บทที่310 รับผิดชอบเธอ
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“เธอน่ะ! แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นเดือดเป็นร้อนแทน สมัยนี้คนหนุ่มสาวน่ะชอบเที่ยวเล่น ทั่วไปแล้วแต่งงานกันช้า พูดไปแล้วหยุนซูของเธอก็ยังไม่แก่แค่ยี่สิบเจ็ด ผ่านไปสักปีสองปีก็ยังไม่มีปัญหาหรอก”
เมื่อเธอพูดแบบนั้นคุณแม่จี้ ก็เกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
“นี่ เธออย่าพูดกับฉันแบบนี้นะ อย่ามากล่อมฉัน ฉันจะบอกเธอให้ ตอนนี้ฉันตั้งใจแล้วว่าเขาจะต้องมีหลานให้ฉัน ถ้าหากเขาทำไม่ได้ล่ะก็ พรุ่งนี้ฉันจะไม่ยอมรับเขาเป็นลูกชายฉันเลย”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชิงชิง ก็ส่ายหัวไม่กล่อมเธออีก
ในขณะนี้เองที่ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอกจากนั้น ก็เห็นจี้หยุนซูเข้ามา
เมื่อเห็นกลุ่มคุณนายไฮโซเต็มห้อง เขาก็นิ่งไปแล้วพูดขึ้น: “แม่ กลับมาแล้ว”
คุณแม่จี้ ตอบและหัวเราะ: “มานี่เร็ว มาทักทายป้า ๆ เขาหน่อย”
จี้หยุนซูฝืนยิ้มและทำได้เพียงเดินเข้าไปและกล่าวทักทายพวกเขาทีละคน
ทุกคนกล่าวชมสองสามคำอย่างสุภาพจี้หยุนซูจบการสนทนากับพวกเขา และไม่ได้นั่งลงด้วยซ้ำแต่รีบอยากขึ้นไปชั้นบน
คิดไม่ถึงว่าเดินไปยังไม่ทันถึงบันไดก็ถูกคุณแม่จี้ เรียกไว้
จี้หยุนซูต้องหยุดและหันกลับมามองเธอ “แม่ มีอะไรครับ?”
คุณแม่จี้ กระแอมเบา ๆ แล้วถามขึ้น: “เมื่อคืนแกไปไหน?”
จี้หยุนซูขมวดคิ้วเล็กน้อยถอนหายใจและพูด: “ไม่ได้ไปไหน มีปาร์ตี้กับพวกอาเซิน”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ คุณแม่จี้ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเขา สำรวจดู แน่นอนว่าเมื่อเห็นรอยขีดข่วนของผู้หญิงบางคนที่คอของเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะตาสว่างขึ้นและเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อดึงเสื้อผ้าของเขาลง
จี้หยุนซูตกใจไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรกันแน่จึงได้ปัดมือของเธอโดยไม่ตั้งใจ
แล้วขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่ ต่อหน้าคนเยอะแยะทำอะไรเนี่ย?”
คุณแม่จี้ ไม่สนใจต่อความไม่พอใจของเขา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่แวบเดียว แต่เธอก็สามารถเห็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่บนร่างกายของเขาเมื่อคืนนี้ได้ เธออดไม่ได้ที่จะปิดฝีปากของเธอและหัวเราะคิกคัก
รอยยิ้มของเธอทำให้จี้หยุนซูอดไม่ได้ที่จะโมโหอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นได้ เขาเบิกตาโพลงและมองไปที่เธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
จากนั้นก็โกรธเล็กน้อยกัดฟันพูด: “เมื่อคืนเป็นฝีมือแม่ใช่ไหม?”
คุณแม่จี้ เองก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ถูกเขาดุ แต่เมื่อนึกถึงความตั้งใจของเธอเองเธอก็ยังคงตะคอกออกไป
“เป็นแม่แล้วจะทำไม? ใครใช้ให้แกไม่พาผู้หญิงกลับมาบ้านเลยสักคนในหลายปีนี้? แกดูสิว่าแกโตแค่ไหนแล้ว ยี่สิบเจ็ดแล้ว มีผู้ชายคนไหนเป็นแบบแกบ้าง ยี่สิบเจ็ดแล้วยังบริสุทธิ์อยู่อีก!
ฉันต้องคิดถึงหน้าตาของตระกูลจี้ของเรา แกรู้รึเปล่าว่าคนอื่นเขาพูดกันว่ายังไง เขาบอกว่าลูกชายฉันไร้น้ำยา พวกเราตระกูลจี้ไม่มีทายาทแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย คงต้องถูกคนอื่นเขานินทาลับหลัง”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ตนเอง จี้หยุนซูก็โกรธจนแทบหายใจไม่ออก
“แม่ แม่ทำแบบนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องเหรอ?”
คุณแม่จี้ ไม่สนใจ “ฉันหาเรื่องยังไง? ฉันอยากอุ้มหลานผิดรึไง?”
