วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 269 แผนปั๊มลูก

บทที่ 269 แผนปั๊มลูก

เวลาผ่านไปไวมาก

1เดือนผ่านไปในพริบตา

ผลการตอบรับของ “กลยุทธ์พลิกชีวิต” นั้นดีมาก แม้ว่าเป็นแค่ละครออนไลน์ แต่กลับทำให้เกินการพูดถึงอย่าหนักในโลกออนไลน์ ถึงขั้นที่มีแนวโน้มเข้าวงการ

จิ่งหนิงและสวี่เจียมู่ที่เป็นนักแสดงเอก ช่วงนี้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทำการ โปรโมท หนังและกิจกรรมต่างๆ พูดได้เลยว่ายุ่งจนขาไม่ถึงพื้น

ลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอยุ่งขนาดนี้ กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป ก็เลยเอางานของอานหนิงกั๋วจี้ ให้กับรองประธานที่ทำงานกับเธอจัดการแทนชั่วคราว

จิ่งหนิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา เธอไม่ใช่ซูเปอร์แมน เธอมีแค่หนึ่งหัวกับสองมือ เธอไม่มีทางทำเรื่องทุกอย่างในเวลาเดียวกันได้

อีกอย่างเมื่อก่อนเธอไม่ชอบการแสดง และไม่ชอบการทำงานที่อยู่ต่อหน้าผู้คน เอรู้สึกว่าการถูกคนอื่นจ้องมองด้วยสายตาที่มองสัตว์หายากนั้นเธอรู้สึกไม่สบายตัว

แต่หลังจากที่เธอลองคุ้นชินกับมันมาสักพักหนึ่ง เธอเองก็เริ่มชินแล้ว ไม่เพียงแค่นี้ บางทีเธอกลับรู้สึกชอบด้วยซ้ำ

ไม่เพียงแค่กับอานหนิงกั๋วจี้ แม้แต่งานของซิงฮุยเธอก็ส่งมอบให้เสี่ยวเหอจัดการแทบทุกเรื่อง

ลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอมีท่าทีที่จะเข้าวงการบันเทิงอย่างเต็มที่เพียบพร้อม เขาเองก็ไม่ได้ห้ามเธอเช่นกัน

แต่แค่บางครั้งตอนดึกๆ ตอนที่นอนอยู่บนเตียง เขาจะกดตัวเธอไว้แล้วออกคำสั่งด้วยความหึงหวงว่า

ห้ามถ่ายฉากจูบ ห้ามถ่ายฉากบนเตียง ห้ามถ่ายฉากเลิกซีน จนกระทั่งห้ามถ่ายฉากที่มีความสัมพันธ์กับนักแสดงชายคนอื่นๆ !

จิ่งหนิงรู้สึกตลกกับท่าทีเช่นนี้ของเขา

แต่เธอดันเถียงเขาไม่ได้ ถ้าเธอกล้าพูดเรื่องทำตามหน้าที่ คืนนั้นเขาก็จะทำตามหน้าที่ให้เธอได้เห็น

จากนั้นมาก็มีกฎขึ้นข้อหนึ่งอย่างไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรว่า

สามีของศิลปินมือใหม่ท่านหนึ่งกำหนดไว้ว่าฝ่ายหญิงไม่รับบทรัก ไม่รับบทที่มีฉากจูบ ไม่รับบทที่มีฉากเลิกซีน ถ้ารับมาแล้วละครทั้งเรื่องก็โดนแบล็คลิสต์

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคนคนนี้หมายถึงใคร แต่ว่าก่อนหน้านี้ลู่จิ่งเซินก็เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและจิ่งหนิงแล้ว

เพราะฉะนั้นทุกคนก็แค่แซวๆ แต่ไม่ได้คิดจริง

จิ่งหนิงรู้สึกปวดหัวกับความหวงของชายคนนี้มาก แต่เธอเองก็ไม่ใช่ว่าต้องการให้มีฉากพวกนี้ในเรื่องที่เธอรับมา แต่ยังไงก็ต้องดูเนื้อเรื่อง ตอนที่ควรมีก็ต้องมี ถ้าเกินว่ามันไม่ควรมีฉากแบบนี้ หรือว่าไม่ใช่แบบว่าไม่มีไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีดีกว่า

และตอนนี้เพื่อที่จะรณรงค์เรื่องคลีนออนไลน์ แม้ว่าเป็นหนังรัก ก็ถ่ายออกมาให้มันดู บริสุทธิ์ นอกจากหนังศิลปะบางประเภทแล้ว ฉากจูบทั่วๆ ไปสามารถถ่ายแบบใช้มุมกล้องได้

