บทที่ 336 สามีภรรยาเดียวกัน
ผู้ชายหันหน้าเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ในสายตาของเขาแล้ว หัวเหยาเป็นคนไม่มีความอดทน ไม่นานเธอก็บ่นพึมพำว่า : “วิธีการขอแต่งงานไม่โรแมนติกเลยสักนิดเดียว แถมไม่มีพิธีแต่งงานด้วย ดังนั้นฉันไม่ยินยอม คุณอย่าคิดเพ้อฝันเลย”
จี้หลินยวนยักไหล่เล็กน้อย “ไม่เป็นไร แค่ทางกฎหมายยอมรับก็เพียงพอแล้ว”
หัวเหยา:“……”
ไม่นานรถยนต์ก็มาถึงสนามบิน
เมื่อเห็นตั๋วเครื่องบินที่ผู้ชายเตรียมไว้ในมือ หัวเหยาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
แต่เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาตอบสนองจองหัวจิ้งเจ๋อกลับมาบ้าน แล้วรู้เรื่องทุกอย่าง สุดท้ายเขาก็ยอมขึ้นเครื่องบินไปกับเขา
เธอรู้ว่า ของบางอย่าง หากเลือกแล้ว ไม่สามารถหันกลับหลังได้แล้ว
ถึงแม้ปากพูดว่าไม่ยินยอม แต่ภายในใจยินยอมหมดแล้ว
ยินยอมจดทะเบียนสมรส ยินยอมไปกับเขา สิ่งนี้ถือเป็นเสียงเรียกร้องจากหัวใจที่แท้จริง
เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
ตอนอยู่บนเครื่องบิน หัวเหยาปิดเครื่องโทรศัพท์ ด้วยเหตุนี้เลยไม่ได้รับสายจากใคร
แต่เมื่อลงจากเครื่องบิน โทรศัพท์ก็ร้องดังแทบไม่หยุดหย่อน
มีทั้งสายจากหัวจิ้งเจ๋อ และหัวยู่
เธอลังเลสักพัก ไม่รับสายจากพ่อ แต่รับสายของพี่ชายแทน
เมื่อรับสาย น้ำเสียงโกรธและรีบร้อนใจของหัวยู่ก็ดังขึ้น
“หัวเหยา! เธอเป็นบ้าหรือเปล่า? ทั้งที่รู้ว่าพ่อไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องของพวกเธอ ยังกล้าพาผู้ชายคนนั้นเข้ามาในบ้านอีกหรอ? ตอนนี้เธออยู่ไหน? รีบกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”
หัวเหยานั่งอยู่บนรถ ก้มหน้า แล้วเอานิ้วชี้แกะตรงรูบนกางเกงยีนของตัวเองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น
“พวกเราแต่งงานแล้ว”
“แต่งงานอะไร? เธอช่วย….เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? พวกเธอ….”
ไม่นาน หัวยู่ก็ดึงสติกลับมา และนิ่งเงียบอยู่ไม่กี่วินาที ไม่ต้องถามหัวเหยาก็รู้ว่าพี่ชายคงโมโหเธอมาก ไม่นานเธอก็พูดขึ้นว่า : “พี่ชาย ตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกสับสนเหมือนกัน ไม่อยากทะเลาะกับพ่อตอนนี้ พี่ช่วยปลอบพ่อแทนฉันหน่อย ไว้รอเขาใจเย็นลงกว่านี้ ให้เรื่องนี้ผ่านไปสักพัก ฉันจะพาจี้หลินยวนกลับไปด้วย ไปพูดคุยต่อหน้าพ่อสักครั้ง”
หัวยู่โมโหจนอยากหัวเราะ “หัวเหยา ตอนนี้เธอปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม! ที่ให้ฉันปลอบพ่อแทนเธอ? แล้วฉันจะไปช่วยปลอบพ่อแทนเธอยังไง? ฉันอุตส่าห์ช่วยเธอขโมยหนังสือสัญญา แต่กลับมาเธอกลับไปแต่งงานกับผู้ชายแซ่จี้คนนั้น แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้หน้าพ่อ? เธอคิดอยากบีบเคล้นให้ฉันตายหรือยังไง?”
