บทที่353 ตามหาหลักฐาน
คุณท่านกวนพูดด้วยน้ำเสียงขรึมว่า : “สะใภ้ตระกูลลู่ ของเล่นผีเสื้อชิ้นนี้พบเจอในห้องของเธอ ไม่ใช่ว่าเป็นหลักฐานแล้วหรอ ฆาตกรก็คือเธอไม่ใช่หรอ? ส่วนเจตนา ตอนนี้เธอยังไม่กล้าพูดก็ไม่เป็นไร แต่เดียวหากเธอพบกับความลำบาก เธอคงแยกแยะออก และรู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร”
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว
เธอคิดไม่ถึงว่าคุณท่านกวนคนนี้จะเป็นคนตัดสินแบบนี้
เธอส่ายหน้า และพูดขึ้นว่า : “ไม่ค่ะ คุณท่านกวนพูดถูก ถึงแม้ของเล่นผีเสื้อชิ้นนี้จะพบเจอในห้องของเสี่ยวหยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าของสิ่งนี้เป็นของเธอ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ยิ่งมึนงงมากขึ้น
และหันหน้ามองเธอด้วยสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจเจตนาของเธอ
กวนจี้หลียิ้มและพูดว่า : “ถ้าแค่นี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แล้วจะพิสูจน์ยังไงหรอ?”
“แน่นอนว่าต้องดูจากหลักฐานรายละเอียดยิบย่อย!”
จิ่งหนิงชูของเล่นผีเสื้อชิ้นนั้นขึ้นโชว์เบื้องหน้าทุกคน และพูดขึ้นว่า : “ทุกคนเชิญดู ถึงแม้ของเล่นชิ้นนี้ดูแล้วธรรมดา แต่ถ้าหากมองอย่างละเอียดก็จะพบว่าบนปีกของมันมีบางตำแหน่งที่เปียก ฉันลองดมอย่างละเอียดแล้วเมื่อกี้ พบว่าเป็นกลิ่นน้ำหอม ตอนแรกฉันก็ไม่คิดออกหรอกว่าเป็นน้ำหอมอะไร แต่มีใครคนหนึ่งเดินผ่านตัวฉัน จนฉันได้ยินกลิ่นน้ำหอมประเภทนี้ขึ้น ฉันจึงนึกออกว่าเป็นน้ำหอมรุ่นใหม่ของแบรนด์อาร์มานี่
ทุกคนล้วนรู้ว่าน้ำหอมรุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ราคาจึงแพงมากด้วย เสี่ยวหยู่เป็นแค่สาวใช้ ต่อให้รวบรวมเงินเดือนหนึ่งปีก็ไม่สามารถซื้อขวดหนึ่งได้ ถ้าหากเป็นของเธอ แต่ทำไมถึงมีกลิ่นน้ำหอมแรงขนาดนี้ด้วยล่ะ? ดังนั้นฉันคิดว่าคงมีคนกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดโปง เลยเอาของเล่นโยนทิ้งในห้องของเธอ เพื่อให้เธอเป็นแพะรับบาป”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ก็พากันตกใจ คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ดูไม่ง่ายดาย เบื้องหลังความจริงจะซับซ้อนมากขนาดนี้
จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้าเปลี่ยนทันที พร้อมเผยสายตากังวลเล็กน้อยขึ้น
มีคนซักถามว่า : “แล้วฆาตกรตัวจริงคือใครหรอ?”
จิ่งหนิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วหันหน้ามองและยิ้มให้กับจิ่งเสี่ยวหย่า “ช่างบังเอิญจริงๆ เมื่อกี้ฉันเพิ่งเดินผ่านคุณคนนี้ และได้กลิ่นน้ำหอมประเภทนี้พอดี คุณหนูรองตระกูลจิ่ง ในเวลานี้เป็นเวลาที่คุณควรยืนออกมาพูดอธิบายแล้วไม่ใช่หรอ?”
จิ่งเสี่ยวหย่าเปลี่ยนสีหน้าทันที และเผยสายตาเป็นประกาย แล้วพูดติดอ่างว่า : “พี่สาว ฉันไม่รู้ว่าพี่กำลังพูดถึงอะไร?”
“อืม? ไม่ยอมรับใช่ไหม ไม่รีบร้อน บนปีกผีเสื้อมีตำแหน่งที่เปียกจุดหนึ่ง ฉันเชื่อว่าคงไม่ใช่เพราะพ่นน้ำหอมหรือติดกลิ่นจากที่อื่นหรอก จากที่ฉันคาดเดาคงเป็นเพราะไม่ทันระวังทำน้ำหอมแตก จนกระเด็นทำให้ตรงปีกของผีเสื้อเปียก! คุณหนูรองตระกูลจิ่งสะดวกให้ฉันดูกระเป๋าหน่อยได้ไหมค่ะ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ากระวนกระวายทันที คิดอยากปฏิเสธ แต่คุณหญิงหชินส่งสายตาต่อโม่หนาน ให้เธอเดินเข้ามาแย่งกระเป๋าของเธอแล้ว
“คุณทำอะไร? พี่สาว ไม่ใช่ฉัน––”
จิ่งเสี่ยวหย่ายังไม่ทันพูดจบ จิ่งหนิงก็เปิดกระเป๋าขึ้น
เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ภายในกระเป๋ามีร่องรอยเปียกอยู่ แถมยังมีกลิ่นแรงด้วย ซึ่งเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เหมือนกับบนปีกเสื้อเลย
จิ่งหนิงหันหน้ามองเธอด้วยสีหน้าขาวซีด
จิ่งหนิงหันหน้ายื่นกระเป๋าให้กับคุณท่าน แล้วพูดขึ้นว่า : “เป็นอย่างที่คาดคิดเลยค่ะ ทุกคนค่ะ หากใครไม่เชื่อ สามารถมาดูมาดมด้วยตัวเองได้ จะได้ไม่กล่าวหาว่าฉันใส่ร้ายเธอ!”
