บทที่ 329 สามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย
ฝ่ายชายเบ้ปาก “ผมพูดแล้ว ว่ามันต้องใช้เทคนิค”
เห็นเธอยังคงขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด ฝ่ายชายก็วางแผ่นเกี๊ยวในมือ เดินไปข้างเธอ
สองมือโอบรอบตัวเธอ หยิบแผ่นเกี๊ยวให้เธอ แล้วจับมือเธอ สอนเธอทำทีละขั้น
“คุณดู ตรงนี้อย่ากดแรง ไม่อย่างนั้นจะหมุนไม่ได้ มือข้างนี้ เลื่อนเบาๆ ก็เป็นกลีบแล้ว จากนั้นก็ทำตามนี้ หมุนหนึ่งรอบ แล้วบีบทีหนึ่ง ง่ายใช่ไหม?”
จิ่งหนิงพบว่า ถูกผู้ชายคนนี้สอนทีละขั้นๆ ห่อขึ้นมา รู้สึกง่ายขึ้นเยอะทีเดียว
ลู่จิ่งเซินจับมือเธออีก สอนเธอห่อไปหลายชิ้น
พอถึงชิ้นที่ห้า จิ่งหนิงเริ่มทนไม่ไหว จึงพูดขึ้น “ฉันลองทำเอง”
ผู้ชายสายตาคมเข้ม พยักหน้า “ได้ คุณลองดู”
เธอจับแผ่นเกี๊ยวอย่างระมัดระวัง ทำตามความรู้สึกที่เขาสอนเมื่อครู่ จับเบาๆ
ก็ได้เกี๊ยวชิ้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะสวยสู้ชิ้นที่เขาสอนเธอทำไม่ได้ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นเกี๊ยวปกติแล้ว
มองดูรอยยิ้มอันมีความสุขของหญิงสาว ผู้ชายก็ยิ้มตาม สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ เขาพยักหน้า “อืม เมียผมฉลาดจริงๆ”
จิ่งหนิงถูกเขาชมแบบนี้ ก็รู้สึกเขิน
ไปปัดผมข้างหู ยิ้มด้วยความเขินแล้วพูดว่า “เพราะคุณสอนดี”
แต่ว่า เธอลืมไป ว่าตัวเองห่อเกี๊ยวมาทั้งวัน ในมือมีแต่แป้ง ไปจับผมแบบนี้ หน้าเธอก็เป็นรอยแป้งสองเส้นอยู่บนหน้า
เหมือนแมวน้อยที่กำลังเขิน
ผู้ชายเห็น สายตาคมเข้ม ก็กดคอเธอ แล้วก้มลงไปจูบเธอ
จิ่งหนิงถูกเขาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว อึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็รีบหันไปมองรอบด้าน
ใช้ศอกทิ่มไปที่เอวเขา แล้วพูดขึ้นว่า “คุณนี่? ที่นี่เรือนเก่านะ คุณย่ากับคุณป้าอยู่ข้างนอก”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะ “แล้วยังไง?”
จิ่งหนิงจ้องเขา
“คุณยังกล้าพูดอีก เดี๋ยวคนอื่นเห็นทำยังไง?”
“หนิงหนิง พวกเราเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายนะ จูบทีหนึ่งมีคนเห็นจะเป็นอะไร”
จิ่งหนิง “……”
พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่นายหญิงกับลู่หลันจืออยู่ ถึงนายท่านจะไม่ออกมา แต่ก็ไม่รู้จะโผล่มาเมื่อไหร่
ถ้ามีใครมาเห็นเข้า เธอไม่อายเขาตายเหรอ
ผู้ชายรู้ว่าเธอค่อนข้างขี้อาย เห็นเธอหายจนหูแดงก่ำ ก็ยิ้มอย่างมีความสุข ไม่ล้อเธอแล้ว
ถอดถุงมือออก แล้วพูดว่า “ตอนนี้ห่างจากเวลากินข้าวอีกนาน ผมพาคุณไปเดินเล่น?”
จิ่งหนิงดูเวลา ยังไม่หกโมง ยังเช้าอยู่
จึงพยักหน้า “ค่ะ”
ทั้งสองถอดถุงมือออก จูงมือกันเดินออกไป
เขตคฤหาสน์ย่านที่ตระกูลลู่อยู่ ส่วนมากก็เป็นลูกหลานของสี่ตระกูลใหญ่
หลายสิบปีก่อน บ้านหลังใหญ่สมัยก่อนเริ่มย้ายกัน แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นละแวกนี้ ก็เหมือนเขตบ้านใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
ทั้งสองเดินออกไป ก็จะเจอคนรู้จักที่เดินผ่านไปมา ทักทายกับลู่จิ่งเซิน
“สวัสดีพี่ลู่”
“สวัสดีพี่รอง”
“พี่รองไปไหน?”
