บทที่ 349 วิเคราะห์ผลดีและผลเสีย
กวนเสว่เฟยลดใบหน้าของเธอลง
“คุณกำลังสงสารฉันอยู่เหรอ?”
จิ่งหนิงเลิกคิ้ว
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ คุณจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ!”
กวนเสว่เฟยผูกเชือกเสร็จ และรีบก้าวถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็ว เธอกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา:“เมื่อก่อนฉันสามารถพูดได้ว่าฉันเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลกวน อยู่ใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
ว่ากันตามตรง สาเหตุที่ตระกูลกวนรับเลี้ยงฉัน ก็เพียงเพื่อชดเชยความโศกเศร้าจากการสูญเสียลูกไป แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว ฉันก็ไร้ประโยชน์ บางครั้งฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฉันอยู่ในตระกูลกวนในฐานะอะไร
คุณเห็นฉันเป็นตัวตลก ฉันเข้าใจ เพราะถ้าเป็นฉัน คุณตกมาอยู่ในจุดนี้ ฉันคงจะจุดประทัดฉลองสักสองสามวัน แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะหัวเราะเยาะฉันได้ และก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะต้องลดความต้องการของฉัน และไปแต่งงานกับใครก็ได้ที่ฉันไม่ได้ชอบ”
จิ่งหนิงจัดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หันกลับไปทางเธอ
“ฉันไม่ได้หัวเราะเยาะคุณ”
สีหน้าของเธอดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอก็พูดต่อ:“ฉันพูดความจริง ถ้าสลัดจุดยืนของเราตอนนี้ออก ฉันไม่เกลียดคุณเลยสักนิด เรื่องของคุณและเห้อเฉินจุน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เตือนฉัน ฉันก็ไม่มีทางเอาไปบอกใครหรอก
คุณพูดเองว่า ตอนนี้สถานะของคุณในตระกูลกวนค่อนข้างเปราะบาง คุณรู้ดีกว่าฉันอยู่แล้วว่า หากนายท่านใหญ่กวนไม่อยู่แล้ว ตระกูลกวนจะต้องระส่ำระสาย คุณเองที่เป็นลูกสาวบุญธรรมสามารถหาทางรอดได้อย่างสบายๆ ดังนั้น ทำไมไม่ลองหาทางออกให้กับตัวเองดูล่ะ ลองหาแฟนดีๆสิ? ”
กวนเสว่เฟยยิ้มเยาะ
“คุณคิดว่าฉันจะหาทางรอดไม่ได้เหรอ? แล้วจิ่งเสี่ยวหย่าล่ะ?คุณเชื่อจริงๆ หรือว่า เธอเป็นลูกของกวนจี้หวั่น!”
จิ่งหนิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
หลังจากนิ่งไปสักพัก เธอก็พูดขึ้นว่า:“เธอมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะลุยโคลนบ่อนี้มากกว่าคุณ”
กวนเสว่เฟยผงะ
จิ่งหนิงอธิบายว่า:“ฉันไม่เคยยอมรับในตัวตนของเธอ แต่จะว่าไปแล้ว จิ่งเสี่ยวหย่ามีความสามารถมากกว่าเธอ กล้ากว่า และโหดร้ายกว่า เรื่องที่คุณทำได้ ถือเป็นเรื่องกระจอกสำหรับเธอ และเรื่องที่คุณไม่สามารถทำได้ เธอกลับสามารถบังคับตัวเองให้ลงมือทำมันได้ สถานการณ์ของตระกูลกวนตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย เสือสองตัวกำลังต่อสู้กัน และจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใครคิดที่จะลากลูกสาวบุญธรรมอย่างคุณมาเกี่ยวข้องหรอก ในมือของคุณ ไม่มีแม้แต่สิทธิในทรัพย์สมบัติและหุ้นของตระกูลกวน
ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วตอนจบของคุณ ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการถูกใช้เป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดาน หรือไม่ก็ถูกหมายหัวจากทั้งสองฝ่าย หลังจากนายท่านใหญ่กวนจากไปแล้ว ก็จะถูกเฉดหัวทิ้งอย่างไม่ไยดี
ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ก็ไม่ได้ดีไปกว่าสถานการณ์ตอนนี้ของคุณ จิ่งเสี่ยวหย่าแตกต่างออกไป ฉันได้ยินมาว่าในมือของเธอกำลังถือหุ้น15%ที่กวนจี้หวั่นทิ้งไว้ให้ และนายท่านใหญ่กวนก็ตั้งใจที่จะจับคู่เธอกับกู้เล็ก
หากทั้งสองคนไม่ได้แต่งงานกัน หุ้น15%นี้ ก็จะกลายเป็นเครื่องรางป้องกันตัวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงใหญ่กวนหรือคุณลุงกวนที่สอง ก็จะต้องเกรงกลัวเธออยู่บ้าง
และถ้าเธอได้แต่งงานกับกู้เล็กจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงแค่หุ้นเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งพิงหลักของเธอ แต่จะเป็นตระกูลกู้ทั้งตระกูล คุณอย่ามองฉันด้วยสายตาสงสัยแบบนี้ เชื่อฉัน คุณทำได้
เพราะสุดท้ายแล้ว ฉันก็รู้จักเธอมากว่าสิบปีแล้ว ฉันรู้จักเธอดีกว่าคุณ ฉันดีรู้ว่าเธอมีความสามารถแค่ไหน และมีทักษะแบบไหน ดังนั้น สิ่งที่คุณทำไม่ได้ แต่เธอกลับทำได้ บ่อโคลนบ่อที่คุณไม่สามารถลุยลงไปได้ แต่เธอสามารถลุยลงไปได้! นี่คือเห็นผลที่ฉันอยากให้คุณถอนตัวออกจากเกมนี้ ”
กวนเสว่เฟยนิ่งค้างไป
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จิ่งหนิงจะพูดกับเธอมากขนาดนี้
เรื่องนี่จิ่งหนิงพูดมันก็มีเหตุผล ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจ แต่บางครั้งเธอก็ไม่อยากยอมรับมัน
เนื่องจากความรู้สึกอยากเอาชนะที่อยู่ลึกในใจของเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่า เธอถูกตระกูลกวนรับมาเลี้ยงตั้งแต่อายุห้าขวบ เธอจึงคิดว่า เธอนี่แหละที่เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของตระกูลกวน
แต่ตอนนี้ จิ่งเสี่ยวหย่ากลับมาแล้ว!
ถ้าจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลกวนก็ไม่เป็นไร แต่ลึกๆ แล้วเธอมักจะรู้สึกว่า จิ่งเสี่ยวหย่าไม่ใช่
สุดท้ายแล้ว กวนเสว่เฟยก็ไม่รู้ว่า ระหว่างจิ่งเสี่ยวหย่า กวนจี้หมิงและ กวนจี้หลี่ มีผลประโยชน์อะไรร่วมกัน
แต่เธอคิดเสมอว่า ความจริงจะต้องเปิดเผยในไม่ช้าก็เร็ว และจิ่งเสี่ยวหย่าก็จะต้องเดินจากไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง!
แต่หลังจากฟังจิ่งหนิงพูดเสร็จ เธอจึงได้เข้าใจอย่างชัดเจน
เธอไม่มีทางเดินจากไป!
ตั้งแต่วันที่กวนจี้หมิงพาจิ่งเสี่ยวหย่ากลับมายังตระกูลจิ่ง ตั้งแต่ที่นายท่านใหญ่เชื่ออย่างสุดหัวใจว่า จิ่งเสี่ยวหย่าเป็นหลานสาวที่เขาเฝ้าตามหามากว่ายี่สิบปี
เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิมได้!
