บทที่ 328 ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
หลายวันผ่านไป ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ก่อนวันตรุษจีน
วันที่ฉลองกันทั่วประเทศ
เพราะอยู่เมืองหลวงกันหมด ตรุษจีนก็ต้องฉลองด้วยกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น บ่ายวันนั้น จิ่งหนิงก็พาอานอานกับเล่อเล่อกลับไปเรือนเก่า
ถึงจะเป็นช่วงตรุษจีน แต่ลู่จิ่งเซินก็ยังมีงานต้องทำ ยังอยู่บริษัท ช่วงค่ำถึงจะกลับมาได้
จิ่งหนิงโทรหาเขาล่วงหน้า ถ้าเสร็จงานแล้วให้กลับมาเรือนเก่า ไม่ต้องกลับวิลล่าเฟิงเฉียว
คฤหาสน์ตระกูลลู่ครึกครื้นไปทันที ถือว่าเป็นโอกาสยากที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
พักนี้มานายหญิงดีใจมาก ก็ไม่แปลก เพราะเมื่อก่อนตรุษจีน บางครั้งก็ลู่จิ่งเซินอยู่เมืองอื่น หรือไม่ก็ลู่หลันจือติดธุระไม่อยู่บ้าน ถึงกลับมาแล้ว ก็มีแค่ปู่ย่าหลานสี่คน ก็ไม่รู้สึกครึกครื้นเหมือนตอนนี้
ปีนี้ไม่เหมือนเก่า มีลูกหลานล้อมรอบ นายหญิงก็รู้สึกอบอุ่นใจ รู้สึกตัวเองเด็กลงหลายปี
เพราะว่าเป็นวันตรุษจีน ลู่หลันจือเป็นคนตระกูลลู่ วันสำคัญแบบนี้ ก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน
แต่เพราะคำนึกถึงความรู้สึกของจิ่งหนิง นายหญิงก็ลองถามเธอดูก่อน
จิ่งหนิงไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรต่อลู่หลันจือ เมื่อก่อนลู่หลันจือกลับมา ก็เพราะว่าในสนามพนันหิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ
ตอนนี้เรื่องในสนามพนันหินก็จัดการไปพอสมควรแล้ว เธอจะกลับมา มันก็เป็นเรื่องปกติ
จิ่งหนิงยิ้มพูดกับนายหญิง นายหญิงเห็นเธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ ถึงวางใจ
บ่ายวันนั้น ลู่หลันจือก็กลับมาถึงบ้านเรือนเก่าหลังจิ่งหนิงถึงไม่นาน
ทั้งสองเข้าบ้านก็เจอกันพอดี ลู่หลันจือก็ยังคงหยิ่งเหมือนเดิม แต่เกิดเรื่องครั้งนี้ ความยโสโอหังก็ลดลงมาบ้าง ถึงจะไม่อยากเห็นหน้าเธอยังไง ก็ได้แค่เชิดหน้าใส่ ไม่ได้พูดอะไรก็เดินเข้าไปในบ้าน
จิ่งหนิงไม่ได้ใส่ใจอะไร
เธอรู้สึกว่า ลู่หลันจือก็คนอายุใกล้สี่สิบแล้ว ใจยังเหมือนเด็กอายุสิบกว่าปี ก็ไม่ง่าย
ในนั้นย่อมมีส่วนของคนในตระกูลลู่ที่ค่อนข้างโอ๋ แต่ก็เป็นเพราะความไร้เดียงสาของเธอ ใครพูดอะไรเธอก็เชื่อ สมองมักหมุนไม่ทันคนอื่น