“ขอโทษค่ะ พี่ชาย”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ชาย! เพื่อผู้ชายคนเดียว แม้แต่ครอบครัวก็ไม่ต้องการแล้วใช่ไหม ฉันไม่มีน้องสาวแบบเธอหรอก!”
หัวเหยารู้สึกเศร้าใจมาก ถึงแม้ทั้งที่รู้ว่าคำพูดของหัวยู่เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
เธอรีบเงยหน้าขึ้นหันหน้ามองนอกหน้าต่าง พร้อมกับเบิกตากว้างเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“พี่ชาย ยังไงพี่ก็เป็นพี่ชายของน้องตลอดไป ต่อให้พี่ไม่ยินยอม ฉันก็ไม่ตำหนิพี่หรอก เรื่องที่บ้านคงต้องฝากให้พี่ช่วยดูแลแล้วล่ะ พี่วางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ ไว้รอพ่อหายโกรธก่อน เดียวฉันจะกลับไปหา ตามนี้ละกันนะคะ ฉันวางสายล่ะ พี่เองก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย”
หลังจากพูดจบ เธอก็รีบวางสายทันที เหมือนกับกลัวพูดอีกประโยค เธอจะอดกลั้นความรู้สึกไม่ไหว
ตลอดทาง จี้หลินยวนนั่งอยู่ด้านข้าง จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา โดยไม่พูดอะไร
ภายในรถยนต์เกิดบรรยากาศสงบนิ่งแปลกๆ
บรรยากาศสงบนิ่งแบบนี้ดำเนินจนถึงหน้าประตูคฤหาสน์ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง
“คุณชาย มาถึงแล้ว”
จี้หลินยวนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเปิดประตูรถเดินลงมา
หัวเหยากระโจนเดินออกไปอย่างไม่ลังเลเหมือนกัน
เมื่อมาถึงบ้าน หัวเหยาก็กลับเข้าห้องนอนทันที ส่วนจี้หลินยวน หลังจากเอากระเป๋าออกมาเสร็จก็เดินตามไปด้วยเหมือนกัน
ในตอนนี้ในบ้านมีเพียงพวกเขาสองคน ด้วยเหตุนี้หัวเหยาไม่ได้ล็อกประตู จี้หลินยวนเลยสามารถเข้าไปในห้องนอนได้อย่างราบรื่น และเห็นเธอนั่งอยู่เบื้องหน้าหน้าต่าง โดยที่บนใบหน้ามีคราบน้ำตาอยู่
ดวงตาของเขาเศร้าหมองเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ได้เข้าไปปลอบโยน เขารู้ว่าเรื่องบางอย่างการปลอบโยนก็ช่วยอะไรไม่ได้
หัวจิ้งเจ๋อไม่ชอบเขา เขาเองก็ไม่ชอบตระกูลหัว ซึ่งความไม่ชอบประเภทนี้ ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งยอมก้มหัว แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
เธอต้องเลือก
หัวเหยาร้องไห้อยู่สักพัก หลังจากรู้สึกดีขึ้น เธอก็หันหน้าเห็นเขากอดหน้าอกยืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางเมินเฉย
“คุณมาทำไมหรอ?”
จี้หลินยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ที่นี่เป็นบ้านของผม ทำไมผมไม่สามารถมาล่ะ?”
หัวเหยาโมโหจนอยากหัวเราะ
“คุณนี่ช่างไร้ยางอายจริงๆ ที่นี่เป็นบ้านที่จิ่งหนิงเตรียมไว้ให้กับฉัน แม้แต่ฉันยังไม่กล้าบอกว่าเป็นบ้านของฉันเลย คุณหน้าไม่อายจริงๆ!”