“พี่รอง พาพี่สะใภ้ไปเดินเล่นเหรอ”
การทักทายสารพัด แต่ก็ดูออกว่า คนแถวนี้ค่อนข้างสนิทสนมกับเขา การทักทายก็ไม่เหมือนคนข้างนอก
ส่วนมากลู่จิ่งเซินก็ได้แต่พยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไร ท่าทางเย็นชามาก
แต่สำหรับกับคนเหล่านี้ ถึงแม้สีหน้าเขาจะเย็นชาไม่แสดงอารมณ์ แต่ในสายตาก็อ่อนโยนบ้าง ไม่ได้เย็นชาเหมือนคนข้างนอก
เวลาเดียวกัน มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
ที่เรียกว่าเด็กหนุ่มก็เพราะว่า เขาย้อมผมสีเหลือง ใส่เครื่องประดับโลหะ ดูแล้วก็เหมือนสไตล์การแต่งตัวแบบวัยรุ่นที่ค่อนข้างดื้อรั้น
ขาอยู่บนสเกตบอร์ด เลื่อนมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นลู่จิ่งเซิน ก็ตาสว่าง
ขาใช้แรง แล้วหยุดลง เรียกอย่างดีใจ “พี่สอง กลับมาแล้วเหรอ”
ลู่จิ่งเซินมองเขา สายตาอันเย็นชานั้นก็อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม
“อืม ทำอะไรอยู่?”
“กำลังจะไปเล่นครับ”
ชายหนุ่มคนนั้น สายตามองไปที่จิ่งหนิง ตายิ่งสว่างกว่าเดิม
จากนั้นก็ทำท่าทางคลุมเครือส่งสายตาให้ลู่จิ่งเซิน
“พี่รอง คนนี้พี่สะใภ้ใช่ไหม จัดงานแต่งเมื่อไหร่ครับ? ขอน้องชายคนนี้ได้ดื่มเหล้ามงคล เพื่อเป็นสิริมงคลหน่อย”
ลู่จิ่งเซินยิ้ม “ใกล้แล้ว”
จิ่งหนิงตะลึง ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกลู่จิ่งเซินจูงแขนเดินไปข้างหน้า
ข้างหลัง เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะตะโกน “ครับ ถึงเวลาแจ้งผมด้วย ผมจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้พี่”
ทั้งสองเดินไปเว้นระยะนิดหนึ่งแล้ว จิ่งหนิงรู้สึกงง หันกลับไปมองเด็กหนุ่มคนนั้น แล้วถามลู่จิ่งเซิน “เขาเป็นใคร?”
“ลูกคนเล็กตระกูลกู้”
“หา?”
พูดตามตรง สำหรับตระกูลกู้แล้ว จิ่งหนิงได้ยินมาเยอะ ได้ไม่ค่อยได้เห็น
สี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ตระกูลกวนไม่ต้องพูดถึง ก็ถือว่ารู้จักกันดีแล้ว ตระกูลเฟิงเพราะมีเฟิงยี่ ก็สนิทสนมกันดี
มีเพียงตระกูลกู้ จนถึงตอนนี้ เธอแทบไม่เคยได้เจอกับลูกหลานตระกูลกู้เลย
ครั้งก่อนในงานเลี้ยงตระกูลกวน เธอก็ได้เจอแค่หัวหน้าตระกูลอย่างกู้ฉางไห่เท่านั้น
ได้ยินว่ากู้ฉางไห่มีลูกชายสามคน คนโตอยู่ในค่ายทหาร คนรอง ทำธุรกิจ ทั้งสองถือเป็นหัวหน้าในกลุ่มคนรุ่นหลังเลยทีเดียว มีแต่คนเล็ก แทบไม่มีข่าวเลย ดูเหมือนคนในตระกูลไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร
ตอนนี้ดูแล้ว คนที่เจอเมื่อครู่ ก็คือลูกชายคนเล็กที่เขาลือกันนั่นเอง
จิ่งหนิงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้คิดมาก ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงสนาม
ในสนามมีคนมากมาย บรรยากาศครึกครื้น
ตรุษจีนแล้ว ทางโน้นมีที่จุดดอกไม้ไฟโดยเฉพาะ ถึงตอนนี้ฟ้ายังสว่าง ดอกไม้ไฟไม่ได้สวยอย่างตอนกลางคืน แต่เพราะบรรยากาศความครึกครื้น ก็มีคนมากมายมาเล่นแถวนี้
มือของจิ่งหนิงถูกผู้ชายใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อตัวเอง อุ่นสบาย
เธอเห็นด้านหน้ามีคนขายเกาลัด จึงพูดขึ้น “เราไปซื้ออะไรกินกันดีกว่า”
ลู่จิ่งเซินพยักหน้า จูงมือเธอไป ซื้อของกิน จ่ายเงินเสร็จ มือถือจิ่งหนิงก็ดังขึ้น
เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู คนที่โทรมาคือหัวเหยา
มุมปากก็ยิ้มขึ้น บอกกับลู่จิ่งเซินแล้ว ก็เดินไปรับโทรศัพท์
เป้าหมายการโทรมาของหัวเหยาง่ายมาก เพียงแค่ต้องการบอกเธอถึงสถานการณ์ทางเมืองจิ้นเท่านั้น และถามสถานการณ์ของเล่อเล่อ
จิ่งหนิงเล่าให้เธอฟัง
เสี่ยวจ้าวดูแลเล่อเล่อได้เป็นอย่างดี ในเรือนเก่า นายหญิงกับคุณแม่เห้อต่างก็เคยเลี้ยงลูกมีประสบการณ์อย่างดี ไม่ต้องมีอะไรต้องกังวลเลย