ติดใจโมโหกับคนแบบนี้ นอกจากจะทำให้ตัวเองไม่สบายใจแล้ว ไม่ได้มีข้อดีอะไรเลย
จิ่งหมิงตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่เคยไม่ดีกับตัวเอง ในเมื่อไม่มีอะไรดี แน่นอนเธอก็ขี้เกียจทำอะไร
ในบ้านตกแต่งไปด้วยบรรยากาศตรุษจีน ดูแล้วบรรยากาศรื่นเริง
เข้าไปในบ้านแล้ว จิ่งหนิงก็ให้อานอานไปเล่นเอง เสี่ยวจ้าวกับคนใช้ในบ้านอีกคนช่วยกันดูแลเล่อเล่อ เธอเข้าไปในครัวช่วยนายหญิง
วันส่งท้ายปีเก่า วันสำคัญวันหนึ่งของปี นายหญิงมักชอบเข้าครัวลงมือทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกิน เป็นเหมือนธรรมเนียมในบ้านที่ทำกันมาหลายสิบปี
และเมืองหลวงก็อยู่ทางเหนือของประเทศ อากาศค่อนข้างหนาว วันส่งท้ายปีเก่า ตามธรรมเนียมก็มักจะต้มเกี๊ยวกิน
นายหญิงกับลู่หลันจือโตที่ทางเหนือ ย่อมคุ้นเคยกับอากาศหนาวอยู่แล้ว
แต่จิ่งหนิงโตที่เมืองจิ้น เมืองจิ้นอยู่ทางภาคใต้ ไม่ค่อยกินเกี๊ยวหรือหมี่
เพราะฉะนั้นทั้งบ้านก็มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำไม่เป็น คนอื่นทำเป็นกันทุกคน
ทำให้เธอรู้สึกเกรงใจ นายหญิงยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าหนูอยากฝึกก็เข้ามา เดี๋ยวย่าสอน”
ลู่หลันจือมองเธอไปทีหนึ่ง ตอนแรกอยากพูดจาเสียดสี นิ่งไปครู่หนึ่ง ก็คิดอะไรไม่ออก จึงไม่ได้พูดอะไร
จิ่งหนิงไม่ได้สังเกตสีหน้าของเธอ ได้ยินนายหญิงพูดแบบนี้ ถึงไม่จะไม่มั่นใจ แต่ก็ไปล้างมือ เตรียมตัวลงมือทำ
คนที่ห่อเกี๊ยว นอกจากคนใช้ในบ้าน ก็มีพวกเธอสามคน
ลู่จิ่งเซินห้าโมงครึ่งก็กลับมา เล่นหมากรุกกับนายท่าน
นายหญิงค่อยๆทำ แล้วพูดว่า “หนูดูนะ ใส่เนื้อลงไป จากนั้นก็กดให้แน่น มือซ้ายกดตรงกลางไว้ มือขวาค่อยๆหมุนแล้วพับเป็นกลีบ ทำแบบนี้ทั้งสวยทั้งน่ากิน หนูลองดู”
จิ่งหนิงมองนายหญิงอย่างตั้งใจไม่ละสายตา พอจับใจความได้แล้ว
เธอพยักหน้า “ค่ะ หนูลองดู”
จากนั้น เรื่องบางอย่างก็เป็นแบบนี้ ดูแล้วง่าย แต่ทำแล้วมันก็ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
เธอไม่เคยรู้เลย ว่าการห่อเกี๊ยว มันยากขนาดนี้
แผ่นเกี๊ยว อยู่ในมือนายหญิง เหมือนมีชีวิต อยากห่อยังไงก็ห่ออย่างนั้น
แต่พอมาถึงมือเธอ อยากหมุนยังไง ไม่เบี้ยวก็แตกจนน่าเกลียด จนเธอไม่อยากมอง
ใส่เนื้อน้อยไป ก็แบนจนเกินไป ใส่เยอะเกินไป ก็แตกออกมา
ทำให้เธอรู้สึกมือไม้วุ่นวายไปหมด
