บทที่ 347 ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
จิ่งหนิงรู้สึกถึงจังหวะหัวใจของเธอ ที่กำลังเต้นช้าลงจนเกือบจะหยุดนิ่งเหมือนกับจังหวะหัวใจของเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า
เธอเงยหน้าขึ้น มองไปยังผู้คนที่อยู่รอบตัว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็น เธอพูดทั้งน้ำตา
“พวกคุณตกใจยังตกใจอะไรอีก? ไม่เห็นคนจมน้ำหรือไง? รีบโทรตามหมอสิ! ถือว่าฉันขอร้องล่ะ ช่วยตามหมอมาให้ที!”
หลังจากนั้นก็มีคนทำตามที่เธอบอก รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา และเริ่มโทรหาหมอ
จิ่งหนิงยังคงทำซีพีอาร์ให้อานอานต่อไป ในขณะที่เธอพยายามช่วยชีวิตเด็กน้อยอยู่นั้น น้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ขอโทษนะ หม่ามี้ไม่ดีเอง หม่ามี้ไม่ควรปล่อยให้หนูเข้าห้องน้ำคนเดียว แม่ควรอยู่เป็นเพื่อนหนู อานอาน แม่ขอโทษ”
ในเวลานี้ จิ่งหนิงเริ่มตำหนิตัวเอง เธอไม่เคยรู้สึกเสียใจแบบนี้มาก่อนในชีวิต ทำไมเธอถึงปล่อยให้อานอานอยู่คนเดียว ทำไมเธอถึงวางใจปล่อยให้เด็กเล็กขนาดนี้อยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยคนเดียว
เธอไม่รู้ว่าทำไมอานอานถึงตกลงไปในน้ำได้ และทำไมอานอานถึงวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเธอ
แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีทางซ่อนความจริงที่ว่า เธอไม่ได้ดูแลอานอานให้ดีได้
เป็นเรื่องโชคดีที่ เนื่องจากการล้มป่วยของนายท่านใหญ่กวน ตระกูลกวนจึงต้องจ้างแพทย์ประจำตระกูลไว้ที่บ้าน
อันที่จริงแล้ว ได้มีคนแจ้งให้หมอทราบแล้ว ตั้งแต่ที่จิ่งหนิงช่วยอานอานขึ้นมาได้
ตอนนี้ หมอกำลังรีบมายังจุดเกิดเหตุ
นายท่านใหญ่กวน นายท่านใหญ่ลู่ และกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง รีบตามหมอมาติดๆ
ไม่เว้นแม้แต่ลู่จิ่งเซิน
เมื่อเขาเห็นเด็กน้อยที่นอนอยู่ตรงนั้น และภรรยาของเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก ทำให้เขาเริ่มหายใจติดขัด นัยน์ตาคู่นั้นเคร่งเครียดขึ้นทันใด
นายหญิงหชินและนายท่านใหญ่ลู่ตกใจสุดขีด พวกเขารีบแทรกตัวไปด้านหน้า
แต่เนื่องจากมีหมออยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้อานอานเกินไป เพื่อไม่ให้รบกวนการช่วยเหลือของแพทย์
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?อานอานตกลงไปในน้ำได้อย่างไร? อานอานว่ายน้ำไม่เป็น แล้วหลานจะวิ่งมาที่สระว่ายน้ำนี้ได้อย่างไร?”
ระหว่างทางมาที่นี่ คุณนายใหญ่และคนอื่นๆ ได้ทราบเรื่องราวว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใบหน้าของทุกคนต่างซีดเผือดด้วยความตกใจ จนสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จิ่งหนิงถูกคนพยุงตัวขึ้น ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือด เนื่องจากเธอรีบกระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยชีวิตอานอาน แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยน
ชุดราตรีที่เคยสวยหรู ตอนนี้กลับยับยู่ยี่ ปอยผมเปียกแนบไปกับร่างบาง สภาพของเธอตอนนี้แทบดูไม่ได้
เธอส่ายศีรษะ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น
“ฉันไม่รู้ ตอนที่ฉันมาถึง อานอานก็จมน้ำไปแล้ว มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว ฉันคิดว่า…ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไร เลยปล่อยให้ลูกเข้าห้องน้ำคนเดียว…เป็นความผิดของฉันเองทั้งหมด”
น้ำตาไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ อุณหภูมิร้อนจัดก็ไหลผ่านดวงหน้าที่เปียกชื้นของเธอ ร่างบางสั่นเทามากขึ้น
ลู่จิ่งเซินเห็นดังนั้น เขาจึงก้มลง ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก และวางไว้บนไหล่ของเธอ ห่อร่างบางเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว หมอมาแล้ว อานอานจะต้องปลอดภัย”
เขาปลอบใจจิ่งหนิง พร้อมกับโอบเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา
ทันใดนั้นร่างกายที่เย็นยะเยือกก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ราวกับสายที่ถูกตรึงไว้ได้ถูกคลายออก ร่างกายที่แข็งทื่อของจิ่งหนิงก็ผ่อนคลายลง ร่างบางอ่อนยวบในอ้อมแขนของเขา
นายหญิงหชินเห็นท่าทางของเธอดูไม่ค่อยดี จึงถามขึ้นอย่างเป็นกังวล “หนิงหนิง หนูโอเคไหม?”