พวกเขาก็ใช้ชีวิตภายใต้ความนิ่งสงบและเต็มที่ไปอย่างช้าๆ

ตอนกลางปี ลู่จิ่งเซินพาจิ่งหนิงกลับไปที่เมืองหลวง ถือว่าเป็นการแนะนำตัวให้ทุกคนได้รู้จักอย่างทางการ

สำหนักงานหลักของอานหนิงกั๋วจี้อยู่ที่เมืองหลวง ส่วนซิงฮุยเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้บริษัทหลัก หลังจากการประชุมหารือกันแล้ว สุดท้ายก็ย้ายมาที่เมืองหลวงเช่นกัน

เมืองจิ้นไม่มีอะไรให้จิ่งหนิงผูกพัน ไม่ว่าจะอยู่ที่เมืองไหนเธอก็สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้

แถมประธานของลู่ซื่อก็อยู่ที่เมืองหลวงด้วย ยังไงก็ตามลู่จิ่งเซินถือว่าเป็นคนควบคุมลู่ซื่อ ถ้าทำงานที่นี่มันก็จะสะดวกกว่า ฉะนั้นจิ่งหนิงจึงอยู่กับเขาต่อที่เมืองหลวง

คนที่ดีใจที่สุดกับการตัดสินใจนี้แน่นอนว่าเป็นอานอาน

ลู่จิ่งเซินมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่เมืองหลวง ชื่อว่าวิลล่าเฟิงเฉียว เขาซื้อเพื่อจิ่งหนิงโดยเฉพาะ

อานอานโวยวายทุกวันว่าอยากย้ายจากบ้านตระกูลลู่มาอยู่ที่นี่แทน แต่ก็ถูกลู่จิ่งเซินห้ามไว้ทุกรอบเลย

อานอานไม่เข้าใจ เธอเสียใจทุกครั้งที่คนขับรถส่งเธอกลับไป

จนมีครั้งหนึ่ง ลู่จิ่งเซินถามเธอว่า

“อยากมีน้องชายไหม? ถ้าอยากมีน้องชายก็กลับบ้านไปดีๆ ช่วงนี้แด๊ดดี๊และหม่ามี๊ปั้นน้องชายเป็นของขวัญให้หนูสักหนึ่งคน”

ทันทีที่อานอานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็ดีใจมาก

“จริงเหรอคะ? หนูจะมีน้องชายเป็นเพื่อนเล่นจริงเหรอคะ?”

“อืม จริงครับ”

และแล้ว จากนั้นมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ อานอานไม่ได้มาวุ่นวายกับเขาสองคนเลย

บอสลู่ที่ในที่สุดก็ได้มีโลกส่วนตัวแบบสองต่อสองนั้น พอใจกับสถานการณ์ตอนนี้มาก

และภารกิจต่อจากนี้ คือจัดการเมียตัวเอง แล้วคุยเรื่องปั๊มลูก

แต่น่าเสียดาย ตอนนี้จิ่งหนิงยุ่งมาก

อานอานไม่มาวุ่นวายแล้วก็จริง แต่จิ่งหนิงเองก็งานยุ่งจนไม่ได้อยู่ที่บ้านแล้ว เธออยู่ที่กองถ่ายทุกวันเลย

บอสลู่โกรธมาก แต่เมื่อเห็นภาพที่จิ่งหนิงพยายามเพื่อความฝันของตัวเอง เขาก็โกรธไม่ลง

เย็นวันนี้ จิ่งหนิงได้รับคำเชิญ ตอนกลางคืนต้องไปร่วมงาน สถานที่จัดงานอยู่ที่ลานกีฬาที่ใหญ่ที่สุดตรงใจกลางเมืองหลวง

นี่เป็นกิจกรรมการกุศลของเหล่าดารา ทำการกุศลจริง ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจและเพื่อความดังก็เรื่องจริง อีกอย่างจะได้รับคำชมด้วย เพราะฉะนั้นคืนนั้นมีเหล่าดารามากมายมารวมตัวกัน รุ่นใหญ่สุดก็ต้องเป็นเซ่เฉิงเฟย ดารานักแสดงชายยอดเยี่ยมอยู่แล้ว

ปีนี้เซ่เฉิงเฟย อายุ30 เขาเข้าวงการมา10ปี ผลงานของเขาที่เขาเคยแสดงมีนับไม่ถ้วน เขาทั้งหล่อและฝีมือการแสดงดีเยี่ยม

