บทที่ 320 เห็นเงียบๆ แต่ทำอะไรให้คนนั้นตกใจอยู่ตลอด
เธอได้กระตุกมุมปากอย่างน่าสมเพช พูดว่า “ขอบคุณรุ่นพี่นะคะ แต่ว่า พวกเราสองคนนั้นไม่ค่อยที่จะเหมาะสมหรือเปล่า?”
คำพูดของเธอ ทำให้จี้หยุนซูอึ้งไป ในใจนั้นร้อนรนไปหมด จากนั้นไม่นานก็ได้สงบอารมณ์ลง
“ผมยอมรับ ผมเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ช้าไปหน่อย ถ้าเกิดเธอไม่ถือสา……”
“ไม่ ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น”
“ไม่ใช่อันนี้?” จี้หยุนซูอึ้งไป ก็ได้คิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง แล้วก็ยิ้มออกมา
“ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ งั้นเรื่องอื่นเธอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ทางบ้านของผม ขอแค่ผมชอบ พวกเขาก็ชอบ แต่ว่าทางคุณพ่อคุณแม่ของเธอ ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะยอมรับในตัวผมไหม ยังไงซะ ทางเทียบกับตระกูลกู้ ที่จริงตระกูลจี้ของพวกเรา……”
กวนเยว่หวั่นหัวเราะ “ขอแค่ฉันยืนยัน คุณพ่อคุณแม่ของฉันก็ไม่น่าที่จะขัดขวางอะไรค่ะ”
จี้หยุนซูได้ยินแบบนั้นก็ได้นิ่ง ต่อด้วยดีใจ “พูดแบบนี้เธอตกลงแล้วใช่ไหม?”
ใบหน้าของกวนเยว่หวั่นก็ได้แดงขึ้นกว่าเดิม เม้มปาก พยายามที่จะควบคุมตัวเอง แต่ว่ามุมปากนั้นก็ยังปิดบังรอยยิ้มไม่ได้
เห็นท่าทางที่ดีใจของเขา ในใจก็ได้หวานมากๆ แต่ในปากก็ยังพูดว่า “ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะคะว่าตกลง เรื่องนี้ ฉันยังต้องขอกลับไปคิดก่อน”
จี้หยุนซูได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า “แน่นอนว่าต้องไปคิดก่อน ยังไงซะนี่เป็นเรื่องใหญ่ เธอเป็นผู้หญิง การระวังตัวเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
นิ่งไป ก็ได้พูดต่อ “งั้นเธอกลับไปคิดก่อน แล้วก็ให้คำตอบผม ผมรอเธอ”
คำว่ารอเธอ กวนเยว่หวั่นได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะ ตกลงไปเลย ณ ตอนนั้น
แต่ว่าเธอก็ยังเก็บความมีเหตุผลไว้อยู่ เพราะงั้นก็แค่พยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ
ไม่นานรถก็ได้มาถึงใต้ตึกตระกูลกวน จี้หยุนซูลงจากรถ ก็ได้เปิดประตูให้เธออย่างสุภาพ กวนเยว่หวั่นลงจากรถ ถึงได้พูด “งั้นฉันเข้าไปก่อนนะคะ”
จี้หยุนซูพยักหน้า หญิงสาวก็ได้เดินเข้าไปข้างใน
เดินไปไม่กี่ก้าว ข้างหลังเสียงของชายหนุ่มก็ได้ส่งมา “หวั่นหวั่น!”
กวนเยว่หวั่นอึ้ง ก็ได้หันไปมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
ภายใต้แสงแดด ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ เหมือนกับเจ้าชายที่หล่อเหลาในนิทาน นิ่งไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญมากๆ
ก็แค่ยิ้ม แล้วพูดว่า “กลับไปพักผ่อนดีๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก”
กวนเยว่หวั่นได้ยิน ก็ได้คิดนิดหน่อย ก็เข้าใจความหมายที่เขาจะพูด
เพราะงั้นก็ได้ยิ้ม พยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้หันหลังแล้วเดินเข้าบ้าน
กลับไปถึงบ้าน พอมั่นใจแล้วว่าชายหนุ่มไม่เห็นตนแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้โผล่ออกมาอย่างปิดบังไม่อยู่ ใจดวงนี้ดีใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
ถึงแม้ว่าบนปากเธอไม่ได้ตอบตกลง แต่ในใจเธอนั้นได้ตอบตกลงไปแล้ว!
จี้หยุนซูพูดบอกว่าจะรับผิดชอบในตัวเธอ ถึงแม้ในความเข้าใจของเธอ ก็เป็นเพียงเพราะว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ เพราะว่าเกิดเรื่องแบบนั้น เขาถึงได้อยากจะรับผิดชอบในตัวเธอเท่านั้น
แต่แล้วจะทำไม? เขายอมเปิดปาก ก็หมายความว่า อย่างน้อยเขาไม่ได้ไม่รู้สึกไม่ดีกับเธอ! ไม่แน่ ยังมีความชอบเล็กน้อยปนอยู่ในนั้นล่ะ? เธอสามารถสัมผัสได้ เขาไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อให้เธอ ยังซื้อแบบ……
หน้าของกวนเยว่หวั่นได้แดง ยังไงซะนั้นเป็นคนที่เธอชอบมาหลายปีนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ชอบเธอจริงๆ แต่ว่าขอแค่ชอบนิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว!
อีกอย่างอนาคตยังอีกยาวไกล ขอแค่เธอพยายาม ต้องมีสักวันที่เขาต้องชอบเธอแน่
กวนเยว่หวั่นยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ แทบที่จะกระโดดแล้วก็หมุนไปรอบๆ อยู่ตรงนั้น
และแล้วในเวลานี้ อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงที่เย็นๆ ดังขึ้น “หวั่นหวั่น เธอหยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
กวนเยว่หวั่นนิ่ง หันหน้าไปเห็นคุณแม่ยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่น่าดูมากๆ
ใจที่ได้ดีใจอยู่นั้นก็ได้เย็นวาบลงไปแบบนั้น เธอได้เก็บรอยยิ้มของตัวเอง ถามว่า “เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องเหรอ?”
