บทที่ 291 มีเรื่องอื่นแอบแฝงอยู่อีก
แต่แม้ว่าเธอจะไว้ใจไม่ค่อยได้มาก ก็ไม่ถึงกับไว้ใจไม่ได้ถึงขั้นนี้
เครื่องประดับชุดนี้ เป็นนายหญิงมอบให้เธอในสมัยก่อน บอกว่าเดิมทีอยากจะเก็บไว้ให้กับเธอเป็นสินสอด ในเมื่อเธอไม่คิดที่จะแต่งงาน ก็ถือโอกาสให้เธอโดยตรงเสียเลยละกัน
ด้วยเหตุนี้ เห็นได้ชัดถึงความหมายของเครื่องประดับชุดนี้
จี้หยุนซูจ้องมองเขา ขยับริมฝีปากขยับแล้วขยับอีก อยากจะพูดอะไร
สุดท้ายถึงที่สุดก็ยังคงอดทนไม่ไหว
ถึงยังไงลู่หลันจือก็เป็นป้าแท้ๆของลู่จิ่งเซิน อีกทั้งเพราะว่าพ่อแม่ของลู่จิ่งเซินเสียชีวิตเร็ว ตั้งแต่เด็กย่อมได้ดูแลเขาอย่างมากอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้แม้ว่าสังเกตเห็นเธอเกิดเรื่องบางอย่างแล้ว ก็ไม่เหมาะที่จะพูดอยู่ต่อหน้าต่อตาตรงเกินไป
จิ่งหนิงก็เข้าใจความคิดของจี้หยุนซูเช่นกัน
เพียงแค่สิ่งที่ไม่เหมือนคือ อยู่ดีๆเธอนึกได้ถึงว่าหลายวันก่อน ลู่หลันจือจู่ๆมาถึงวิลล่าเฟิงเฉียวพูดถึงเรื่องของวัตถุโบราณ
“จิ่งเซิน คุณยังจำได้ว่าตอนสี่วันก่อน คุณป้ามาอาละวาดที่คฤหาสน์ บอกว่าเรื่องที่ฉันไม่สมควรที่จะไม่ตั้งวัตถุโบราณของเธอออกมาหรือไม่?”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า “จำได้ เป็นยังไงหรือ?”
“ฉันรู้สึกว่าในนั้นมีความแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่ก่อนคุณป้าไม่เคยยุ่งเรื่องเหล่านี้มาก่อน ทำไมจู่ๆวิ่งมาถามถึงวัตถุโบราณเหล่านั้นล่ะ คุณคิดว่าตัวเธอเองอยากจะเอาวัตถุโบราณเหล่านี้กลับไปใช่หรือไม่ เพียงแค่ไม่รู้จะเอ่ยปากกับฉันยังไง จึงแกล้งทำเป็นอารมณ์เสีย เดิมทีอยากจะยั่วฉันเอาของคืนให้เธอ สุดท้ายเพียงแค่คุณกลับมาแล้วจึง …….”
ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วขึ้น
จี้หยุนซูไม่รู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลย แต่ว่าเขาเป็นฉลาดคนหนึ่ง เพียงอาศัยคำพูดไม่กี่คำของจิ่งหนิง ก็เข้าใจได้คร่าวๆบ้างแล้ว
เขาตาโบ๋จ้องมองลู่จิ่งเซินหนึ่งที
ลู่จิ่งเซินเงียบไปสักพัก เสียงเข้มพูดว่า “เรื่องนี้ผมส่งซูมู่ไปสืบแล้ว คาดว่าสองวันนี้น่าจะมีผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องอะไร เครื่องประดับชุดนี้ล้วนไม่ควรระเหเร่ร่อนไปถึงสถานที่แบบนี้ หลังจากสืบได้แล้ว ผมจะถามคุณป้าให้ชัดเจนสักหน่อย”
จิ่งหนิงนี่จึงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
จี้หยุนซูเห็นสภาพ ยื่นมือตบไหล่ของเขาตบแล้วตบอีก
“คุณก็ไม่ต้องคิดมากเลย แม้ว่าสถานะของตระกูลลู่ในปัจจุบันนี้อ่อนไหว ง่ายที่จะถูกคนจับจุดอ่อนสร้างความยุ่งยากกับเรื่องขี้ประติ๋วมาก แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นที่จะหวาดผวาระแวงไปหมด สืบให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า
คนทั้งหลายออกไปอย่างจิตใจร้อนรุ่ม
ลู่จิ่งเซินส่งจี้หยุนซูกลับไปที่บัณฑิตวิทยาลัยของเขาก่อน นี่จึงขับรถกลับไปพร้อมกับจิ่งหนิงด้วย
คิดไม่ถึง เพิ่งถึงบ้าน ก็ได้รับสายของซูมู่
“ท่านประธาน ก่อนหน้านั้นเรื่องที่ท่านให้ผมไปสืบ ผมสืบได้แล้ว”
การเคลื่อนไหวของลู่จิ่งเซินหยุดชะงัก สีหน้าขึงลับลงมา
“คุณพูดมา”