นายหญิงเห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ไม่รีบไม่รีบ ค่อยๆฝึก มันทำง่ายมาก หนูลองทำหลายๆรอบ ก็หาเคล็ดลับไปเจอเอง”
จิ่งหนิงรู้สึกหน้าแดง ครั้งแรกที่รู้สึกว่ามือไม้ไม่อยู่ในการควบคุมของตัวเองเลย
ลู่หลันจือเห็นนายหญิงหมุนคอไปมา วางแผ่นเกี๊ยวในมือลงแล้วพูดว่า “แม่ เหนื่อยแล้วใช่ไหม หนูพาขึ้นไปพักผ่อนสักครู่นะ”
นายหญิงวันนี้ดีใจเป็นพิเศษ ตื่นตั้งแต่เช้า ยุ่งมาทั้งวัน
เห็นแล้วก็พยักหน้า
“อย่างนั้นก็ดี ห่อเกี๊ยวเสร็จ พาอานอานไปดูดอกไม้ไฟที่สนามฝั่งโน้น บอกอาเซินหยุดเล่นหมากรุก พาหนิงหนิงไปด้วย ทางโน้นมีแต่หนุ่มๆสาวๆที่โตในเมืองหลวง ครึกครื้นมาก อย่าอยู่แต่ในบ้าน”
ลู่หลันจือถอดถุงมือแล้วพยักหน้า
นายหญิงถึงให้เธอพยุงขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง
จิ่งหนิงยังคงต่อสู้กับแผ่นเกี๊ยวในมือ อันที่จริงก็ห่อไปเยอะแล้ว พอกินสำหรับคืนนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
เธอเป็นคนมือไม้อ่อนทำงานประณีตได้ดี ฝึกอะไรก็ฝึกเร็ว แต่นึกไม่ถึง วันนี้จะแพ้ให้แผ่นเกี๊ยวเล็กๆแผ่นเดียว
ไม่ได้ เธอต้องทำให้ได้
กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำ ก็มีเสียงหัวเราะดังจากข้างหลัง
เธออึ้งไปนิดหนึ่ง หันหลัง ก็เห็นลู่จิ่งเซินยืนอยู่ข้างหลังเธอ มองท่าทางในมือเธอ กลั้นอาการหัวเราะ เหมือนกลั้นอยู่นานมาก
จิ่งหนิงรู้สึกหน้าแดง หันหน้ากลับไปแล้วพึมพำ “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมไม่ออกเสียง?”
“ผมออกเสียงแล้ว เพียงแต่คุณตั้งใจห่อเกี๊ยว ไม่ได้สังเกตเห็นผม”
ฝ่ายชายพูดไปก็เดินไปข้างหน้า มองดูผลงานที่ล้มเหลวในมือเธอ อดหัวเราะไม่ได้ “คุณใช้แรงมากเกินไป ที่จริงพอรู้เทคนิค ไม่ต้องใช้แรงขนาดนั้น ดูนั่น บีบจนเปลี่ยนรูปหมดแล้ว”
จิ่งหนิงเมื่อกี้โดนนายหญิงหัวเราะเยาะ ก็รู้สึกท้อแล้ว นี้เขายังมาหัวเราะเยาะเธออีก
จึงทำให้รู้สึกโมโห พูดเสียงเย็นชา “คุณทำเป็น คุณมาทำ”
ผู้ชายยักคิ้ว ไม่พูดคำที่สอง เดินไปล้างมือ ใส่ถุงมือก็เริ่มห่อทันที
จิ่งหนิงถึงกับอึ้ง
เห็นแต่แผ่นเกี๊ยวสีขาวอยู่ในฝ่ามือเขา เหมือนกับสิ่งมีชีวิต
ไม่นานก็ห่อได้สิบชิ้นอย่างสวยงาม
เธอมองด้วยอาการตะลึงตาค้าง
ลู่จิ่งเซินเชิดหน้าใส่ กะพริบตาใส่เธอ
ยิ่งทำให้จิ่งหนิงรู้สึกพ่ายแพ้ หดหู่ แล้วพูดว่า “ทำไมดูคุณทำง่ายขนาดนั้น ฉันฝึกยังไงก็ไม่เป็น?”