บทที่ 278 ปวดใจแทนเขา
จิ่งหนิงถูกลู่จิ่งเซินรังแกจนดึก
เมื่อจิ่งหนิงถูกเขาอุ้มออกมาจากห้องน้ำ เธอก็หมดสภาพแล้ว ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา
ปล่อยให้ชายคนนั้นอุ้มเธอมาไว้ที่เตียง หลังจากนั้นเขาจึงนำไดร์เป่าผมมาเป่าผมเธอให้แห้ง พร้อมกับห่มผ้าให้ โดยที่เธอไม่ต้องขยับตัวแม้แต่นิดเดียว
ลู่จิ่งเซินปิดไฟและนอนลง
เขาเหยียดแขนออกเพื่อที่จะกอดเธอ
แต่สาวน้อยคนนั้นกลับพลิกตัวหันหลังให้เขา ราวกับเธอไม่อยากคุย หรือแม้แต่จะโต้ตอบเขา
ลู่จิ่งเซินยิ้ม เขาไม่ได้ว่าอะไร ร่างใหญ่ซ้อนตัวไปที่ด้านหลังของเธอ นำเธอมากอดเธอไว้ในอ้อมอก และกระชับอ้อมแขนแน่น
“งานสัมมนาของผมพรุ่งนี้ อาจใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าผมจะได้กลับมา รอผมกลับมาและพาคุณไปฝรั่งเศสด้วยกัน ไปให้กำลังใจเพื่อนสนิทของคุณคลอดลูกดีไหม?”
จิ่งหนิงไม่อยากคุยกับเขา แต่พอได้ยินคำว่าฝรั่งเศส เธอก็มีพลังขึ้นมาทันที
เธอลืมตาขึ้นเพื่อที่จะถามอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เธออยู่ในห้องน้ำเมื่อสักครู่ ตัวเธอเองขอร้องเขาอย่างไรเขาก็ไม่หยุดเสียที ภายในใจยังคงรู้สึกโกรธอยู่ ดังนั้นจึงตัดใจไม่พูด
ลู่จิ่งเซินเล่นกับผมของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง เกลี่ยปอยผมนุ่มลื่นราวกับผ้าไหมกับมือใหญ่ของเขา และพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม“การสัมมนาในครั้งนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน อย่างเร็วที่สุดก็ใช้เวลาครึ่งเดือนกว่าจะได้กลับมา คุณอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
ผมให้โม่หนานมาอยู่ดูแลคุณที่นี่ และบอกป้าหลิวให้บินกลับมาแล้ว ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็บอกพวกเธอได้ ส่วนถ้าเป็นปัญหาเรื่องงาน คุณสามารถไปขอความช่วยเหลือจากฟู่หย่วนหางหรือเซ่เซียวก็ได้ หรือจะกลับไปยังที่พักเดิมให้คุณย่าช่วยก็ได้ ”
จิ่งหนิงทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอหันกลับมา และมองเขาด้วยสีหน้ากังวล
“งานอะไรเหรอคะ?ทำไมใช้เวลานานจัง”
ลู่จิ่งเซินไม่ตอบ
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากของเธอ และเอื้อมมือกอดเอวของเขาไว้ กดใบหน้าน้อยเข้ากับหน้าอกของเขา
“ฉันแค่รู้สึกปวดใจแทนคุณ คุณแบบรับภาระทั้งหมดของตระกูลลู่ไว้บนบ่า ต้องเหนื่อยมากเลยใช่ไหมคะ?”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะเบา ๆ
“คุณปวดใจแทนผมเหรอ?”
“ค่ะ“จิ่งหนิงพยักหน้า
“งั้นก็จูบผมหน่อยสิ”
“ฝันไปเถอะ!”
จิ่งหนิงตบเข้าไปที่บ่าเขา แม้ว่าจะรู้ว่าความลำบากเป็นเรื่องปกติ แต่จิ่งหนิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจ
ทุกคนที่มองผู้ชายคนนี้ ต่างเห็นเพียงแค่ความยิ่งใหญ่ของเขา มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่า เขาต้องทนรับแรงกดดันมากแค่ไหน!