ซูมู่ก็เล่าผลลัพธ์ที่สืบมาได้ให้กับเขาทีละเรื่อง
เห็นสีหน้าของลู่จิ่งเซินยิ่งมายิ่งขึงลับกับตา จิ่งหนิงกังวลใจเดินเข้าไป จับมือของเขาจับแล้วจับอีก
ผ่านไปสักพัก เขาเสียงเข้มพูดว่า “ผมรู้แล้ว คุณส่งคนไปจับตาไว้ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามไปก่อน รอคำสั่งของผมค่อยปฏิบัติ”
ฝั่งตรงข้าม ซูมู่เสียงเข้มตอบรับ ลู่จิ่งเซินนี่จึงวางสายลง
จิ่งหนิงเห็นเขาวางสายลงแล้ว รีบถามว่า “สืบออกมาได้หรือยัง? ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะเย็นชาหนึ่งเสียง
เขาไม่ได้พูดตามตรง แค่แต่จ้องมองไปยังจิ่งหนิง
“พรุ่งนี้คุณไปสถานที่หนึ่งเป็นเพื่อนผม ไปแล้วคุณก็จะเข้าใจ”
จิ่งหนิง “……..”
……
วันรุ่งขึ้น จิ่งหนิงตั้งใจลางานกับกองถ่าย ก็ตามลู่จิ่งเซินออกจากบ้านไปแต่เช้าตรู่
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนรถ ให้ซูมู่ขับรถ โม่หนานก็นั่งอยู่ข้างหน้า ไปยังตลาดการพนันหินด้วยกัน
ก่อนออกจากบ้าน ตอนที่ลู่จิ่งเซินพูดที่อยู่ออกมา แท้ที่จริงจิ่งหนิงก็เข้าใจไปแล้วบางส่วน
เพียงแค่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความประหลาดใจเล็กน้อยเหมือนเดิม
ตามที่รู้การสั่งสอนอบรมของตระกูลลู่คือเข้มงวดมาก สามารถพัฒนาถึงวันนี้ นอกจากความสามารถส่วนตนของคนในตระกูลลู่แล้ว สำหรับการควบคุมการกระทำของตนเองอย่างเข้มงวดมากก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน
ตระกูลลู่ห้ามคนรุ่นหลังติดกามราคะการพนันและยาเสพติดต่างๆอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะการพนันยิ่งออกเป็นคำสั่งข้อห้ามอย่างชัดเจน
แม้ว่าพนันหินไม่ถือว่าเป็นการพนัน แต่มากน้อยก็มีลักษณะที่เสี่ยงโชคเล็กน้อยอยู่ในนั้นด้วย
อีกทั้งถ้าหากว่าเครื่องประดับชุดนั้นเป็นลู่หลันจือเอาออกไปขายด้วยตนเองจริงๆแล้วล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าเธอถึงขั้นที่อับจนแล้ว
เล่นพนันหินสามารถทำให้ตนเองเล่นได้ถึงขั้นนี้ งั้นลักษณะกับการพนันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แล้ว
คนทั้งหลายขับรถไปครึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ถึงในสถานที่ตลาดการพนันหิน
ลักษณะตลาดการพนันหินในวันนี้ใหญ่กว่า หลายคนจอดรถแล้ว เพิ่งเดินถึงหน้าประตู ก็พบเห็นว่าที่นี่มีคนไม่น้อยเข้ามาแล้ว
ข้างในคนมากันมืดฟ้ามัวดิน จนเบียดเสียดยัดเยียด บนใบหน้าของทุกคนล้วนแขวนสีหน้าที่หนักอึ้งหรืออยากรู้อยากเห็น หรือตื่นเต้นดีอกดีใจไว้
หลายคนค่อยๆเดินไปยังข้างใน
ข้างในก็คือห้องโถงของตลาดการพนันหิน จัดเรียงโชว์ก้อนหินที่เพิ่งขุดออกมาต่างๆนานา คนที่โชคดีมาก อาจพนันเพียงแค่ก้อนเดียวก็สามารถพัฒนาธุรกิจของครอบครัวทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้นรวยได้ในชั่วข้ามคืน
คนที่โชคไม่ดี อาจเป็นไปได้แค่ในชั่วข้ามคืนก็สิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีอะไรเหลือเลย
ด้วยเหตุนี้ แท้ที่จริงแล้วพนันหินนี้ยิ่งคงอยู่ด้วยทำให้คนตื่นเต้นมากกว่าพนันไพ่
“คนทั้งหลาย วันนี้ก็มาขุดหินด้วยหรือ? ก่อนหน้านั้นไม่เคยเห็นพวกคุณมาก่อน มาครั้งแรกหรือ?”
