั้น มันยอดเยี่ยมมาก ผมชอบมาก”
จิ่งหนิงยิ้มแห้ง “ฉันแสดงได้ดีหรือไม่ดีมันเกี่ยวกับคุณเหรอ? ต้องให้คุณมาชอบไหม? ภรรยาของตัวเองยังอยู่ในคุกอยู่เลย แต่คุณนี่สิยังมีอารมณ์ออกมาดื่มเหล้า ทำไมเหรอ? คุณชายใหญ่มู่กำลังเตรียมจะเปลี่ยนแฟนใหม่เหรอคะ? รักแท้ของคุณมันปลอมจริงๆ!”
มู่ยั่นเจ๋อหน้าเจื่อนมาก
หลังจากที่จิ่งเสี่ยวหย่าเกิดเรื่องขึ้น เขาเคยไปเยี่ยมเธออยู่หนึ่งครั้ง เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ามู่เสี่ยวหย่าอ่อนโยนเป็นแม่ศรีเรือน แต่ตอนนี้พอเห็นสภาพเธอแล้ว ดูเหมือนเป็นผู้หญิงบ้าไปเลย นอกจากบังคับให้เขาคิดหาวิธีช่วยเธอออกไปแล้ว เธอไม่พูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่เห็นก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญ
ในใจของเขา เกิดความรู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจของตัวเองขึ้นมา
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นการแสดงของเธอในละครเรื่องนั้นแล้ว ออร่าและฝีมือการแสดงที่ไม่แพ้จิ่งเสี่ยวหย่านั้น ถ้าไม่มีพรสวรรค์ล่ะก็มันยากที่จะแสดงออกมาได้
ผู้หญิงแบบนี้สิถึงจะเหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของมู่ยั่นเจ๋อ
ส่วนจิ่งเสี่ยวหย่า……….
เธอเปลี่ยนไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อน ตอนนี้เธอไม่ใช่เสี่ยวหย่าคนเดิมที่เขารู้จักในตอนแรกแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเธอคงรับผลกระทบไม่ไหว ก็เลยเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้
แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานาน เขาถึงรู้ว่าอันที่จริงแล้วเธอต่างจากเธอที่ตัวเองเห็นในเมื่อก่อนมาก
เธอขี้อิจฉา ไม่มีความสามารถ โลภ มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะแต่ก็ดันถูกคนอื่นเปิดโปงทุกครั้งอย่างโง่เขลา
เธอไม่มีอะไรดีเลย!
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ไม่สามารถหย่าได้ เขาเองก็ไม่สนใจเธอตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้ความคิดพวกนี้แค่ปรากฏขึ้นในหัว ยังไม่รุนแรงสักเท่าไหร่
แต่พอตอนนี้มาเห็นจิ่งหนิงที่ดูดีมีสง่าขนาดนี้ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่
มู่ยั่นเจ๋อพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ “เมื่อก่อนผมไม่ค่อยรู้ว่าคุณแสดงละครเป็น แค่ไม่คิดว่าคุณจะเล่นได้ดีขนาดนี้ ในฐานะเพื่อน ผมรู้สึกยินดีกับคุณนะ ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งแบบ!”
จิ่งหนิงมอบบนอีกรอบอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
เธอเบื่อที่จะคุยกับเขา เธอกำลังจะก้าวเดินไป แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ดึงมือเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนๆ”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
ถ้าไม่ติดที่ว่านี่คือที่สาธารณะ เธออยากจะแตะเขาให้กระเด็นออกไปจริงๆ
สุดท้ายเธอก็ห้ามตัวเองไว้ได้ พร้อมพูดด้วยความรำคาญ “มีเรื่องอะไรอีก?”
มู่ยั่นเจ๋อหยุดไปสักพัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณนายยู่และพ่อของผมอยู่ข้างใน ไหนๆ คุณก็มาแล้ว คุณไม่เข้าไปทักทายพวกท่านหน่อยเหรอ? ”
จิ่งหนิงอึ้งไปสักพัก
คุณนายยู่ก็มาเหรอ?