ตอนแรกเขาเองก็เป็นนักแสดงมือใหม่ที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย จากนั้นด้วยเหตุที่ว่าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนทำให้มีแผลตรงหน้าเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เขาดิ่งลงไปอยู่ครู่หนึ่ง

แต่ว่าหลังจากนั้นผ่านการผ่าตัด ไม่เพียงแต่กลับมาหล่อเหมือนเดิม การแสดงของเขาก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด เขาแผ่เสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่ออกมา

ปีก่อนหน้านี้ เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมม้าทองคำจากเรื่อง “ตำนานลิลิตฟ้า” แฟนคลับเยอะจนนับไม่ถ้วน

เป็นนักแสดงชายที่ดังที่สุดในตอนนั้น

จิ่งหนิงชื่นชมเขามาก ก่อนหน้านี้ก็เคยดูหนังที่เขาเป็นนักแสดงนำ ฝีมือการแสดงดีมาก

เพราะฉะนั้นหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าคืนนี้จะได้เจอเขา เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

มีศิลปินหลายท่านอยู่ในงาน ด้านนอกนั้นมีแฟนคลับอยู่มากมาย มีแฟนคลับของศิลปินทุกคนเลย แต่ส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเซ่เฉิงเฟย

จิ่งหนิงมาถึงในงาน เดิมทีเธอคิดว่าจะเดินพรมแดงไปเงียบๆ ถ้ามีโอกาสได้เข้าใกล้กับศิลปินที่ชื่นชอบ ก็ขอลายเซ็นหรืออย่างอื่นด้วยก็ดี

แต่ไม่คาดคิด พอเดินออกมาก็ได้ยินเสียงกรี๊ด

เธอหันไปมองแล้วเห็นป้ายไฟเป็นชื่อของตัวเอง มีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งถือป้ายไฟไว้ในมือแล้วโบกอย่างแรง แม้ว่าจะเป็นแค่แฟนคลับกลุ่มน้อยๆ ที่อยู่ในหมู่ผู้คนมากมาย แต่เธอเองก็ดีใจมากๆ

เธอโบกมือให้แฟนคลับ แล้วพวกเจ้าหนูก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม

อ๊า! เป็นนางฟ้าน้อยแสนน่ารักจริงๆ เลย ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะมีวันนี้

แต่เธอกลับไม่รู้ว่า หลังจากที่ “กลยุทธ์พลิกชีวิต” ออกอากาศ ก็กวาดเอาเว็บไซต์วิดีโอใหญ่ๆ ไปทั่วในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

ตอนนี้ทั้งในเว็บ ในเว่ยป๋อ ในคิวคิว หน้าฟีดวีแชทเต็มไปด้วยคลิปวิดีโอของเธอ

ยอดแชร์มากกว่าพันล้าน!

จิ่งหนิงไม่ค่อยเล่นอินเทอร์เน็ต เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าตัวเองดังขนาดนั้น เธอแค่เห็นว่ามีแฟนคลับไม่น้อยที่มาให้กำลังใจเธอในงาน เธอรู้สึกอุ่นใจ

หลังจากเดินพรมแดงเสร็จสิ้น ก็เป็นกิจกรรมช่วยสังสรรค์

จริงๆ แล้วคนที่อยู่ในงานไม่ได้มีแค่ดาราศิลปิน แต่ยังมีเหล่าชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงของสังคมด้วย จิ่งหนิงไม่ค่อยให้ความสนใจกับงานประเภทนี้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเธอจึงไปนั่งกินขนมหวานอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน

ขณะนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากบนหัวของเธอ

“พี่หนิงหนิง”

จิ่งหนิงหันกลับไปมอง ถังลั่วเหยา?

“เธอก็มางานนี้เหมือนกันเหรอ?” เธอรีบลุกขึ้นมา

ชุดราตรีที่เธอใส่อยู่นั้นก็ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเพราะท่านั่งของเธอ เธอเอามือตบๆ ไปที่ชุดด้วยความเขินอาย พร้อมพูด “ฉันหิวนิดหน่อย สภาพก็อาจจะแย่หน่อยนะ”

ถังลั่วเหยายิ้มออกมาเบาๆ “พี่ไม่ได้กินข้าวเย็นเหรอคะ?”

“อืมม……..” อย่าว่าไป เธอรีบเกินไปยังไม่ได้กินข้าวจริงๆ

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset