วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 322 ความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ

บทที่ 322 ความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจ

เพิ่มเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงเข้มของกู้ฉางไห่

ในห้องรับแขกมีคนนั่งเต็ม ไม่ได้มีแค่คนของตระกูลกวน ได้ยินข่าวของการกลับมาของลูกสาวกวนจี้หวั่น จึงมีคนมาแสดงความยินดีมากมาย

เมืองหลวงเสมือนบ่อน้ำขุ่น แค่มีลมพัดผ่าน ข่าวก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินถือว่ามาค่อนข้างดึก ตอนที่พวกเขาถึง ไม่เพียงแค่คนตระกูลกู้ คนตระกูลเฟิง

เฟิงยี่ถูกพ่อของเขาเฟิงสิงลังถึงไปนั่งอยู่ตรงนั้น สีหน้าไม่เต็มใจ

ตอนเห็นจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเดินเข้ามา ตาก็สว่างทันที

“พี่รอง พี่สะใภ้ พวกพี่มาแล้ว”

ลู่จิ่งเซินจูงมือจิ่งหนิงเดินเข้าไป

พ่อบ้านของตระกูลกวนเป็นตาแก่คนหนึ่งแซ่เฉิน ดูแลแขกอยู่ในห้องรับแขกตลอด จนลืมดูประตูทางเข้า

พอเห็นลู่จิ่งเซินมา ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ ยิ้มทักทาย “ต้องขอโทษด้วย ไม่ทราบคุณชายลู่เข้ามา ไม่ได้มาต้อนรับ ต้องขออภัยด้วย”

ลู่จิ่งเซินยิ้ม พูดเสียงเรียบ “พ่อบ้านเฉินไม่ต้องเกรงใจ เราสองตระกูลลู่ ตระกูลกวนก็สนิทสนมกันดี ตอนเด็กผมก็มาเล่นบ่อยๆ ก็ไม่ใช่คนนอก”

ด้านข้าง ก็มีคนพูดอย่างสนใจ “ใช่ ถ้าพูดขึ้นมา คุณชายลู่กับคุณหนูกวนก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่อยู่ในท้อง ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุนั้น ทั้งสองคงเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็คงไม่ต้อง……”

คำพูดยังพูดไม่จบ ในห้องรับแขกก็เงียบสงบ

คุณนายที่พูดนั้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นญาติของตระกูลไหน

พอรู้ว่าทุกคนเงียบ เธอก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้าก็เปลี่ยน รีบหุบปากทันที

ด้านข้าง สามีเธอกลอกตาใส่เธอ

“ขอโทษด้วย คุณชายลู่ คุณนายลู่ เธอก็แค่ปากมาก ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

จิ่งหนิงยิ้ม

“ท่านประธานเจียงไม่จำเป็นต้องขอโทษ คุณนายเจียงพูดความจริง ไม่มีอะไรพูดไม่ได้ อีกอย่างผมกับจิ่งหนิงก็แต่งงานแล้ว ไม่ติดใจกับเรื่องแค่นี้หรอกครับ”

ท่านประธานเจียงถึงวางใจ ต่อด้วยคำพูดเกรงใจอีกมากมาย

นายท่านกวนปีนี้ก็ย่างเข้าแปดสิบแล้ว ผมที่ร่วมไปในสมัยสงครามยามหนุ่ม ร่างกายไม่ค่อยดี

ตอนนี้ ท่านนั่งอยู่บนโซฟา มองดูหนุ่มสาวคู่นี้ที่เดินเข้ามา ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพูดแทรก

“อาเซินกับสะใภ้มาแล้วหรือ เข้ามา ให้ปู่ดูหน่อย”

ลู่จิ่งเซินรีบจูงมือจิ่งหนิงเดินไป

ทั้งที่อายุไล่เลี่ยกัน นายท่านกวนดูแล้วแก่กว่านายท่านลู่และนายหญิงหชิน

ท่านเงยหน้ามองหนุ่มสาวตรงหน้า ใบหน้าอันชรานั้น มีรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“ดี ดีมาก อาเซินไม่ได้มานานแล้ว ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”

ลู่จิ่งเซินตอบ “อาศัยบุญบารมีนายท่าน สบายดีครับ”

“งั้นก็ดี”

นายท่านตบมือเขาเบาๆ แล้วพูด “คุณปู่คุณย่าหลานเพิ่งมาครั้งก่อน ฉันกับปู่ทะเลาะกัน สองวันนี้เขาไม่สนปู่ หลานกลับไปช่วยพูดให้ปู่ด้วยนะ บอกเขาอย่าดื้อรั้นขนาดนั้น”

ลู่จิ่งเซินหัวเราะ

“ได้ครับ”

นายท่านลู่กับนายท่านกวน สมัยหนุ่มๆเป็นพี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

นิสัยของทั้งสองก็ค่อนข้างดื้อรั้น เพราะฉะนั้นจนอายุเจ็ดแปดสิบแล้ว ก็ยังทะเลาะกันบ่อยๆ

กวนจี้หมิงนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ยิ้มพูดกับลู่จิ่งเซิน “อาเซินมาแล้ว ก็พาสะใภ้อยู่กินข้าว สักมื้อนะ พอดีวันนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา”