หลังจากหยุดชั่วครู่ ก็จ้องมองเขาอีกครั้ง “ยังมี ฉันจะบอกแกว่าในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว แกจะต้องพาลูกสะใภ้กลับมาหาฉันภายในสามวัน ถ้าแกพากลับมาไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับบ้านเลย”
หลังจากพูดแล้วก็โกรธและเดินตึง ๆ ออกไป
จี้หยุนซูยืนอยู่ที่เดิมและมองแม่ของเขาเดินตึง ๆ ออกไปแบบนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะทั้งโกรธและตลกไปชั่วขณะ
เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืน หญิงสาวตื่นตระหนกและร้องไห้ขอความเมตตา อดไม่ได้ที่จะทำให้หัวใจของเขาตึงเครียดขึ้น
ยาเมื่อคืนนี้ออกฤทธิ์แรงมาก เขาสูญเสียการควบคุมจริง ๆ เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายเธอแต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้หยุนซูก็ขยี้คิ้วของเขาด้วยความทุกข์ใจหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและหันกลับและเดินขึ้นข้างบน
เมื่อกลับห้อง เขาลังเลอยู่นาน สุดท้ายจึงโทรหาผู้ช่วยของเขาแล้วถ่ายรูปสร้อยข้อมือเส้นนั้นให้กับเขา ให้เขาช่วยหาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
เมื่อสั่งงานเสร็จก็ล้มตัวลงนอนพักในทันที
จนถึงเช้าวันถัดมา ผู้ช่วยจึงส่งข่าวให้เขา
พบตัวคนแล้ว เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายมีสถานะที่พิเศษ
เธอคือกวนเยว่หวั่น!
จี้หยุนซูอึ้งอย่างแรง!
เป็นเธอ? !
ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ สองวันนี้กวนเยว่หวั่นก็ลางาน หรือว่า…
ให้ตายเถอะ!
ในตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขาควรจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ถึงว่ากลิ่นตัวของคนคนนั้นในคืนนั้นถึงแอบมีความคุ้นเคย
จี้หยุนซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปพร้อมกับกุญแจรถ
เขาขับรถไปถึงบ้านครอบครัวกวนก็เที่ยงแล้ว
เขานั่งอยู่ในรถและมองดูประตูใหญ่บ้านครอบครัวกวน เขานั่งอยู่นานก็ยังไม่มีความกล้าจะลงจากรถ ในหัวมีแต่ภาพของหญิงสาวที่ร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง
คิดไปคิดมา เขาก็คิดว่าตัวเองนั้นเลวทรามเหลือเกิน
เด็กสาวที่ดีแบบนี้ ถูกทำลายในมือของเขาด้วยความสับสน เธอคงจะต้องเกลียดตัวเองมากแน่!
เฮ้ย! จี้หยุนซูเอ้ยจี้หยุนซู นายคิดว่านายฉลาดเป็นกรด สับสนที ทำไมถึงได้ล่มปากอ่าวเสียได้?
ครั้งนี้นอกจากตัวเองต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกยังพอว่า ยังทำร้ายคนอื่นอีก ต่อให้นายอยากรับผิดชอบ แต่คนอื่นเขาเป็นหญิงสาวที่เปรียบเหมือนดอกไม้แสนสวยและมีค่า เขาจะยอมให้นายรับผิดชอบเหรอ?
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสูบบุหรี่ แต่ตอนนี้กลับเป็นครั้งแรกที่อยากสูบสักมวนเพื่อสงบจิตใจ
เขาลงจากรถแต่ไม่ได้เข้าไปบ้านครอบครัวกวนเป็นอันดับแรกแต่ไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อบุหรี่ซองหนึ่ง
เมื่อซื้อเสร็จแล้วออกมาจากร้าน และชนใครบางคนโดยบังเอิญ
เขาตกใจและยื่นมือออกไปพยุงเธอโดยไม่ตั้งใจในขณะเดียวกันก็พูดขึ้น: “ขอโทษครับ”
อย่างไรก็ตามเพียงแค่จับมือกับอีกฝ่ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
เพียงแค่เห็นกวนเยว่หวั่นยืนอยู่ตรงนั้น ก็เบิกตาโพลงและไม่มองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
จี้หยุนซูได้สติและเปิดปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กวนเยว่หวั่นเหมือนกระต่ายน้อยที่ตื่นตระหนก เธอผลักเขาแล้ววิ่ง ไวเสียจนมองไม่เห็นแม้เงา
จี้หยุนซูยืนอยู่ตรงนั้นและเป็นใบ้ครู่ใหญ่
อุณหภูมิที่นุ่มนวลของหญิงสาวยังคงอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา แต่ตัวคนนั้นหายไปแล้ว
เขาตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบสนองดวงตาของเขามืดมน
เธอเป็นแบบนี้ดูแล้วคงตกใจกลัวจนเตลิดไปแล้ว!
ให้ตายสิ ทำไมเมื่อกี้เขาถึงไม่รั้งเธอไว้นะ? แบบนี้ ในสายตาเธอเขาคงจะแย่เข้าไปอีก
เมื่อมองไปที่บุหรี่ในมือเขารู้สึกรำคาญใจเล็กน้อยแล้วโยนบุหรี่ลงถังขยะไป
จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวหายตัวไป เพียงแต่พบว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยากแล้ว
ก่อนที่จะเจอกัน หากเขาคิดจะถอยก็ยังพอทำได้ แต่ตอนนี้ทั้งสองเจอกันแล้ว เขาจะไม่เข้าไปมันก็ยังไง ๆ อยู่
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงกลับไปที่รถ แล้วหยิบของที่เตรียมไว้และเดินเข้าไปในบ้านครอบครัวกวน
หลังจากกวนเยว่หวั่นกลับบ้านก็วิ่งตรงขึ้นห้องนอนทันทีจึงหยุดได้
เธอยืนพิงประตู จับหน้าอกและรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นแรงตุบตับ ๆ