บทที่ 271 บุตรชายตระกูลลู่
หญิงชราปรายตามองไปยังพวกเขา ความไม่พอใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า
“พวกเธอคิดว่าฉันเป็นพวกถ้ำมองเหรอ? เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร ฉันก็แค่ออกมาถ่ายรูป มันผิดตรงไหน?”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้วมุ่น“หากคุณต้องการเข้าพบเซ่เฉิงเฟย ผมสามารถส่งคนโทรไปแจ้งเขาที่โรงแรมเพื่อบอกให้คุณเข้าพบก็ได้แล้ว ทำไมคุณต้องมาหาเขาถึงที่นี่?แถมยังมาแอบถ่ายรูปอีก?คุณอยากให้คนอื่นทราบจริงๆ หรือว่าคุณนายใหญ่ผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลจิ้นทำเรื่องแบบนี้ คุณยังอยากรักษาหน้าของคุณอยู่ไหม?”
หญิงชราโกรธเล็กน้อย
“ฉันทำอะไร?ฉันก็ไม่ได้ละเมิดวินัยหรือแม้แต่กฎหมายสักข้อเสียหน่อย แล้วทำไมฉันต้องเสียหน้า อีกอย่างถ้าเชิญเขามาถึงบ้าน ยังเรียกว่าบ้าดาราอยู่อีกเหรอ?แล้วอย่างฉันยังมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นพวกคลั่งดาราได้อีกเหรอ?”
เธอตะคอกอย่างเย็นชา“ช่างมันเถอะ! ฉันขี้เกียจที่จะคุยกับคุณแล้ว พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจ อย่างกับฉันพูดอยู่กับวิญญาณของพ่อไม่มีผิด ไม่ได้เรื่องอะไรเลยสักนิด”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนดูตึงขึ้นเล็กน้อย“ถ้าคุณได้บอกวิญญาณของพ่อคุณให้ทราบเรื่องที่คุณจะวิ่งแจ้นเข้ามาพบเซ่เฉิงเฟยถึงที่นี่ บางทีอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นก็ได้”
ใบหน้าของหญิงชราเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
“เขารู้แล้วจะยังไง?ไอ้เด็กคนนี้นี่ ฉันอุตส่าห์เลี้ยงแกมา!ไม่อยากเชื่อว่าแกจะใจจืดใจดำแบบนี้”
ว่าแล้ว หญิงชราก็ตบเขาด้วยความโกรธ
ชายวัยกลางคนหัวเราะ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ใช่แล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรปล่อยให้คุณมาที่นี่โดยที่ไม่ได้แจ้งให้เซ่เฉิงเฟยทราบก่อน ส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะพวกเราอายุมากกันแล้ว และเพิ่งได้กลับมาถึงประเทศจีนเป็นครั้งแรก ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ ผมเกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะความกังวลเรื่องความปลอดภัยของคุณ ผมคงไม่ต้องร้อนรนแบบนี้”
“ฮึ!”
หญิงชราไม่ตอบเขา เธอหมุนตัวกลับไปยังทางเดินวีไอพีที่อยู่ด้านหลังภายใต้การคุ้มกันของกลุ่มบอดี้การ์ด
จิ่งหนิงไม่รู้ว่าด้านหลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากกลับถึงบ้าน เธอก็อาบน้ำ และโทรหาหัวเหยาอีกครั้ง หลังจากรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอจึงวางสายโทรศัพท์ด้วยความพึงพอใจ
ขณะนี้ ภายในโรงแรมส่วนตัวอบอวลไปด้วยบรรยากาศโบราณ
ทันทีที่คุณนายจิ้นผ่านประตูไป เธอก็เห็นชายชรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เธอชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าประตูด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับถามขึ้นว่า:“ดึกขนาดนี้แล้ว?คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม?ทานอาหารเย็นแล้วหรือยังคะ?”
นายท่านใหญ่ไม่สนใจเธอ เขานั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง
หัวใจของเธอเต้นระรัว ภายในใจคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะรู้เรื่องเข้าแล้ว?
เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และส่งข้อความไปหาลูกชาย
สองนาทีต่อมา เธอได้รับข้อความตอบกลับ บอกเธอว่าเขาทราบเรื่องนี้แล้ว เมื่อช่วงเย็นภายในห้องพัก นายท่านใหญ่โกรธจัดจนพาให้เกิดอาการแน่นหน้าอก อาหารก็ไม่แตะ แถมยังอาละวาดครั้งใหญ่
อะไรนะ!
