บทที่ 313 ทำให้เธอผิดหวัง
มุมปากก็ได้ชี้ขึ้น เขาเปิดประตูเข้าไป จากนั้นก็เห็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวยืนอยู่ข้างหน้าหน้าต่าง ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เขาได้ไอออกมาเบาๆ เดิมเข้าไป ถาม “เธอเป็นอะไรเหรอ?”
กวนเยว่หวั่นมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ไม่ได้หันกลับไป
ก็แค่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรค่ะ”
จี้หยุนซูก็ได้ครุ่นคิดเล็กน้อย ถาม “เธอทำไมถึงอารมณ์ไม่ดี? ใช่เพราะ……”
เขาก็ได้หยุดไป เห็นว่าเธอไม่พูด ก็ได้ลังเลไปสักพัก ถึงพูดว่า “เธอยังโมโหเรื่องเมื่อคืนก่อนใช่ไหม?”
ประโยชน์เดียว ก็ได้ทำให้กวนเยว่หวั่นอึ้งไปสักพัก สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเลยทันที
จี้หยุนซูได้จับตามองดูเธออยู่ตลอด เห็นว่าสีหน้าของเธอเปลี่ยน ใจก็ได้วูบลง
รีบอธิบายต่อว่า “คืนก่อนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ผมโดนคนวางยา ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมไม่รู้ว่าการพูดแบบนี้จะมีน้ำหนักพอให้เธอยกโทษผมไหม แต่ว่าผมก็อยากจะอธิบายกับเธอ”
เขาพึ่งพูดจบ กวนเยว่หวั่นก็ได้รีบหันหน้าไป มองเขา สายตาเต็มไปด้วยความสับสน
อยู่นาน ก็ได้พูด “คุณหมายความว่า เรื่องเมื่อคืนก่อนคุณไม่ได้ตั้งใจ? ถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้โดนวางยา ก็ไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนั้น ที่มาวันนี้ก็เพราะว่ามาขอโทษฉัน?”
จี้หยุนซูพยักหน้า
สายตาของหญิงสาวก็ได้มีความหดหู่แสดงออกมา เหมือนว่าได้โดนทำร้ายแล้วก็ผิดหวัง
เธอได้ฝืนยิ้ม พูดว่า “ค่ะ ฉันรู้แล้ว ฉันยกโทษให้คุณ”
จี้หยุนซูก็ได้อึ้งเล็กน้อย ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะยกโทษให้ง่ายขนาดนี้ ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ได้ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ก่อนที่จะมา เขาได้คิดความเป็นไปได้มาทั้งหมด เธอน่าจะมีปฏิกิริยายังไง จะโทษเขายังไง จะโวยวายใส่เขาไหม เขาถึงขั้นได้คิดไว้แล้วว่าถ้าเธอแคร์มากๆ งั้นเขาก็จะกลับไปบอกกันคนที่บ้าน ต่อให้เธออยากได้ตำแหน่งคุณนายจี้ ก็ยอม
แต่ว่าเธอกลับไม่พูดอะไร พูดแค่ ฉันยกโทษให้คุณ
ก็แค่นั้น……
จี้หยุนซูยืนอยู่ตรงนั้น นิ่งเงียบไป รู้สึกว่าในใจได้หน่วงๆ ได้เสียใจแปลกๆ
และอีกฝ่าย กวนเยว่หวั่นกลับรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นจนแทบบ้า เหมือนว่าจะเต้นออกมาจากอก
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น เขากำลังคิดอะไร? ทำไมยังไม่ไป?
สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ ถามออกไปว่า “คุณก็ได้ขอโทษแล้ว ฉันก็ยกโทษให้คุณแล้ว ยังมีธุระอื่นไหมคะ?”
จี้หยุนซูอึ้งไป จ้องมองเธอ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ความเงียบของเขา ทำให้จมูกของกวนเยว่หวั่นเริ่มตัน ใจดวงนี้เริ่มที่จะทนต่อไม่ไหว
เขาไม่ได้ชอบเธอจริงๆ ด้วย เรื่องเมื่อคืนสำหรับเขาแล้ว ก็แค่อะไรที่เขาไม่ได้จงใจ ผ่านไปแล้วก็แล้วไป
เขามาขอโทษเธอ หวังให้เธอให้อภัย จากนั้นล่ะ? จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไป ไม่ต้องไปมีปฏิสัมพันธ์อะไรอีก! ไม่งั้นทำไมเขาถึงไม่พูดอะไร?
ดวงตาของหญิงสาวได้เริ่มแดง จี้หยุนซูเห็นตาที่เริ่มแดงของเธอ ใจนั้นก็ได้กระตุกอย่างแรง เจ็บเล็กน้อย ไม่สบายมากๆ
เธอกำลังโทษเขาใช่ไหม? ปากบอกว่าให้อภัยเขาแล้ว แต่ที่จริงในใจนั้นก็ยังเกลียดเขามากๆ สินะ!
ยังไงซะนั้นเป็นครั้งแรกของเธอ! อยู่ๆ ก็ได้ถูกผู้ชายที่ไม่ค่อยสนิทด้วยเอาไปแบบนี้ ในใจของเธอต้องเกลียดเขามากๆ แน่ๆ
เขาได้ถอนหายใจเบาๆ คำพูดที่เดิมทีอยากจะพูดออกมา เพราะว่าน้ำตาของเธอก็ทำให้เขาพูดไม่ออก
จากนั้น เขาได้ถอดหายใจออกมา พูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ผมผิดต่อเธอ ขอโทษจริงๆ แม้ว่าเธอจะไม่ให้อภัยผมมันก็สมควร เพราะงั้นเธอไม่จำเป็นต้องพูดคำตอบที่ไม่ตรงใจออกมา”
กวนเยว่หวั่นส่ายหน้า ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่น้ำตานั้นก็ได้ไหลลงมาแล้ว
เธอได้รีบเช็ดน้ำตาของตน พูดว่า “ฉันไม่ได้เสียใจ แล้วก็ไม่ได้พูดไม่ตรงใจ เรื่องได้ผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากพูดถึง คุณกลับไปเถอะ”
ท่าทางแบบนี้ของเธอ ใจของจี้หยุนซูก็ได้บีบแรงกว่าเดิม เหมือนว่าได้มีของอะไรบางอย่างขัดแถวลำคอ เจ็บจนหายใจไม่ได้
แต่สุดท้าย เขาก็ทำได้แค่พยักหน้า พูดอย่างเศร้าๆ ว่า “ครับ งั้นเธอพักผ่อนให้มากๆ!”
นิ่งไป ก็ได้พูดต่อ “เธอมีเรื่องอะไร อย่าลืมโทรบอกผม ทางสถาบันวิจัยเธออยากจะพักผ่อนนานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรีบไปทำงาน”
กวนเยว่หวั่นไม่ได้มองเขา พูดอย่างเย็นชา “ฉันรู้แล้วค่ะ”
ความเย็นชาของเธอ ทำให้จี้หยุนซูลิ้มรสความขมขื่นเป็นครั้งแรก มุมปากได้ชี้อย่างสมเพชตัวเอง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ได้หันหลังเดินออกไป
ลงไปชั้นล่าง เห็นเห้อหลันซินนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เหมือนว่ากำลังรออะไร
เขาได้เดินเข้าไป ก็ได้พูดอย่างสุภาพว่า “คุณน้าครับ ผมยังมีธุระต่อ ขอตัวกลับก่อน”
เห้อหลันซินหันหน้าไป มองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมกลับไปเร็วขนาดนี้ อยู่เล่นต่อหน่อยไหม จากนั้นก็ทานมื้อเย็นด้วยกัน”
