บทที่ 284 พบเรื่องดีเกินคาด
เสี่ยวขุยหรอ?
ทำไมถึงเป็นเธอล่ะ?
เรื่องของจิ่งเสี่ยวหย่าผ่านมาเกือบสามเดือนแล้ว
ในตอนนั้น ตอนที่จิ่งหนิงอยู่บนเกาะซีหนิง เคยได้รับจดหมายแปลกฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายเป็นเครื่องบันทึกเสียง ซึ่งเป็นชิ้นเดียวกับที่เปิดให้สื่อมวลชนและเหล่าตำรวจฟัง
เพราะเป็นสิ่งของอำพรางชื่อ ด้วยเหตุนี้จิ่งหนิงเลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา แต่เธอใช้มันโดยไม่ต้องทุ่มเทอะไรเลย
อีกอย่างด้วยเหตุนี้ตระกูลจิ่งจึงพินาศ
หลังจากผ่านไป จิ่งหนิงส่งคนไปสืบที่มาของเครื่องบันทึกเสียง ไม่นานก็สามารถสืบได้ว่าเป็นของเสี่ยวขุย
ในตอนนั้นเธอรู้สึกตกใจช็อกมาก และเคยคิดจะไปหาเสี่ยวขุยเพื่อตอบแทน
แต่ในตอนนั้นไม่ว่าเธอจะตามหายังไงก็ไม่พบเบาะแสของเสี่ยวขุยเลย
เพราะเครื่องบันทึกเสียงก่อนหน้าที่ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตช่วยเป็นพยานให้กับจิ่งหนิง ดังนั้นจิ่งเสี่ยวหย่าจึงถูกจับได้ว่า เธอเป็นคนวางยาให้กับจิ่งหนิง และเรื่องใส่ร้ายป้ายสีอื่นๆ จนเสี่ยวขุยถูกกระแสโซเชียลกดดันเป็นระยะหนึ่ง
ถึงแม้มีคนจำนวนไม่น้อยแสดงจุดยืนสนับสนุนและเชื่อเธอ แต่คนส่วนใหญ่เกิดความสงสัยมากกว่า
ในตอนนั้นเธอตามหาเสี่ยวขุยไม่เจอเลย จิ่งหนิงเลยคิดว่าเธอคงมีเจตนาดีเท่านั้น เลยไม่ตามหาเธออีก
แต่คิดไม่ถึงวันนี้กลับเห็นประวัติส่วนตัวของเธอที่นี่
จิ่งหนิงครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายก็ส่งข้อความไปหาเสี่ยวเหอ
จากนั้นก็กดหมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนบนประวัติส่วนตัว และโทรไปหา
ไม่นานก็มีคนรับสายขึ้น
จากนั้นก็มีน้ำเสียงผู้หญิงอ่อนหวานของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้น
“ฮาโหล สวัสดีค่ะ ใครค่ะ?”
“เสี่ยวขุย นี่ฉันเอง” จิ่งหนิงพูดขึ้น
ฝ่ายตรงข้ามนิ่งเงียบชั่วขณะ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงตกใจของเสี่ยวขุยขึ้น
“จิ่ง….จิ่งหนิงหรอ?”
จิ่งหนิงยิ้มแย้ม “อืม ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว เหมือนกับแปลกใจใช่ไหม?”
เสี่ยวขุยเหมือนกับทำตัวไม่ถูก เธอรีบพูดอธิบายว่า : “เปล่า ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะโทรมาหาฉัน คุณรู้หมายเลขโทรศัพท์ของฉันได้ยังไงค่ะ?”
นับตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะไม่สามารถทนการก่อกวนของชาวเน็ตและสื่อมวลชน เธอเลยเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ใหม่
ด้วยเหตุนี้ คนที่รู้หมายเลขโทรศัพท์ของเธอตอนนี้มีไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อจิ่งหนิงได้ยินคำถามของเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ฉันเห็นคุณส่งประวัติส่วนตัวมาที่บริษัทซิงฮุย เลยโทรมาตามหมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนไว้ ประวัติส่วนตัวนี้เธอไม่ได้เป็นคนยื่นเองหรอกหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
เสี่ยวขุยพูดอย่างรีบร้อน แล้วหยุดนิ่งชั่วขณะ แล้วพูดต่อว่า “ขออภัย ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะช่วยฉันส่งที่ไปหาคุณ ขออภัยด้วยค่ะ”
พูดจบก็รีบวางสายทันที
จิ่งหนิงรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ เลยรีบพูดขึ้นว่า “เดียวก่อน”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกลัวฉันมากจังเลย? ฉันจำไม่ได้เลยว่าฉันเคยมีเรื่องกับเธอหรือเปล่า และเรื่องที่ให้โม่หนานพาเธอไปโรงแรมครั้งนั้นก่อนหน้านี้ก็ไม่ถือว่ามีปัญหาด้วย”
เสี่ยวขุยหัวเราะอย่างเก้อเขินเล็กน้อย
“พี่จิ่งหนิง ไม่ใช่เพราะคุณมีเรื่องกับฉันหรอก แต่ฉันรู้สึกละอายใจต่อคุณต่างหาก เพราะตอนนี้ฉันกำลังหางาน เลยฝากให้เพื่อนช่วยส่งประวัติส่วนตัวสมัครงาน อาจเป็นเพราะเธอไม่ทันคิด เลยส่งไปที่บริษัทซิงฮุย ฉันรู้ว่าคุณต้องเกลียดฉันมาก เพราะในตอนนั้นสิ่งที่ฉันทำกับคุณ….ขออภัยด้วยจริงๆ”
จิ่งหนิงยิ้มแย้ม
“ไม่ต้องพูดขอโทษกับฉันแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอให้เครื่องบันทึกเสียงนั้นให้กับฉัน ฉันคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างราบรื่นขนาดนี้หรอก”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เสี่ยวขุยก็นิ่งเงียบ
“ฉันแต่อยากไถ่บาปเท่านั้น ในตอนนั้นเพราะแม่ของฉันป่วย เลยไม่สามารถติดตามจิ่งเสี่ยวหย่า ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอกระทำเรื่องเหล่านั้น มักรู้สึกว่าในอนาคตเวรกรรมต้องตามทันแน่
ฉันไม่สามารถห้ามปรามเธอได้เลย และในหลายครั้งฉันก็ต้องช่วยเธอก่อกรรมทำชั่ว แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่ฉันเก็บเครื่องบันทึกเสียงนั้น เพราะกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะทำร้ายฉัน เพราะฉันรู้เรื่องมากเกินไป ดังนั้นฉันแค่เก็บไว้ปกป้องตัวเองเท่านั้น
ต่อมาฉันรู้เรื่องแม่ของคุณ ฉันคิดว่าของสิ่งนี้อาจช่วยคุณได้ เลยมอบให้กับคุณ”
จิ่งหนิงยิ้มและพูดว่า : “คุณคิดไม่ผิดเลย มันช่วยฉันได้เยอะเลยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณยินดีอยากช่วยฉันต่อไปไหมค่ะ?”
เสี่ยวขุยนิ่งอึ้งเล็กน้อย เหมือนกับไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเธอ
จิ่งหนิงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า : “ฉันต้องการผู้ช่วยคนหนึ่ง คุณอยากมาเป็นไหมค่ะ?”
เสี่ยวขุยรู้สึกเหมือนกับพบเรื่องดีเกินคาด
“ฉันหรอ? ฉัน ฉันได้หรอค่ะ?”
“แน่นอน”
จิ่งหนิงเป็นคนมองใครไม่เคยผิดมาตลอด
นอกจากมู่ยั่นเจ๋อคนนั้นแล้ว หลายปีมานี้เธอยังไม่เคยมองใครพลาดมาก่อนเลย
ในตอนนั้นถึงแม้เสี่ยวขุยจะติดตามจิ่งเสี่ยวหย่า แต่เธอกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูไม่เหมือนคนใจร้ายใจดำเหมือนภาพลักษณ์
ที่ติดตามจิ่งเสี่ยวหย่า และช่วยงาน คงเกรงว่าต้องมีเหตุผลอื่นด้วยแน่เลย
ความจริงพิสูจน์แล้ว เธอคาดเดาถูก
ในตอนนี้เสี่ยวขุยรู้สึกดีใจมากจนไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองแล้ว ไม่นานก็เก็บรอยยิ้ม แล้วซักถามอย่างลังเลว่า : “แต่ก่อนหน้านี้ฉัน…….”
“เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว ขอเพียงเธอรับปากว่า ในอนาคตจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเองก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
เสี่ยวขุยรีบรับปากขึ้น “ฉันขอสัญญาค่ะว่า ในอนาคตจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นอีก”
จิ่งหนิงยิ้ม พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ
“จริงสิ ได้เวลาแล้ว งั้นฉันไม่คุยอะไรมากกับเธอแล้วนะ เธอคงรู้ช่องทางการติดต่อกับเสี่ยวเหอใช่ไหม หากว่างวันไหนก็ไปติดต่อกับเธอนะ เธอจะได้ช่วยจัดการทุกอย่างให้กับเธอ”
เสี่ยวขุยรีบตอบรับด้วยความดีใจ พร้อมกล่าวคำขอบคุณ
จิ่งหนิงวางสายลง
โม่หนานรู้ว่าถึงเวลาเลิกกองแล้ว เลยขับรถมารับเธอ เพราะกองถ่ายละครอยู่ใกล้กับเมืองหลวง ด้วยเหตุนี้สามารถขับพาไปส่งที่วิลล่าเฟิงเฉียวได้เลย
โดยที่โม่หนานเป็นคนขับรถพร้อมเป็นบอดี้การ์ดให้กับเธอ
โม่หนานเดินเข้ามาจากที่ไกล เมื่อเห็นเธอยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงนั้นก็ซักถามด้วยความสงสัยว่า : “หนิงหนิง คุณพบเรื่องดีอะไรมาหรอ? ทำไมดีใจอะไรขนาดนั้น?”
จิ่งหนิงเล่าเรื่องเสี่ยวขุยให้เธอฟัง
หลังจากโม่หนานฟังจบก็นิ่งเงียบสักพัก
เธอส่ายหน้าเล็กน้อย “ถึงแม้คุณบอกว่าเชื่อในสายตาของตัวเอง แต่ฉันก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เธอ….คงไม่ติดต่อกับเสี่ยวขุยใช่ไหม?”
ถึงแม้ตระกูลจิ่งล้มแล้ว แต่จิ่งเสี่ยวหย่าไม่ได้เข้าคุก
ในตอนนั้นจิ่งหนิงยุ่งจัดการธุระอื่น เลยไม่ได้สนใจเธอ ต่อมาเมื่อส่งคนไปสืบ พบว่าไม่เจอเบาะแสของเธอแล้ว
อีกอย่างเธอขี้เกียจเอาเวลามาเสียเวลากับเธอด้วย ดังนั้นเลยไม่ได้สนใจอีก
เมื่อได้ยินโม่หนานถามแบบนั้น จิ่งหนิงก็ครุ่นคิด และส่ายหน้าเล็กน้อย
“ถึงแม้เสี่ยวขุยเด็กคนนี้มีเจตนา แต่พื้นฐานเธอไม่ใช่คนเลว สามารถเห็นได้จากที่เธอให้ความสำคัญต่อแม่ของตัวเอง ลูกผู้หญิงกตัญญูสามารถเป็นคนเห็นแก่ตัวบ้าง แต่ไม่สามารถเลวคงขนาดนั้นหรอก ถือเป็นว่าช่วยเหลือเธอ ในตอนนั้นที่มอบเครื่องบันทึกเสียงให้กับฉันล่ะกัน!”
โม่หนานขมวดคิ้วเล็กน้อย
จิ่งหนิงพูดต่อว่า : “เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ทุกคนคงรู้ว่าเธอเป็นคนทรยศเจ้านาย ถึงแม้เธอไม่ได้ทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าจ้างเธอหรอก
ประวัติส่วนตัวของเธอสามารถยื่นมาที่ฉันได้ ถึงแม้เธอบอกว่าเป็นเพื่อนของเธอที่ยื่นมา แต่ก็เป็นไปได้ว่าเธอตั้งใจยื่นมาที่บริษัทซิงฮุย อยากทดสอบพฤติกรรมของคุณ
เพราะในวงการบันเทิงในตอนนี้ นอกจากคุณแล้ว ไม่มีใครกล้าจ้างเธอแล้ว?”