จี้หลินยวนไม่เปลี่ยนสีหน้า ยังคงพูดว่า : “ถ้าหากคุณชอบ ผมสามารถซื้อบ้านหลังนี้ให้กับคุณ ถ้าคุณชอบบ้านหลังอื่นก็เลือกตามใจชอบได้เลย”
หัวเหยาสะอึกเล็กน้อย
เมื่อโมโห เธอก็ผลักเขาออก โดยไม่สนใจ
“คุณออกไป กลับไปบ้านของคุณ ที่นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ”
จู่ๆจี้หลินยวนก็จับมือเธอไว้
เธอนิ่งอึ้งชั่วขณะ แล้วเงยหน้าสบตากับเขาอย่างจริงจัง
“เหยาเหยา ผมพูดจริง ที่ที่เป็นของผมก็คือที่ของคุณ “
หัวเหยานิ่งอึ้งชั่วขณะ
มีความรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยเกิดขึ้นตรงกลางใจขึ้น
เธอรีบดึงมือกลับมาอย่างเร็ว พร้อมหลบสายตาไม่กล้าสบตากับเขา
เธอยังคงปากแข็งอยู่ “ใครอยากเป็นครอบครัวเดียวกับคุณหรอ คุณคิดคนเดียว!”
จี้หลินยวนไม่ถือสา แต่ยิ้มจางๆ “สามีภรรยาคือคนเดียวกัน เหตุผลง่ายดาย คุณน่าจะเข้าใจนะ”
หัวเหยา:“……”
ทันใดนั้น เธอก็พูดอะไรไม่ถูก
เมื่อจ้องมองท่าทางเลิ่กลั่กของเธอ จี้หลินยวนก็หัวเราะอย่างเบิกบานใจขึ้น
เขาขยับเข้าใกล้เธอเล็กน้อย แล้วยื่นมือหยิกแก้มของเธอ และพูดขึ้นว่า : “เรียกสามีให้ฟังหน่อยสิ”
หัวเหยาจ้องมองเขาแวบหนึ่ง
“ฝันไปเถอะ!”
พูดจบ เธอก็หันหลังเดินไปตรงเตียง โดยไม่สนใจเขา
ถูกเขาปฏิเสธแบบนี้ ผู้ชายไม่มีท่าทีโกรธเคืองเลย แต่กลับยิ้มจางๆ
เดินทางมาทั้งวัน เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ไม่อยากทะเลาะกับเธอแล้ว เลยหยิบเสื้อไปอาบน้ำ
ช่วงเวลาที่ผ่านมา บางครั้งจี้หลินยวนก็มาพัก ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมีเสื้อผ้าของเขาอยู่
หัวเหยานอนบนเตียงด้วยท่าทางเหนื่อยล้า และคิดในใจว่าตัวเองห้าม ห้ามเลย ห้ามใจอ่อนตอบรับเงื่อนไขของเขาโดยเด็ดขาด
สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
เมื่อนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ จู่ๆเธอก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
พวกเขาแต่งงานกันจริงหรอ?
ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงเลยล่ะ?
เธอยื่นมือหยิกแขนเล็กน้อย เมื่อรู้สึกเจ็บก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริง
เธอถอยหายใจออกมา แล้วคว้าจับหมอนตัวหนึ่งมาปิดใบหน้า
ไม่นานประตูห้องน้ำก็มีเสียง”ตึก”ดังขึ้น จากนั้นก็มีคนเดินออกมา
เธอรีบดึงหมอนออก แล้วหันหลังเห็นผู้ชายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมา
เขาไม่ได้สวมเสื้อ ทั้งร่างกายสวมแค่ผ้าขนหนูสีขาวเผยผิวสีน้ำผึ้ง แถมยังมีกล้ามหน้าท้องที่แข็งแรงด้วย เหมือนกับถูกแกะสลักออกมาอย่างประณีต ดูแล้วทั้งเซ็กซี่และน่าหลงใหล
ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่เขาเคยเห็นคนรูปร่างแบบนี้มาเยอะ แต่พอเห็นเขากลับทำให้เธอมีใบหน้าแดงระเรื่อขึ้น