ในท้ายที่สุด เธอก็กระชับแขนของเธอ กดใบหน้าไว้ที่หน้าอกของเขา และไม่พูดอะไรอีก
กลางคืนยาวนานและเงียบสงบ
อาจเป็นเพราะเหนื่อยกับเรื่องเมื่อคืนมาทั้งคืน ทำให้คืนนี้จิ่งหนิงหลับลึกมาก
พอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง
เธอมองไปยังนาฬิกาปลุกที่แผดเสียงร้อง และรีบลุกขึ้นจากเตียงทันที
เมื่อเธอขยับตัว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้แล่นปราดไปทั่วร่างกาย ราวกับถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งทับ
จิ่งหนิงนอนลงอีกครั้ง เธอนำหมอนมาปิดหน้าไว้ และโอดครวญเบาๆ
ถ้าเธอรู้ว่าจะเกิดเรื่องเมื่อคืนขึ้น เธอจะไม่ห่วงเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
วันนี้จะต้องออกเดินทางไปสัมมนาอยู่แล้ว เมื่อคืนยังคิดที่จะรังแกเธออีกทั้งคืน คิดไปคิดมาจึงได้รู้ว่าชายคนนั้นได้เตรียมแผนการไว้ล่วงหน้าแล้ว
เธอถอนหายใจ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล
พาร่างอันไร้เรี่ยวแรงของเธอ เข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ
แม้ร่างกายจะปวด แต่ทั้งตัวกลับสะอาดสดชื่น อาจเป็นเพราะคนที่ช่วยเธออาบน้ำเมื่อคืน
จิ่งหนิงแปรงฟันล้างหน้าอย่างลวกๆ เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงทรงดินสอ จากนั้นก็ออกไปพร้อมกระเป๋า
เรื่องของเห้อเฉินจุนที่เมื่อวานนี้ เสี่ยวเฉินได้พูดคุยกับเธอ
หลังจากได้คุยกับลู่จิ่งเซินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขากลับรู้จักสามีของผู้หญิงคนนั้น แต่แค่ไม่ได้สนิทกัน อีกฝ่ายเป็นปลาใหญ่ในวงการการลงทุน ไม่เคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของทั้งสองสามีภรรยามาก่อน ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
จิ่งหนิงไม่ได้ขอให้ลู่จิ่งเซินยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องนี้ เพราะทันทีที่เขาเข้ามาช่วย มันจะเท่ากับว่าเขาออกหน้าปกป้องเห้อเฉินจุนด้วยตัวเอง
แม้อีกฝ่ายจะรักษาหน้าของเขา แต่นี่ก็เท่ากับว่าลู่จิ่งเซินจะต้องเป็นหนี้บุญคุณอีกฝ่ายเช่นกัน
จิ่งหนิงไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้น ในวันนี้เธอจึงตัดสินใจคุยกับเห้อเฉินจุนเป็นการส่วนตัว ทำความรู้จักกับคนๆ นี้อย่างละเอียดก่อนค่อยตัดสินใจ
เมื่อมาถึงบริษัท จิ่งหนิงจึงขอให้ เสี่ยวเฉินโทรเรียกเห้อเฉินจุนเข้าพบ
เมื่ออีกฝ่ายมาถึงห้องทำงาน เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอ
เนื่องจาก เธอดันไปเห็นเรื่องเมื่อคืนเข้า แล้วยังได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นอีก ราวกับเขากำลังโป๊เปลือยต่อหน้าเธออย่างไรอย่างนั้น เป็นใครก็รู้สึกไม่ดี
จิ่งหนิงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนั้น แต่เห้อเฉินจุนรู้สึกผิดมากจนไม่กล้ามองเธอตรงๆ ระหว่างการสนทนา
หลังจากการสนทนา จิ่งหนิงก็พบว่า เห้อเฉินจุนที่ภายนอกดูมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว กลับเป็นผู้ชายซื่อ ๆ โง่ ๆ คนหนึ่ง
เหตุผลที่เขาเคยอยู่กับนักลงทุนหญิงคนนั้น ก็เพราะว่างานเลี้ยงนั้นเขาดื่มจนเมามาย ภายใต้การชักชวนของอีกฝ่าย ทำให้เขาทำอะไรโดยที่ไม่ทันยั้งคิด หลังจากนั้นเธอจึงใช้เรื่องนี้มาข่มขู่เขา ดังนั้นเขาจึงต้องยอมเธอเรื่อยมา
จิ่งหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ไม่เคยคิดว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้
เรื่องอื้อฉาวที่แพร่สะพัดในช่วงนี้ ไม่มีเรื่องจริงเลยสักเรื่อง ไม่เป็นเพราะความเข้าใจผิด ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการเกาะกระแสข่าวของเขาเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับตัวเอง
ก่อนที่จะพบกับกวนเสว่เฟย เห้อเฉินจุนเคยอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว
ภายใต้การหลอกล่อของผู้หญิงคนนั้น เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายชอบเขาจริงๆ เละเชื่อว่าเธอพร้อมที่จะหย่ากับสามี เพื่อสร้างครอบครัวกับเขา
จนกระทั่งครั้งหนึ่ง เขาบังเอิญรู้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้มีเขาเพียงคนเดียว เธอยังมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในตอนนั้นอยู่อีกด้วย จากนั้นเขาก็ตาสว่าง
ต่อมาเขาจึงได้พบกับกวนเสว่เฟยโดยบังเอิญ และทั้งสองก็ถูกใจกัน…
หลังจากที่จิ่งหนิงฟังจบ เธอก็หมดคำพูดอะไรไปชั่วขณะ
ไม่รู้ว่าจะโทษสัจธรรมของโลกใบนี้ หรือความตื้นเขินของผู้ชายตรงหน้านี้ดี
เธอถอนหายใจ และโบกมือให้เสี่ยวเฉินพาเขาออกไป
เธอได้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการแก้ไขปัญหานี้
ถ้าจะให้พูดไป เรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จัดการได้ง่าย
ทางเลือกแรกคือ ตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เขาก่อไว้ เพราะถ้าเห้อเฉินจุนคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่ ใช้เงินซื้อความภักดีของเขาไว้ก็ถือว่าคุ้มค่า
ทางเลือกที่สองคือ ปล่อยเลยตามเลย เพราะหลังจากสังเกตดูท่าทีของเขาแล้ว ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไร เขาก็ไม่มีทางที่จะข่มขู่เธอได้อย่างครั้งที่แล้วอีก
จิ่งหนิงยกเรื่องนี้ให้ลู่จิ่งเซินตัดสินใจ
ไม่นาน ลู่จิ่งเซินก็ส่งข้อความกลับมา
ราวกับหิมะปกไว้
อันที่จริง คำตอบนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเธอเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเห้อเฉินจุนจะก่อเรื่องอะไรไว้ก็ตาม ในสายตาของลู่จิ่งเซิน ล้วนเป็นเรื่องที่ไร้ค่าสำหรับเขาทั้งสิ้น