จี้หยุนซูส่ายหน้า “ไม่แล้วครับ ที่โรงพยาบาลมีงานด่วน ผมไม่รบกวนแล้วครับ”
พูดจบ ก็ได้เดินออกไป
จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับจี้หยุนซู
อาการของเล่อเล่อ ก็ได้ดีๆ หายๆ ในโรงพยาบาล ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ ถึงได้หายดีสักที
วันที่ออกโรงพยาบาล เป็นเธอที่เป็นคนไปรับสองแม่ลูก
เห็นว่ายังเหลืออีกยี่สิบวันก็จะปีใหม่แล้ว จิ่งหนิงให้หัวเหยาคิดให้ดีๆ ว่าจะอยู่ปีใหม่ที่เมืองหลวง หรือว่ากลับไปเมืองจิ้น
ถึงแม้ว่าพ่อหัวถึงตอนนี้ยังไม่ยอมที่จะติดต่อหาเธอ แต่ว่าความเป็นพ่อลูก หลายปีมาแล้ว จะบอกว่าทิ้งไปก็ทิ้งไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นความผิดหรือไม่ในนั้น ก็ไม่ได้อะไรที่ประโยคสองประโยคก็พูดชัดเจน
หัวเหยารับปากว่าจะกลับไปคิด ตอนนี้เธอยุ่งกับการออกกำลังกาย เตรียมจะกลับไปรับงานหลังปีใหม่
ถึงแม้ว่าเวลาจะเร่งไปหน่อย แต่ว่าถ้าสามารถทำงาน อย่างน้อยก็สามารถที่จะเบี่ยงความสนใจได้ จิตใจก็จะได้ร่าเริงขึ้นบ้าง
จิ่งหนิงไม่ได้มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของเธอ แต่ว่าสัญญาของหัวเหยายังอยู่ที่หัวซื่อกรุ๊ป ก่อนหน้าหัวจิ้งเจ๋อเพื่อที่จะให้ทำเธอยอมแพ้ ก็ได้เอาสัญญาของเธอมา ไม่ให้ละครอะไรไปหาเธอ เพราะงั้นถ้าเกิดหัวเหยาจะกลับไปรับงาน ไม่ว่ายังไงก็ต้องกลับไป
แต่ว่าถึงแม้เล่อเล่อจะออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว แต่หัวเหยาก็ยังไม่วางใจ ได้เป็นตื่นตระหนกอยู่ทั้งวัน
จิ่งหนิงเห็นแบบนั้น ก็ได้นัดจี้หยุนซู ขอเขาว่าว่างตอนไหน ไปที่บ้านไปตรวจสุภาพของเด็ก
ตรวจนั้นเป็นของปลอม แต่ให้หัวเหยาวางใจนั้นเป็นของจริง
ตอนนี้เธอตื่นตระหนกเรื่องลูกเกินไป ขอแค่มีลมพัดมานิดหน่อย ก็ตื่นตระหนกจนไม่รู้จะพูดยังไง
จิ่งหนิงรู้สึกว่า แบบนั้นไม่ใช่แผนระยะยาว
ที่จริงเธอก็เข้าใจ หัวเหยาได้แอบคลอดลูกลับหลังหัวจิ้งเจ๋อ ก็เหมือนกับการตัดขาดกับตระกูลหัว เสียครอบครัว แล้วไม่มีสามี เป็นผู้หญิงโสดคนหนึ่งที่ดูแลลูก ลูกนั้นเป็นแรงใจทั้งหมดของเธอ
ถ้าเกิดว่าลูกเป็นอะไรไป เกรงว่าเธอก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เหมือนกัน
จี้หยุนซูได้ยิน บ่ายวันนั้นก็ได้รีบไป
มีผู้เชี่ยวชาญอย่างจี้หยุนซูอยู่ บวกกับบุคลิกที่ดูหนักแน่นของเขา ก็ได้ความเชื่อใจของหัวเหยาไปเต็มๆ
เพราะงั้นพอตรวจเสร็จ เขาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร หัวเหยาก็ได้เชื่ออย่างสุดใจ ว่าลูกนั้นได้กลับมาแข็งแรงแล้ว