เพิ่งเข้าไป ก็มีคนเข้ามาชวนคุย
วันนี้จิ่งหนิงสวมใส่หมวกแก๊ปที่ปีกหมวกต่ำกว่าใบหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ก็ไม่กลัวบุคคลจะจำได้
เธอจ้องมองคนคนนั้นหนึ่งที เพียงเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นคนหัวโล้นพุงพลุ้ยคนหนึ่ง ความแวววาวที่มีน้ำใจไมตรีและตื่นเต้นดีอกดีใจแวบวับอยู่บนใบหน้า ก็เหมือนดั่งหมาป่าที่หิวโหยเห็นเนื้อติดมันชิ้นหนึ่ง ในใจมีความไม่สบายเล็กน้อยโดยไม่รู้สาเหตุ
ซูมู่ขวางอยู่ข้างหน้าพวกเขา พูดกับคนนั้นว่า “พวกเราดูไปเรื่อยเปื่อย”
คนนั้นถูมือไปมาถูแล้วถูอีก ยิ้มพูดว่า “ได้ งั้นทุกคนดูตามสบาย ถ้าหากว่ามีอะไรไม่เข้าใจ ยินดีให้ไปขอคำแนะนำฝั่งโน้น”
เขาพูดอยู่ ยื่นนิ้วชี้ไปยังเคาน์เตอร์ขอคำแนะนำที่อยู่ไม่ไกลนั้นชี้แล้วชี้อีก
จิ่งหนิงเงยหน้ามองไป ยิ้มอย่างฉับพลันเลย
คิดไม่ถึง การบริการยังรอบคอบมากนะ
เธอพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก นอบน้อมพูดว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือน”
ฝั่งตรงข้ามก็เดินออกไปเลย ไม่ได้สนใจพวกเขาอีก
จิ่งหนิงกับคนอื่นๆทั้งสี่คนเตร็ดเตร่ไปในสถานที่เรื่อยๆ เพียงเห็นแค่ก้อนหินที่ใหญ่เล็กไม่เท่ากันบางส่วน ล้วนถูกติดเบอร์ไว้วาง
อยู่ที่นั่น
ข้างหน้าก้อนหินทุกก้อนล้วนล้อมรอบด้วยคนไว้ไม่น้อย ชี้นิ้วซุบซิบกับมัน ฟังพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ ดูเหมือนวิพากษ์วิจารณ์ดีเลวของก้อนหินก้อนนี้อยู่
เห็นอันที่ถูกใจ ย่อมสามารถลงมือได้ทันที
หลังจากซื้อก้อนหินแล้ว สามารถเลือกตัดอยู่ที่นี่ แล้วก็สามารถเอาไปให้คนอื่นตัดให้ด้วยตนเอง
จิ่งหนิงพูดเสียงเบาว่า “คุณคิดว่าพวกเรามาหาอย่างนี้ จะสามารถหาคุณป้าเจอหรือ?”
ลู่จิ่งเซินน้ำเสียงต่ำเย็นชา
“ลักษณะตลาดการพนันหินในวันนี้ใหญ่มาก ได้ยินว่าคือหินดิบหนึ่งงวดที่ขุดออกมาใหม่ในเวลาก่อนหน้านั้น หากว่าเธอเหมือนดั่งอย่างที่พวกเราคาดเดาแบบนั้นจริงๆ หลงใหลกับการพนันหิน ก็จะต้องมาอย่างแน่นอน”
จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
ลู่หลันจือเห็นแล้วเหมือนเส้นประสาทใหญ่ ตามความจริงในเมื่อเป็นคนที่ออกมาจากตระกูลลู่ ย่อมจัดการได้ไม่ค่อยง่ายอยู่แล้ว
ในเมื่อจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินได้พบเห็นความผิดปกติของเธอแล้ว แต่เพียงแค่ไม่ได้จับได้กับตา เธอก็อาจจะไม่ยอมรับ
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนได้แค่อาศัยวันนี้เข้ามาโดยตรง
เดินอ้อมไปรอบใหญ่หนึ่งรอบ รอแล้วไม่เจอลู่หลันจือ ระหว่างนั้นกลับได้เจอคนที่จะดึงพวกเขาไปดูหินดิบด้วยกันหลายกลุ่ม
มีพนักงานและมีลูกค้าที่มีน้ำใจไมตรีอื่นๆด้วย
เห็นทุกคนล้วนใส่เสื้อผ้าไม่ธรรมดา บุคลิกก็ดีมากด้วย เห็นแล้วก็ไม่ใช่เป็นคนธรรมดาก็ดึงไว้ถามทุกข์สุขอีกสักหน่อย