แต่มาก็มาสิ แล้วทำไมถึงไปอยู่กับคนของตระกูลมู่ได้ล่ะ?
แม้ว่าเธอมีคำถามในใจ แต่ไม่ว่ายังไง คุณนายยู่ ดีกับเธอมาก ถ้าไม่รู้ว่าเธอมาก็ว่าไปอย่าง แต่ตอนนี้ทราบแล้วแต่ไม่เข้าไปทักทาย มันก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
จิ่งหนิงสะบัดมือของเขาออกไป พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันรู้แล้ว”
หลังจากพูดจบ เธอก็ผลักประตูเข้าไป
สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อดีขึ้นเล็กน้อย เขายิ้มมุมปากขึ้นมาแล้วตามเธอเข้าไป
ในที่ที่ไม่ไกลนั้น เซ่เซียนเห็นภาพนี้แล้วขมวดคิ้วขึ้นมา แววตาของเขาปรากฏความครุ่นคิดขึ้นมา
…………
ห้องนั้นใหญ่มาก คนเยอะมาก
ทุกห้องของเซียนสุยเก๋อ เทียบเท่ากับบ้านสามห้องนอนของคนปกติ มีKTV มีห้องเล่นไพ่ ถ้าหรูหน่อยก็มีสวนดอกไม้ ฤดูร้อนมีสระว่ายน้ำ และมีกิจกรรมสนุกสนานอีกมากมาย
เมื่อเข้าไปที่ห้อง ก็เห็นคุณนายยู่ และมู่โหงนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนที่นั่งตรงข้ามพวกเขามีชายวัยกลางคนที่ใส่เสื้อสูทนั่งอยู่
ชายวัยกลางคนนั้นอายุราวๆ 40กว่าปี เขาดูยังหนุ่มอยู่ เขาเซตผมไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย และใส่เสื้อสูทที่สั่งตัดแบบแฮนเมด ดูไม่ออกว่าเป็นใคร แต่จากบุคลิกแล้วรู้ได้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดา
ไม่น่าเชื่อว่าตระกูลยู่ และตระกูลมู่จากมาพบคนแบบนี้ในสถานที่แบบนี้ เขาคือใคร?
จิ่งหนิงสับสนอยู่ภายในใจ แต่เธอไม่ได้คิดมาก
เธอเดินเข้าไปแล้วเรียก “คุณนายยู่”
คุณนายยู่ เห็นเธอนานแล้ว แม้ว่าเธอจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบรับ
“หนิงหนิง หนูก็อยู่ที่นี่เหรอ? มางานเลี้ยงกับเพื่อนเหรอ?”
จิ่งหนิงพยักหน้า “ค่ะ เพื่อนในวงการบันเทิงค่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ ตอนนี้หนูเข้าไปเป็นนักแสดงในวงการบันเทิงแล้ว ต้องระวังให้มากๆ นะ วงการนี้ค่อนข้างซับซ้อน แต่ว่ายายบุญธรรมเชื่อมั่นในตัวหนูนะ หนูเป็นเด็กดี หนูรักษาเป้าหมายเดิมของตัวเองไว้ได้อยู่แล้ว”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความโอบอ้อมอารีของท่านทำให้จิ่งหนิงรู้สึกอุ่นใจ
ไม่ว่าก่อนหน้านี้เรื่องมันจะเป็นอย่างไร หรือมีอะไรที่เข้าใจผิดต่อกัน แต่หลังจากที่คุณแม่ของเธอเสียชีวิตไปคุณนายยู่ เป็นคนคนเดียวที่คอยเป็นห่วงเธอตลอดเวลา
ท่านและคุณตาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ตอนที่ทั้งคู่ยังไม่เสียชีวิต ทั้งคู่เป็นเหมือนกับพี่น้องท้องเดียวกัน อาจจะเป็นเพราะว่าอยากจะให้รุ่นลูกรุ่นหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นจึงให้คุณแม่เป็นลูกบุญธรรมของคุณหญิง แล้วให้เธอเป็นหลานบุญธรรมของคุณหญิงเช่นกัน