บทที่ 326 ดูแลเด็ก
ก่อนหน้านี้จิ่งหนิงวิเคราะห์เรื่องราวกับหัวเหยาอย่างละเอียด แน่นอนหัวเหยาฟังเข้าไปแล้ว
เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่า กลับเมืองจิ้นรอบหนึ่ง ยังไงก็ต้องกลับไปด้วยตัวเอง
แต่ว่า เธอกลับไปได้ แต่จะหอบลูกตามไปด้วยไม่ได้
อันดับแรกคือ ลูกเพิ่งจะหายป่วย ยังเด็กอยู่ พาไปด้วยก็กลัวร่างกายไม่ไหวเกิดไม่สบายขึ้นมาอีก
อันดับสองคือ กลัวว่าหัวจิ้งเจ๋อยังไม่ได้เปิดปากยอมรับให้ลูกเข้าบ้าน ถ้าถึงแล้วเกิดปากเสียงหรือทะเลาะกัน จะทำให้ลูกลำบากไปด้วย
จิ่งหนิงฟังความกังวลของหัวเหยาแล้ว ก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ
เธอจึงพยักหน้า แล้วพูดว่า “เหยาเหยา เธอวางใจ ฉันจะดูแลเล่อเล่ออย่างดี ช่วงนี้ เธอก็กลับไปเคลียร์ปัญหาของเธออย่างวางใจได้ ฉันรับรองว่าตอนเธอกลับมา ฉันไม่ให้ลูกเธอร่วงแม้แต่ขนเส้นเดียว”
หัวเหยายิ้มด้วยความขอบคุณ
“ฉันเชื่ออยู่แล้ว”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง มองลูกอย่างไม่อยากจากไป สักพักถึงส่งลูกให้เสี่ยวจ้าว ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เวลาก็ดึกมาแล้ว ฉันต้องกลับแล้ว ช่วงนี้ ก็ให้เสี่ยวจ้าวอยู่ช่วยเธอที่นี่นะ เขาดูแลเด็กมาตลอด รู้นิสัยเล่อเล่อดี มีประสบการณ์”
จิ่งหนิงพยักหน้าตอบรับ บอกป้าหลิวให้พาเสี่ยวจ้าวกับเด็กขึ้นไปพักผ่อน จึงลุกขึ้นมาเพื่อไปส่งเธอ
“พรุ่งนี้เที่ยวบินกี่โมง?”
“แปดโมงเช้า”
“ให้ฉันไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
หัวเหยาลังเลครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจ
“หวังว่าครั้งนี้กลับไปทุกอย่างจะราบรื่น ห่างกันปีนี้ ฉันก็เหนื่อยแล้ว แต่สำหรับลูกแล้ว ฉันไม่ยอมแน่นอน ไม่หวังว่าพ่อฉันจะยกโทษให้ฉัน หวังแค่ว่าเขาจะยอมปล่อยวาง ให้ฉันเดินเส้นทางที่ฉันเลือกเอง”
จิ่งหนิงฟังเธอพูด ก็รู้สึกหนักใจไม่น้อย
แต่ก็กอดให้กำลังใจเธอ
“ต้องราบรื่นแน่นอน ฉันเชื่อเธอ”
ส่งหัวเหยากลับไปแล้ว จิ่งหนิงกลับห้องนอน ก็แวะไปดูที่ป้าหลิวโดยเฉพาะ
ป้าหลิวพาเสี่ยวจ้าวกับเด็กน้อยไปที่ห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมของใช้ให้พวกเขา
ดีที่อานอานมาบ่อย เพราะฉะนั้นที่บ้านจึงมีของใช้เด็กอยู่ไม่น้อย
รวมกับของใช้จำเป็นหัวเหยาก็ให้เสี่ยวจ้าวพกมาด้วย ก็เลยไม่รู้สึกวุ่นวายนัก
พอทุกอย่างเข้าที่แล้วเรียบร้อยแล้ว จิ่งหนิงดูเจ้าเด็กน้อย
เด็กน้อยหลับสบายมาก มาถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้สึกจะตื่นมาเลย
ตัวเล็กๆกลมๆ นอนอยู่ในเตียงเด็ก เหมือนนางฟ้าตัวน้อย
ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในใจ ช่วยดึงผ้าห่ม แล้วพูดกำชับ “เสี่ยวจ้าว คืนนี้รบกวนเธอช่วยดูแลคนเดียวก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันค่อยหาคนที่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาช่วย แบบนี้พวกเธอจะได้สลับกันดูแล”
เสี่ยวจ้าวยิ้มแล้วรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ หนูดูแลเล่อเล่อมาสักพักแล้ว ชินแล้วค่ะ ถึงดูแลคนเดียวก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
จิ่งหนิงยิ้ม แล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอก็ขึ้นไปหาลู่จิ่งเซิน
เวลานี้ลู่จิ่งเซินอยู่ในห้องหนังสือ เห็นเธอเข้ามา จึงถามว่า “จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
จิ่งหนิงคิดไปคิดมา แล้วพูดว่า “อีกสองวันก็ตรุษจีนแล้ว เหยาเหยาน่าจะได้กลับมาหลังตรุษจีน ช่วงนี้ค่อนข้างว่างด้วย ฉันอยากรับอานอานมาอยู่ด้วย เล่อเล่อจะได้มีเพื่อนเล่น”
ลู่จิ่งเซินก็ไม่คัดค้านกับความเห็นนี้
“อืม คุณจัดการเลย”
วันที่สอง จิ่งหนิงไปที่บ้านเรือนเก่า
อานอานเห็นจิ่งหนิง ก็ดีใจมาก
พอรู้ว่าที่บ้านมีน้องชายอีกคนรออยู่ ตาก็สว่างขึ้นมาทันที
“ในที่สุดแม่กับพ่อก็มีน้องให้ผมแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นหนูก็เป็นพี่สาวแล้วซิ?”