คงไม่มีใครกล้ายอมรับความผิดที่หลอกลวงนายท่านใหญ่
เพราะการทำแบบนี้เป็นการทำให้คนเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ถึงแม้ในตอนแรกจะปรารถนาดี แต่สุดท้ายแล้วความผิดที่ถูกปกปิดไว้นี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลกวน ไม่เหลืออะไรเลย
ดังนั้นกวนจิ้หมิงไม่มีทางที่จะยอมให้เธอสารภาพความจริงออกไป
แต่กวนจี้หลี่เมื่อพิจารณาจากเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจิ่งเสี่ยวหย่า
ดังนั้น ความจริงนี้ คงจะต้องถูกฝังไว้ตลอดไป ไม่ให้มีใครหยิบยกขึ้นมาอีก
สีหน้าของกวนเสว่เฟยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่ความตกใจในตอนแรก ไปจนถึงความดิ้นรน และสุดท้ายร่องรอยของการอยากเอาชนะของเธอก็ได้เลือนหายไปอย่างสมบูรณ์
เธอต้องยอมรับว่า คำพูดของจิ่งหนิง มันสมเหตุสมผล
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจิ่งเสี่ยวหย่า
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอดูเหมือนจะเป็นบุคคลชั้นสูงที่เป็นที่รู้จักกันในสังคม อันที่จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในมือของนายท่านใหญ่ก็เท่านั้น
นายท่านใหญ่ต้องการใช้เธอเพื่อแต่งงานกับตระกูลกู้ แต่เธอปฏิเสธ
ดังนั้น นายท่านใหญ่จึงรู้สึกผิดหวังในตัวเธอ
และตอนนี้ สิ่งที่เขาคิดว่าเป็น “ของแท้” ก็กลับมาแล้ว แล้วเธอจะเหลือที่ซุกหัวนอนที่ไหน?
แม้ว่าตอนนี้เธอจะลุกขึ้น และบอกว่าจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นของปลอม
ภายใต้การคุ้มกันของกวนจี้หมิงกับกวนจี้หลี่ และภายใต้ความเชื่อมั่นของนายท่านใหญ่ที่มีต่อจิ่งเสี่ยวหย่า ไม่มีใครเชื่อเธออย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น เธอจะหวังให้ใครช่วยเธอ?
ใครยินดีที่จะช่วยเธอ?
ทันใดนั้นกวนเสว่เฟยรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าอันเหนือประมาณ ในชั่วขณะนั้นราวกับภาพทุกอย่างชัดแจ้งต่อเธอ ความเศร้าที่ยากจะบรรยายได้ค่อยๆ ไหลทะลักขึ้นมาส่วนลึกในใจเธอ และในไม่ช้าก็ล้นปริ่มอยู่ทั่วทุกห้องหัวใจ
เธอมองไปที่จิ่งหนิง ทันใดนั้น เธอจึงเริ่มปริปากพูดด้วยความยากลำบาก
“ทำไมคุณถึงบอกเรื่องนี้กับฉัน?”
เธอไม่เชื่อว่า จิ่งหนิงบอกเรื่องนี้กับเธอเพราะความปรารถนาดี
จิ่งหนิงคลี่ยิ้มจาง
“เพราะฉันไม่อยากเห็นเธอใช้ชีวิตได้อย่างอิสรเสรีมากกว่าคุณเสียอีก”
สีหน้าของกวนเสว่เฟยเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“ฉันคิดว่า คุณไม่ได้พูดความจริง แต่คุณก็ยอมรับโดยนัยแล้วว่าคุณไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองจิ้นแล้ว”
จิ่งหนิงยกมุมปากขึ้นอย่างเยือกเย็น
“ฉันเคยอยากให้เรื่องมันจบเพียงเท่านี้เหมือนกัน แต่เธอไม่ควร ไม่ควรอย่างยิ่ง ไม่ควรมายุ่งกับคนที่ฉันรัก”
เย็นนี้ อานอานถูกผลักลงสระว่ายน้ำ แม้ว่าจะยังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิด แต่ภายในใจลึกๆ ของเธอรู้ดีว่าเป็นใคร
ในตระกูลใหญ่อย่างตระกูลกวน มีเพียงไม่กี่คนที่เกลียดชังเธอ แต่อานอานเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะมีใครที่จิตใจอำมหิตถึงขนาดลงมือทำร้ายเด็กตาดำๆ ได้?
ตอนแรกเธอคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของกวนเสว่เฟย เนื่องจาก เธอชอบลู่จิ่งเซินถึงขนาดนี้ เมื่อไม่ได้เขามาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง แต่เธอไม่สามารถทำลายลู่จิ่งเซินได้ จึงลงมือกับลูกคนเดียวของเขาแทน
ดังนั้น เธอจึงลองถามกวนเสว่เฟย แต่สายตาของกวนเสว่เฟยได้บอกเธอออกมาหมดแล้วว่า เธอไม่ได้เป็นคนทำ
และถ้าไม่ใช่เธอ ก็เหลือแค่คนนั้นแล้ว