จิ่งหนิงสั่นศีรษะ
เธอเพิ่งจะรู้สึกถึงความหนาวเย็น อาจจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่เธอมัวแต่กังวล โลหิตได้ฉีดพล่านไปทั่วร่างบางอย่างฉับพลัน
ในตอนนั้นเอง เธอก็รู้สึกเวียนหัว เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนถูกกระชากออกไป ถ้าไม่ได้ลู่จิ่งเซินคอยช่วยพยุง เธอคงล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว
และในตอนนั้นเอง หมอที่อยู่ด้านข้างเธอก็รายงานถึงอาการของอานอาน
“เด็กสำลักน้ำออกมาหมดแล้ว สัญญาณชีพของเธอกลับมาเป็นปกติ ด้านนอกอากาศค่อนข้างเย็น เราควรนำเธอกลับเข้าไปด้านใน”
ทุกคนช่วยกันย้ายเด็กน้อยเข้ามาด้านใน
ลู่จิ่งเซินกอดจิ่งหนิงไม่ปล่อย เขารู้สึกได้ว่า อุบัติเหตุของอานอานครั้งนี้ ทำให้จิ่งหนิงตกใจเป็นอย่างมาก
ร่างของหญิงสาวสั่นสะท้าน มือของเธอเย็นเฉียบ ราวกับน้ำแข็ง
เขาเอ่ยถามเธออย่างเป็นห่วง “เป็นอย่างไรบ้าง?ยังไหวไหม?”
จิ่งหนิงกลืนน้ำลาย และพยักหน้า “ฉันโอเค รีบพาฉันเข้าไปดูอาการของอานอานเถอะค่ะ”
ลู่จิ่งเซินรู้ดีว่า เธอไม่มีทางวางใจ จนว่าจะได้รับการยืนยันว่าอานอานปลอดภัยแล้ว
ดังนั้น เขาจึงช่วยพยุงเธอเข้าไปด้านใน
อานอานฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงมาก เด็กน้อยเพียงแค่ตกใจและสำลักน้ำก็เท่านั้น เมื่อสักครู่เธอได้สำลักน้ำออกมาหมดแล้ว สาเหตุที่เธอไม่ฟื้นขึ้นทันที ก็เพราะว่าเด็กน้อยได้ช็อกจนหมดสติไป
เมื่อสักครู่แพทย์ได้ใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการปลุกเด็กให้ฟื้นขึ้นมา
เมื่ออานอานตื่นขึ้นมา เธอก็ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา ปัดป่ายมือน้อยไปด้านหน้า เพื่อหาแม่ของเธอ
เมื่อจิ่งหนิงเห็นดังนั้น เธอก็รีบผละออกจากลู่จิ่งเซิน และวิ่งไปนั่งลงข้างเตียง พร้อมกับสวมกอดอานอานไว้ในอ้อมแขน
“อานอานไม่ต้องกลัว แม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“ฮือออออ…หม่ามี้ อานอานกลัว อานอานคิดว่าจะไม่ได้เจอหม่ามี้อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย จิ่งหนิงก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ และพูดปลอบใจว่า:“อานอานไม่ต้องกลัว หม่ามี้อยู่นี่แล้ว อานอานจะไม่เป็นอะไร”
เมื่อได้รับคำปลอบโยนจากจิ่งหนิง ผ่านไปครู่ใหญ่ จิตใจของอานอานก็สงบลง
แพทย์ได้ตรวจอาการของเธออีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีอะไรร้ายแรง และเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น หมอจึงได้ให้คนไปต้มซุปขิงมา หลังจากนั้นก็จากไป
หลังจากรอหมอออกไปแล้ว กลุ่มคนก็ล้อมเข้ามาทันที
“อานอาน เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมอยู่ดีๆ ถึงตกเข้าไปในสระว่ายน้ำได้?”
อานอานคว้าแขนเสื้อสูทของจิ่งหนิง ดวงตาใสมองไปยังสีหน้าเจือกังวลของผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวเธอ จากนั้นก็หันกลับมามองจิ่งหนิง
“หม่ามี้ หนูผิดไปแล้ว หลังจากนี้หนูจะไม่ไล่จับผีเสื้อตัวน้อยอีกแล้ว”
จิ่งหนิงผงะ
จิ่งหนิงถือชามอยู่ในมือ กำลังป้อนซุปขิงให้กับอานอาน เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็วางช้อนซุปลง และถามขึ้นอย่างสงสัย:“ผีเสื้อตัวน้อยอะไรกัน?”
“มันเป็นผีเสื้อตัวน้อยที่สวยมาก หลังจากที่หนูออกมาจากห้องน้ำ หนูก็เห็นมันบินไปบินมาอยู่ตรงนั้น หนูรู้สึกสงสัยขึ้นมา เลยวิ่งเข้าไปจับมัน ไม่คิดว่ามันจะบินออกไปไกลเรื่อย ๆ มันบินออกไปทางประตูด้านหลัง
หนูไม่ยอม ในใจคิดว่า ผีเสื้อสวยขนาดนี้ หนูจะต้องจับมันมาให้หม่ามี้ให้ได้ หนูเลยวิ่งตามมันไป พอวิ่งออกไปข้างนอก ผีเสื้อตัวน้อยก็หายไปแล้ว หลังจากนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หนูรู้สึกว่าหนูถูกผลักลงสระว่ายน้ำ ”
สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไป
คนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“หนูพูดว่าอะไรนะ? มีคนผลักหนูลงไปเหรอ?”
ผู้พูดคือนายหญิงหชิน
อาจเป็นเพราะความโกรธ น้ำเสียงของนายหญิงกลับไร้ซึ่งความอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็น ออกจะติดกระด้างเล็กน้อย
อานอานถึงกับผงะ ร่างเล็กสั่นเทาเล็กน้อย เธอมองไปที่นายหญิงชราอย่างตื่นกลัว
“คุณย่าทวด เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? คุณย่าทวดโกรธเหรอคะ?”