จิ่งหนิงอดหัวเราะไม่ได้ ยื่นมือจับจมูกของเธอ พูดว่า “พูดไปเรื่อย นั่นเป็นลูกของน้าเหยาเหยา แต่ว่าหม่ามี๊กับน้าเหยาเหยาเป็นเพื่อนรักกัน เพราะฉะนั้นก็เป็นน้องชายหนูเหมือนกัน”
อานอานจึงเข้าใจ
“หม่ามี๊ แล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีน้องชายจริงๆให้หนูคนหนึ่งละคะ?”
จิ่งหนิง “……”
เออ……
ด้านข้าง ปู่กับย่าที่ดูอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ย่าก็พูดขึ้นมาว่า “หนูอย่าร้องทุกวันว่าจะไปหาหม่ามี๊ หม่ามี๊กับแดดดี๊จะได้มีน้องให้หนูเร็วๆ”
อานอานได้ยิน ก็ยื่นปากยาวอย่างน้อยใจ
“หนูไม่ได้ไปอยู่กับหม่ามี๊ตั้งนานแล้ว นานขนาดนี้ยังไม่พอเหรอคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้น หนูก็ไม่เอาแล้ว”
เธอพูดไป ก็หันหน้าไปอีกฝั่งอย่างน้อยอกน้อยใจ พ่นเสียงออกจากจมูก
จิ่งหนิงรู้สึกว่าเด็กแบบนี้น่ารักมาก หัวเราะแล้วพูดว่า “ปิดภาคฤดูหนาวครั้งนี้ยี่สิบกว่าวันนะ ตลอดปิดภาคเรียนนี้ หนูจะได้อยู่กับหม่ามี๊นะ ดีใจไหม?”
อานอานตาสว่างทันที จากนั้น ก็มองมาที่เธออย่างสงสัย
“จริงเหรอคะ? ไม่ได้หลอกหนูนะ?”
กับสายตาสงสัยของลูก จิ่งหนิงรู้สึกอึ้ง
รู้สึกหวิวในใจ
ลูกคนนี้ ตั้งแต่เกิดก็ต้องผ่านอะไรมากมาย แม่ไม่ได้อยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก ลู่จิ่งเซินถึงจะรักเธอพอ มีความอดทนพอ แต่ก็งานยุ่งจนเกินไป ปกติไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ ส่วนมากก็ปู่กับย่าที่อยู่ด้วย
เพราะฉะนั้น ในใจเธอ คงขาดความอบอุ่นอย่างมาก
เธอถอนหายใจเบาๆ ย่อตัวลง ดึงลูกเข้ามาในอ้อมกอด พูดเบาๆว่า “จริงซิคะ รอร่างกายหนูดีขึ้น อีกหน่อยก็ได้อยู่กับหม่ามี๊ทุกวัน ไม่แยกกันอีก ดีไหมคะ?”
อานอานถึงรู้สึกดีใจขึ้นมา
“ดีค่ะ หนูรู้ว่าหม่ามี๊ดีที่สุดเลยค่ะ”
ด้านข้าง ย่าที่ดูอยู่ น้ำตาคลอทันที
ต้องบอกว่า จิ่งหนิงดีมาก
เมื่อก่อนเธอคิดว่า จิ่งหนิงจะยอมรับเด็กได้ยาก
แต่ตอนนี้ดูแล้ว เธอก็ปฏิบัติกับอานอานเหมือนลูกของตัวเอง ไม่ได้เห็นแก่ตัวเองแม้แต่น้อย
คิดไปแล้ว ย่าก็พูดว่า “หนิงหนิง มากับแม่หน่อย”
พูดไปด้วย ก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นชั้นสอง
จิ่งหนิงลุกขึ้น ถึงแม้จะสงสัยนิดหน่อย แต่ก็เดินตามไป
คุณย่าพาเธอเข้าไปในห้องของตัวเอง
เรือนเก่าตระกูลลู่ แม่บ้านเก่าแก่ที่รับใช้นายหญิงลู่ แซ่เห้อ ปกติทุกคนก็เรียกเขาว่า คุณแม่เห้อ ติดตามนายหญิงมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ได้ความไว้เนื้อเชื่อใจจากนายหญิงมาก
เวลานี้ เธอกำลังช่วยนายหญิงเก็บกวาดห้องนอน
เห็นพวกเธอเดินเข้ามา รีบหยุดงานในมือ ยิ้มทักว่า “นายหญิง คุณผู้หญิง มาแล้วเหรอคะ”
นายหญิงพยักหน้า ไม่ได้เลี่ยงเธอ แล้วสั่งไปว่า “ช่วยฉันหยิบกล่องไม้จันทน์เก่าในลิ้นชักมาหน่อย”
คุณแม่เห้อ “ค่ะ” ตอบรับ แล้วรีบไปหยิบ
นายหญิงจูงมือจิ่งหนิง ไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วพูดว่า “หนิงหนิง หนูกับอาเซินรู้จักกันนานแล้ว ยังไม่ได้จัดงานแต่ง เพราะฉะนั้นฉันก็ยังไม่ทันได้ให้ของขวัญอะไรกับหนูเลย แต่ในใจฉัน ชอบหลานสะใภ้คนนี้มาก มีเธออยู่ ไม่ว่าอาเซินหรืออานอาน ฉันก็วางใจที่จะให้เธอดูแลแทนฉัน
จิ่งหนิงฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ จนต้องขมวดคิ้ว