ลู่จิ่งเซินไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าเบาๆ “ผมก็คิดอยู่เหมือนกันครับ”

ทุกคนกำลังพูดกัน เวลาเดียวกัน เสียงหัวเราะดังมาจากทางบันได

“โอ้โห คนมาครบกันแล้ว? คุณชายลู่กับสะใภ้ก็มากันแล้ว”

ลู่จิ่งเซิน พยักหน้าเบาๆทักทาย “สวัสดีครับป้ารอง”

คนที่ลงมาคือสวีหุ้ย ภรรยาของกวนจี้หมิง

สวีหุ้ยเกิดในตระกูลนักวิชาการ พ่อกับแม่เป็นนักศิลปะชื่อดังระดับประเทศ ลูกที่เกิดในตระกูลแบบนี้ น่าจะเป็นคนอ่อนโยน แต่สวีหุ้ยกลับเป็นคนนิสัยใจร้อน

จิ่งหนิงไม่ได้สนิทสนมกับเธอ แต่มาเมืองหลวงนานขนาดนี้ ก็ได้ยินชื่อเสียงเธอบ้าง

สวีหุ้ยเป็นคนใจร้อน แต่เป็นคนจิตใจดี

ปกติก็สนิทสนมกับนายหญิงดี พอเห็นแล้ว ก็ยิ้มทัก “มาแล้วจะยืนกันทำไม? รีบนั่งเร็ว อีกสักครู่ก็กินข้าวกันแล้ว คืนนี้ต้องกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างสนุกสนาน”

กวนจี้หลี่เป็นพี่ใหญ่ในคนรุ่นหลังของตระกูลกวน เห็นแล้วก็พูดทักทาย “เสี่ยวหย่าละ? ทำไมยังไม่ลงมา”

สวีหุ้ยยิ้ม “ช่วงบ่ายพบแขกทั้งบ่ายเลย คงเหนื่อย น่าจะพักผ่อนในห้อง เดี๋ยวตอนกินข้าวค่อยไปเรียกเธอลงมา”

กวนจี้หลี่ได้ยินก็พยักหน้า

ไม่นาน ก็ถึงเวลากินข้าว

สวีหุ้ยให้คนไปเรียกเสี่ยวหย่าลงมา ผ่านไปหลายเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่งหนิงได้เจอเธอ

เธอใส่เสื้อขนแกะสีขาว และกระโปรงขนแกะ เห็นขาเรียวยาวของเธอ ผมสีน้ำตาลที่จัดทรงมาอย่างดี ดัดเล็กน้อย ทำให้ดูแล้วน่ารักสดใส ต่างกับหลายเดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ตระกูลจิ่งล้มเหลว เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

จิ่งเสี่ยวหย่าลงจากบันไดทีละขั้นจากการพยุงของคนใช้ มาถึงตรงหน้าของแขกทุกคน ก้มหน้าเล็กน้อย ยิ้มทักทาย

“ขอโทษด้วยค่ะ ตอนบ่ายหนูค่อนข้างเหนื่อย พอหลับไปก็หลับถึงตอนนี้ ต้องขอโทษทุกท่านด้วย”

ทุกคนต่างก็ยิ้มทักอย่างเกรงใจ จิ่งเสี่ยวหย่ายิ้มทักทีละคน สุดท้าย สายตาก็หยุดที่ตัวจิ่งหนิง

จิ่งหนิงมองเธออย่างสงบ

จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งไปครู่หนึ่ง น่าแปลกใจคือเธอไม่ได้หลบ แต่เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ มาเหมือนกันเหรอคะ”

จิ่งหนิงยักคิ้วอยากแปลกใจ

นี่มันช่างต่างกับที่เธอคิดไว้ ไม่เหมือนกันเลย

เธอนึกว่า จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นเธอแล้ว จะรู้สึกอึดอัด แต่ความจริงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลย

ในเมื่อเธอไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย เธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

จิ่งหนิงก็หันไปยิ้มทักอย่างใจกว้าง “ไม่เจอกันนาน น้องพี่ช่วงที่ผ่านมา เหมือนจะสบายดีนะ?”

จิ่งเสี่ยวหย่ายิ้มเล็กน้อย จากใบหน้านั้น มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่ามีความเกลียดชังหรือโกรธแค้นจิ่งหนิงแม้แต่น้อย มีเพียงความจริงใจ

“พึ่งบุญพี่ทั้งนั้น ถึงจะไม่ได้หรูหราสบายเหมือนแต่ก่อน แต่ก็สงบสบายดี เมื่อก่อนหนูทำผิดกับพี่ไว้ แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว หวังว่าพี่จะลืมเรื่องราวในอดีตอย่าเก็บมาใส่ใจ”

จิ่งหนิงยิ้ม

“น้องก็พูดเล่นไป เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ เมื่อก่อนน้องเป็นลูกสาวที่พ่อแอบมีข้างนอก ตอนนี้กลายเป็นไข่มุกของตระกูลกวน สถานะก็เปลี่ยนไปแล้ว เรื่องราวในอดีตมันก็หายไปตามเวลาหมดแล้ว”

ห้องรับแขกที่ครึกครื้นสงบลงทันที

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset