บทที่ 344 ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า
จิ่งเสี่ยวหย่าทักทายทุกคนอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงของเธออ่อนโยนและเจือไปด้วยยิ้มหวาน
เธอสวมชุดราตรีสีขาว ประดับเพชรที่หน้าอก เธอดูสง่าและงดงามเป็นอย่างมาก ชุดราตรีเป็นรูปทรงหางปลา เน้นสัดส่วนบอบบางของหญิงสาว คอระหงตั้งตรงราวกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ก็ไม่ปาน
ถ้าหากจิ่งหนิงไม่รู้จักเธอมานาน เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาแบบนี้ของเธอ กลัวเพียงว่าจะถูกรูปลักษณ์ของเธอหลอกเข้าให้
จี้หยุนซูพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย หัวเหยาส่งเสียงฮึดฮัด เธอเพียงเบี่ยงหน้ากลับไปอย่างคร้านจะตอบรับคำทักทายของจิ่งเสี่ยวหย่า
จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นท่าทีดังนั้น กลับไม่รู้สึกอะไร เธอยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณตา ขอบคุณทุกคนมากที่มาร่วมงาน ฉันขอดื่มอวยพรให้ทุกคนแทนคุณตานะคะ”
หัวเหยายิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ในโลกนี้ฉันเคยเห็นคนที่ลืมกำพืดของตนเองมาแล้วมากมาย แต่ก็เทียบกับที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนหลอกใช้อำนาจของผู้อาวุโสมาปกป้องตนเอง อย่าคิดนะว่าเพียงแค่การแต่งขนจะสามารถเปลี่ยนจากอีกามาเป็นหงส์ได้ ไม่ทันไรหางก็โผล่ออกมาเสียแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่รอสมน้ำหน้าเท่านั้นแหละ!”
เมื่อเฟิงยี่ได้ยินดังนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะครืนออกมา
ถ้าให้พูดถึงความปากเจ็บ คงต้องยกให้หัวเหยา
แน่นอนว่า ถ้าจิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินจะหัวเราะเยาะเธอ พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้จนเกินงาม เนื่องจากฐานะทางสังคมของพวกเขาค่อนข้างสูง คร้านจะเปลืองน้ำลายกับคนประเภทนี้
รอยยิ้มของจิ่งเสี่ยวหย่าดูแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่หลังจากผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นกว่าก่อนมาก
เธอสงบลงอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับมาเป็นปกติ และพูดเบาๆ:“ฉันรู้ว่าคุณหัวเข้าใจฉันผิดมาโดยตลอด แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนมักพูดกันว่ากาลเวลาพิสูจน์ใจคน ฉันเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป คุณหัวจะเข้าใจว่าฉันไม่ใช่คนแบบที่คุณคิด
อีกอย่างถ้าพูดถึงเรื่องอีกากลายเป็นหงส์ เมื่อเทียบกับฉันแล้ว ดูเหมือนว่าบางคนจะเหมาะกับประโยคนี้มากกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรฉันก็เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณตา ฉันสามารถมีทุกอย่างที่ฉันมีในวันนี้ได้ แบบนี้เรียกว่ายอมรับสายเลือดของตัวเองค่ะ
ไม่เหมือนคนบางคน ที่ใช้เพียงแค่กลมเม็ดเล็กๆน้อย บวกกับหน้าตาใสซื่อ ก็สามารถปีนขึ้นไปแตะท้องฟ้าได้แล้ว มีหน้ามีตาในสังคมได้โดยไม่ต้องออกแรงเลยสักนิด ดังนั้นถ้าให้พูดกันตามตรง มีคนเหมาะสมกับประโยคนี้มากกว่าฉันเสียอีก! ”
หัวเหยาโกรธจัด
“คุณพูดอะไร?”
สีหน้าของลู่จิ่งเซินและจี้หลินยวนดูเคร่งขรึมมากขึ้น
จิ่งเสี่ยวหย่ายังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอพูดอย่างอ่อนโยน: “คุณหัวทำไมต้องหัวเสียขนาดนี้ด้วยล่ะคะ ถ้าอยากคุยเรื่องอีกากับหงส์ ฉันสามารถคุยเรื่องนี้กับคุณได้โดยตรงเลยนะคะ คุณหัวโกรธขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะฉันบังเอิญไปพูดอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าคะ?
โอ้ ถ้าฉันพูดอะไรแบบนั้นออกไปจริงๆ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย กรุณาอย่าคิดไปเองนะคะ ถ้าเกิดความเข้าใจผิดกันจะเป็นเรื่องเอาได้ คุณว่าจริงไหมคะ? “
หัวเหยาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่เธอกำลังอยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก อีกอย่างนี่ก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคนอื่น เธอจะต้องคิดถึงหน้าของนายท่านใหญ่กวนไว้ด้วย คงจะไม่เป็นการดีหากเธอจะฉีกหน้าจิ่งเสี่ยวหย่ากลางที่สาธารณะแบบนี้
จิ่งหนิงแอบดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้
หัวเหยาเงยหน้าขึ้นมองจิ่งเสี่ยวหย่า พร้อมกับกรีดยิ้มงามอย่างไม่กลัว และพูดขึ้นอย่างใจเย็น:“คุณหนูจิ่งรองสามารถอธิบายภาษิตนี้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ดูท่าว่าคุณได้ศึกษาภาษิตนี้มาเป็นอย่างดี ถ้าอย่างนั้นฉันขอเพิ่มภาษิตให้คุณอีกสักประโยค คนทำชั่วย่อมแพ้ภัยตัวเอง!
จิ่งเสี่ยวหย่า พวกเราทุกคนรู้จักตัวตนของคุณดี ต่อหน้านายท่านใหญ่กวน ไม่มีใครคิดจะเปิดเผยความจริงนี้ แต่คุณต้องเข้าใจว่า นี่เป็นเพราะทุกคนปรารถนาดี ไม่อยากทำลายเขาความปรารถนาที่ยากจะเป็นจริงของนายท่านใหญ่กวน ไม่ใช่เพราะต้องช่วยคุณปกปิดความจริง
คนฉลาดย่อมรู้ดีว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นิ่งเงียบไว้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่คุณก็มายั่วโมโหพวกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไม? ตำแหน่งหลานสาวของตระกูลกวนมันนั่งไม่สบาย อยากลุกมาเดินเล่นหรือไง?”
สีหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เธอจ้องเขม็งไปที่จิ่งหนิง แววตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต รุนแรงจวนเจียนจะปลิดชีวิตคนได้
จิ่งหนิงไม่ได้โต้ตอบ ไม่กี่ปีมานี้ เธอเหนื่อยที่จะสู้กับจิ่งเสี่ยวหย่าแล้ว
ดวงตาของเธอ ไร้ซึ่งแรงอาฆาตโดยสิ้นเชิง
ลู่จิ่งเซินที่อยู่ด้านข้างก็ได้โอกาสพูดขึ้น
“ถ้าผมเป็นคุณหนูจิ่งรอง ผมจะไม่เสียเวลามาต่อปากต่อคำอยู่ตรงนี้หรอก แต่จะใช้เวลานี้ไปดูแลนายท่านใหญ่ สวดขอพรภาวนาทุกวัน ขอให้เขามีชีวิตที่ยืนยาว เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ไม่จริงอย่างไรเสียก็เป็นสิ่งที่ไม่จริง นายท่านใหญ่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นคนที่อยากกำจัดคุณมากที่สุดกลับไม่ใช่พวกเรา แต่คือคนรอบตัวคุณต่างหาก คุณหนูจิ่งรอง คุณคิดว่าจริงไหม?”
ใบหน้าของจิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนไปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดอะไร โชคดีที่กวนจี้หลี่ส่งคนมาเรียกเธอไปพอดี ดังนั้น เธอจึงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัด และหมุนตัวจากไป
หัวเหยามองไปที่แผ่นหลังของเธอ และพูดจาเย้ยหยันอย่างดูแคลน “คางคกขึ้นวอ!”
จิ่งหนิงอดหัวเราะไม่ได้ เธอหันไปมองหัวเหยา “เธอไปยั่วโมโหจิ่งเสี่ยวหย่าทำไม? จิ่งเสี่ยวหย่าเป็นคนอย่างไรเธอก็รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ”
หัวเหยายังรู้สึกโมโหเล็กน้อย
เธอกอดอก ใบหน้าเคร่งเครียด
“ฉันไม่ชินกับเธอในลักษณะแบบนี้ และท่าทีเสแสร้งนั่น ไม่พอยังยกฐานะของตัวเองเป็นถึงนายหญิงของตระกูลกวน ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นได้แค่ใครก็ไม่รู้ที่ถูกไล่ออกมาจากเมืองจิ้นอย่างกับหมาจรจัดตัวหนึ่ง!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งหนิงจางลง
เธอมองไปยังทิศทางที่จิ่งเสี่ยวหย่าจากไปอย่างครุ่นคิด
“สุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ที่สามารถไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้ ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน นี่ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเธอ”
หัวเหยายิ้มเยาะ
“ขอให้คนชั่วมีชีวิตยืนยาว!”
จิ่งหนิงหัวเราะ
“เธอคงไม่สามารถทำร้ายพวกเราได้หรอก นางฟ้าที่ตระกูลกวนตามหามาอย่างยาวนานได้กลับคืนรัง สุดท้ายแล้วก็ให้พวกเขาจัดการกันเองก็แล้วกัน”
พวกเขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไป จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
อีกด้านหนึ่ง กวนจี้หลี่พา จิ่งเสี่ยวหย่าไปที่มุมหนึ่ง และพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด:“เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับพวกเขา?”
จิ่งเสี่ยวหย่าก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยท่าทีขลาดกลัว “ไม่ได้คุยอะไรค่ะ ฉันแค่เห็นคนรู้จัก จึงเข้าไปทักทาย”
กวนจี้หลี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์: “ไปทักทาย?เธอเป็นใครยังไม่รู้อยู่แก่ใจอีกเหรอ? จิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินเค้าเป็นใคร?เธอก็รู้ดีว่าพวกเขาเกลียดขี้หน้าเธอ แล้วยังจะวิ่งแจ้นเข้าไปหา ชีวิตมันราบรื่นจนเกินไปเลยคิดอยากหาเรื่องใส่ตัวบ้างใช่ไหม?”
จิ่งเสี่ยวหย่าเม้มริมฝีปากของเธอ
เธอเงยหน้าขึ้น และมองไปที่ กวนจี้หลี่ความรู้สึกผิดเจืออยู่ในดวงตาของเธอเล็กน้อย
“คุณลุง อันที่จริงฉันก็ไม่อยากที่จะเข้าไปหาพวกเขา แต่ทุกคนก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้ฉันและพี่สาวมีเคยมีเรื่องกันครั้งใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ฉันจะกลับมาอยู่กับตระกูลกวนแล้วก็ตาม แต่เรื่องในอดีตก็ยังส่งผลกระทบต่อฉันเป็นอย่างมาก
ในเวลานั้นตระกูลจิ่งรู้สึกผิดกับเธอเป็นอย่างมาก แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากลองฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเธอดู ด้วยวิธีนี้ ตราบใดที่เธอยังเต็มใจที่จะให้อภัยฉัน คนอื่นก็จะคิดว่าฉันกับจิ่งหนิงมีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่น และคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เป็นผลดีต่อฉันและคุณด้วยใช่ไหมคะ? ”