คุณนายใหญ่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยใบหน้าเรียบตึง เธอไม่ได้พูดอะไร
เดินไปยังห้องครัวอย่างเงียบๆ บอกให้คนรับใช้เตรียมอาหาร จากนั้นจึงยกมาให้เขาด้วยตัวเอง
“จะไม่ทานอาหารเย็นได้อย่างไร?มาทานอาหารเร็วเข้า!”
นายท่านใหญ่บนโซฟาทำเสียงฮึดฮัด พร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่กิน
คุณนายใหญ่ชำเลืองมองเขา เธอระงับความโกรธภายในใจ และพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเขาต่อ: “คุณคะ ถ้าคุณไม่ยอมทานอาหารเย็นแล้วเกิดปวดท้องอีก อย่าพาลหาเรื่องนะคะ ทานอาหารเร็วเข้า”
“ฮึ ฉันทำให้เธอลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ?ดึกตื่นค่อนคืน แอบออกไปหาชายกักขฬะคนนั้น แถมยังกล้าให้ชิงเฉิงพาคุณออกไปอีก!พักหลังนี้คุณแทบไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลย”
ใบหน้าของคุณนายใหญ่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ของเธอ อดทนไว้
“โอเค ฉันผิดเองค่ะ ฉันไม่ควรไปพบเขา งั้นคุณทานอาหารก่อนโอเคไหมคะ?”
“ไม่กิน!”
“กินสักคำเถอะ”
“ไม่กิน!”
คุณนายใหญ่:“… ”
เธอวางยาลงบนโต๊ะ ผุดลุกขึ้น และหมุนตัวขึ้นไปชั้นบน
นายท่านใหญ่ที่อยู่บนโซฟาถึงกับผงะ เขารีบถามขึ้น“คุณจะไปไหน?”
คุณนายใหญ่ตอบกับด้วยความโกรธ:“ขึ้นไปนอนสิ! ฉันออกไปข้างนอกมาทั้งวัน คิดว่าฉันไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”
“แต่ผมยังไม่ได้กินข้าว!”
“งั้นคุณก็กินเสียสิ!”
สีหน้าของนายท่านใหญ่เปลี่ยนไป เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก…
ในที่สุด เขาก็มีสีหน้าลำบากใจ จึงเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ:“คุณสัญญากับผมไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าคุณจะไม่ไปเจอกับชายกักขฬะนั่นอีก!”
คุณนายใหญ่:“… ”
เห็นสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่าย ทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบลงในทันใด
เธอก้าวไปด้านหน้า และพูดปลอบใจเขา:“โอเคค่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันผิดเอง ฉันแค่อยู่บ้านเบื่อๆ อยากไปเดินเล่นด้านนอก แล้วบังเอิญเดินไปที่นั่นพอดี ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
“คุณเบื่อ คุณออกไปเดินเล่นกับผมก็ได้ ทำไมคุณไม่ชวนผม?ฮึ!คุณตั้งใจจะไปหาชายกักขฬะคนนั้นใช่ไหม!”
“ฉัน…” คุณนายใหญ่ปวดหัวเล็กน้อย
เธอกลอกตา และพูดขึ้นอย่างมีเลศนัย:“อันที่จริงแล้ว วันนี้ฉันไม่ได้ไปหาเสี่ยวเฟยเฟยจริงๆ หรอก… ”
“คุณเรียกเขาว่าเสี่ยวเฟยเฟย !!!” คุณท่านใหญ่เกรี้ยวกราด
คุณนายใหญ่:“… ”
“วันนี้ฉันไม่ได้คิดจะไปหาเซ่เฉิงเฟย แต่ฉันตั้งใจจะไปหาหลานสะใภ้ให้พวกเราต่างหาก”
แน่นอนว่า เมื่อเธอเอ่ยถึงหลานสะใภ้ ก็เบี่ยงความสนใจของนายท่านใหญ่ไปทันที
“หลานสะใภ้?”