เห้อหลันซินขมวดคิ้ว เดินเข้าไป พูดว่า “ลูกกับกู้จื่อจุนมันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมเช้านี้แม่ถึงได้ข่าวมาว่าเขาถูกส่งเข้าโรงพักล่ะ เมื่อคืนพวกลูกอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ?”
“เช้านี้แม่ไปลองฟังดู คนเขายังบอกว่าเขาวางยาข่มขืนผู้หญิง นี่เป็นไปได้ไง? ลูกรีบเล่าให้แม่ฟังหน่อย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ได้ยินที่เธอพูด สีหน้าของกวนเยว่หวั่นก็ได้เย็นชาลงทันที พูดออกไปอย่างประชด “แม่ มันเป็นเรื่องจริง เพราะว่าคนที่เขาวางยานั้นเป็นหนู!”
จากการตามตื๊อของเห้อหลันซิน กวนเยว่หวั่นก็ได้เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เล่าไปทั้งหมด
เห้อหลันซินได้ยิน ก็โมโหจนแทบจะเอามีดไปตามไล่ฆ่าที่ตระกูลกู้ เอาไอ่สวะนั้นออกมาแล้วก็กระทืบ
กวนเยว่หวั่นใบหน้าได้เย็นชาแล้วก็พูดว่า “พอเถอะ! ตอนนี้แม่โมโหขนาดนี้ เดี๋ยวทางบ้านเก่าโทรมาหานิดเดียว เดี๋ยวแม่ก็หายโมโหแล้ว อย่าว่าไปหาเรื่องเขาเลย ดีไม่ดียังจะเอาของขวัญไปเยี่ยมหาเขา กลัวว่าจะมีเรื่องกัน”
คำพูดประชด ทำให้สีหน้าของเห้อหลันซินได้เสียไป
ก็ได้ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูกว่า “หวั่นหวั่น ขอโทษ แม่ทำให้ลูกผิดหวังแล้ว แต่ว่าลูกเห็นใจแม่หน่อยนะ พวกเราอยู่เมืองหลวงในที่แบบนี้ ก็เหมือนได้ใช้ชีวิตในที่แคบ มันก็ไม่ง่าย……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ถูกกวนเยว่หวั่นขัดจังหวะ
“แม่ไม่ต้องพูดแล้ว หนูรู้ เพราะงั้นก็ไม่ได้หวังอะไรกับพวกท่านตั้งแต่แรก”
เธอพูดจบ ลุกขึ้น ก็ได้เข้าไปในห้องของตน
เห้อหลันซินมองแผ่นหลังของเธอ เปิดปาก อยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
……
ไม่นาน พวกจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซิน ก็ได้รู้ว่าข่าวที่จี้หยุนซูคบกับกวนเยว่หวั่นทั้งหมด
ข่าวนี้ก็เหมือนกับระเบิด ระเบิดเล่นเอาทุกคนงงไปหมด
ทุกคนคิดไม่ถึงว่า สองคนที่ปกติมองแล้วไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับได้คบหากัน!
จี้หยุนซูยังไงซะก็เป็นพวกของตน กวนเยว่หวั่นคบอยู่กับเขา ต่อให้เธอนามสกุลกวน แน่นอนก็ต้องเป็นพวกของตน
จิ่งหนิงก็ได้หยอก “นี่เป็นอะไรที่ปกติไม่ค่อยพูด พอพูดแล้วก็ทำให้คนตกใจเลยนะ! คุณหมอจี้ จะเชิญพวกเราไปงานแต่งตอนไหน?”
จี้หยุนซูหัวเราะ ใบหน้าที่ก่อนหน้านั้นได้ดูไม่ดีอยู่ตลอด ตอนนี้เหมือนได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย ยิ้มแย้มอยู่ตลอด
“ไม่นานครับ ผมได้ขอหวั่นหวั่นแต่งงานแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เลือกฤกษ์ดีๆ ถ้าเป็นไปได้ด้วยดี ปีหน้าก็จัดงานแต่งแล้ว”
จิ่งหนิงอึ้งไปเลย
เธอสาบานได้ เธอก็แค่แหย่ออกไปเล่นๆ เท่านั้น ไม่ได้คิดอะไร
คิดไม่ถึงว่าจี้หยุนซูเป็นคนที่ซื่อตรงขนาดนี้ ถามไปตอบกลับ จะแต่งงานจริงๆ ด้วย
เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี แต่ในใจนั้นก็ได้ดีใจแทนอีกฝ่ายจริงๆ
ปรบมือแล้วพูดว่า “ดีเลย งั้นฉันก็แสดงความยินดีกับคุณหมอก่อนนะคะ”
พ่อแม่ตระกูลกวนเริ่มแรกพอรู้ว่าทั้งสองคบหากัน ก็ไม่ค่อยพอใจ
เพราะว่าให้พูดตระกูลจี้ที่อยู่เมืองหลวงแล้ว ถึงแม้ว่ามีฐานะที่สูง แต่ก็เพราะว่าแต่ละรุ่นนั้นเป็นหมอทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจ สำหรับครอบครัวธรรมดา ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว แต่สำหรับตระกูลกวนไม่ได้ช่วยเหลืออะไรได้เลย แน่นอนว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
แต่หลังๆ เห็นว่ากวนเยว่หวั่นได้ชอบขนาดนี้ ต่อให้ไม่เต็มใจ ก็ทำได้แค่ตกลง