“ใช่ค่ะ!” คุณนายใหญ่รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอรีบหารูปถ่ายจากในเครื่อง
“ดูสิ สาวน้อยคนนี้สวยมากใช่ไหมคะ?ฉันขอบอกคุณเลยว่า เธอสวยกว่าในรูปมาก ถ้าเธอแต่งงานกับอายวนของเรา ลูกที่เกิดมาจะต้องหน้าตาดีกว่านี้แน่ ๆ”
คุณท่านใหญ่มองภาพนั้นสักพัก แล้วเบ้ปาก“คุณตอนสาวๆ สวยกว่าตั้งเยอะ”
คุณนายใหญ่ได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย“ไร้สาระ! ฉันตอนสาวๆ ยังไม่สวยเท่าเธอเลย”
“คุณคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในใจของผม”
ขณะนั้นเอง จิ้นชิงเฉิงที่เพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้พอดี เห็นทั้งสองพลอดรักกันต่อหน้าเขา ทำเอาเขาไปไม่ถูกเลยทีเดียว
เดิมทีค่อนข้างกังวลว่าแม่ของเขาอาจจะจัดการชายชราไม่ได้ ดังนั้นจึงแวะเข้ามาดูทั้งคู่เสียหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเขาคงคิดมากเกินไป
เมื่อคุณนายใหญ่เห็นเขาเข้า เธอก็รีบพูดขึ้น:“ชิงเฉิง มานี่หน่อย!”
จิ้นชิงเฉิงเดินเข้าไปหา
“ลองดูหน่อยสิ สาวน้อยคนนี้หน้าตาเป็นยังไงบ้าง?”
พูดแล้ว ก็ยกโทรศัพท์ขึ้น
จิ้นชิงเฉิงสังเกตดูรูปในโทรศัพท์ และแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา:“สวยมาก”
“สวยใช่มั้ย!” หญิงชรารู้สึกดีใจราวกับเธอเป็นผู้ถูกชมเชยเสียเอง เธอเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย:“แนะนำให้กับอายวนให้เธอมาเป็นสะใภ้ของเราดีไหม?”
จิ้นชิงเฉิงเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น
รู้สึกขบขันเล็กน้อย
ถึงแม้คุณนายใหญ่และนายท่านใหญ่จะอายุมากแล้ว แต่คุณนายใหญ่ก็ไม่ยอมที่จะแก่ตามวัย อีกทั้งยังติดตามดาราสมัยปัจจุบันอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เหมือนวัยรุ่นเสียทีเดียว มีหลายเรื่องบนอินเทอร์เน็ตที่เธอยังไม่รู้
เขามองผู้อาวุโสทั้งสองด้วยสีหน้าอ่านยาก แล้วเอ่ยถามขึ้น “พวกคุณชอบเธอจริงๆ เหรอ?”
“ใช่สิจ้ะ!” คุณนายใหญ่ตอบอย่างตื่นเต้น เธอถือรูปขึ้น มองซ้ายมองขวา ไม่ว่าจะมองมุมไหนเธอก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
“ฉันคิดว่าเธอดูดีทีเดียว ฉันเคยคุยกับเธอ นิสัยเธอก็ดี อายวนของพวกเราไม่ค่อยชอบพูด บวกกับความสดใสน่ารักของเธอ ช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”
จิ้นชิงเฉิงหัวเราะหนักกว่าเดิม
“โอเคครับ ผมรู้จักเธอพอดี ไว้วันหลังผมแนะนำให้พวกคุณรู้จัก?”
เมื่อคุณนายใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็นิ่งไป
เธอพูดอย่างตื่นเต้น:“จริงเหรอ?”
“ผมเคยล้อเล่นเหรอ?แต่ผมไม่มีความเห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ว่าอะไร รอให้พวกคุณได้พบกับลูกชายตระกูลลู่คนนั้นก่อน ถ้าเขาเกิดคว้ามีดมาวิ่งไล่คุณขึ้นมา ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนพวกคุณนะครับ”
ผู้อาวุโสทั้งสองถึงกับชะงัก
“เด็กหนุ่มตระกูลลู่?หมายถึงลู่จิ่งเซินหรือ?เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา?”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับเขาล่ะครับ?ก็นี่คือภรรยาของเขาที่จดทะเบียนสมรสแล้ว แต่แม่กลับอยากได้เธอมาเป็นหลานสะใภ้ของแม่เอง แม่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับเขาหรือเปล่าล่ะครับ?”
คุณนายใหญ่:“… ”
คุณท่านใหญ่:“… ”