สถานการณ์เปลี่ยนเร็วมาก จนทุกคนดึงสติกลับมาไม่ทัน
แต่หลังจากดึงสติกลับมาก็พากันหันหน้ามองจิ่งเสี่ยวหย่าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ จากนั้นทุกคนก็วิพากษ์วิจารณ์ขึ้น
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? คิดไม่ถึงว่าจิ่งเสี่ยวหย่าเป็นคนทำ!”
“แทบไม่อยากเชื่อเลย เมื่อกี้ยังเห็นเธอช่วยพูดแทนสาวใช้อยู่เลย ฉันก็นึกว่าเป็นคนดี! ที่ไหนได้เธอเป็นคนใส่ร้ายคนอื่นให้เป็นแพะรับบาป!”
“นี่เขาเรียกว่าโจรร้องเรียกให้จับโจร ช่างร้ายกาจจริงๆ!”
“ถ้าหากไม่ถูกคนกระชากหน้ากาก ฉันคงนึกว่าเธอเป็นคนดีคนหนึ่งเลย!”
“จิตใจโหดร้ายมาก ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่แผ่วเบา ไม่นานก็กลายเป็นเสียงประชดประชันที่ทิ่มแทงจิ่งเสี่ยวหย่า
คุณท่านกวนหยิบกระเป๋า และมองดูร่องรอยน้ำหอม ขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจายขึ้น จากนั้นเขาก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้นมาทันที
แม้แต่กวนจี้หมิงก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจขึ้นเหมือนกัน
“เสี่ยวหย่า เธอจะอธิบายเรื่องนี้ยังไงหรอ?”
“คือหนู…..”
จิ่งเสี่ยวหย่าอ้ำอึ้ง เธอแทบคิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งหนิงจะละเอียดรอบคอบถึงขนาดนี้ แม้แต่หลักฐานที่ปกปิดอย่างมิดชิดยังถูกเธอค้นพบเลย
ด้วยเหตุนี้เธอแทบไม่ได้เตรียมคิดคำพูดสวยหรูเลย
เธอนิ่งเงียบอยู่สักพัก เมื่อจิ่งหนิงเห็นเธอไม่พูดจาก็ยิ้มและพูดว่า : “เธอเก็บของเล่นผีเสื้อชิ้นนี้ในกระเป๋ามาตลอด และรอหาโอกาสที่เหมาะสมจัดการอานอาน แต่คงคิดไม่ถึงว่าจะพลั้งมือทำน้ำหอมกระจายออกมา ทำให้บนปีกผีเสื้อมีกลิ่นน้ำหอมติดอยู่
หลังจากเกิดเรื่อง เธอกลัวว่าพวกเราจะสืบได้ จึงเอาของเล่นผีเสื้อโยนเข้าห้องของเสี่ยวหยู่ คิดอยากให้เธอกลายเป็นแพะรับบาป และทำให้ตัวเองพ้นจากความผิดด้วย แต่คิดไม่ถึงว่ามีหลักฐานทิ้งไว้บนปีกผีเสื้อ จนแทบไม่สามารถหาข้ออ้างหนีความผิดได้
เรื่องเกิดถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังมีอะไรจะพูดอีกหรอ?”
จิ่งหนิงเผยสีหน้าขาวซีดขึ้น
เธอเหลือบมองจิ่งหนิงเล็กน้อย และหันหน้ามองคุณท่านกวน แล้วรีบพูดอธิบายว่า : “คุณตา คือหนู หนูไม่ได้ทำร้ายอานอานนะคะ หนูไม่มีความปัญหาอะไรกับเธอ ทำไมหนูต้องทำร้านเธอด้วยล่ะ?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา สีหน้าขาวซีด ดูแล้วน่าสงสารมาก จนทำให้คุณท่านกวนขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมเผยสีหน้าลำบากใจขึ้น
คุณหญิงหชินรู้ว่าคุณท่านกวนต้องลำเอียงจิ่งเสียวชิงแน่
ดังนั้นเลยพูดว่า : “แล้วเธอจะอธิบายเรื่องผีเสื้อยังไง รวมถึงเรื่องที่ผลักอานอานด้วย?”
จิ่งเสี่ยวหย่าลังเลเล็กน้อย และพูดว่า : “ฉันยอมรับว่าผีเสื้อตัวนี้เป็นของฉัน คือฉันเตรียมให้อานอานอานเล่น แต่ฉันขอสาบานว่าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น!”
มีคนพูดประชดขึ้นว่า : “ยอมรับแล้ว แต่ยังพูดว่าไม่มีเจตนาอีกหรอ?”
สวีหุ้ยฝืนยิ้มออกมา และพูดจากด้านข้างว่า : “บางทีคุณหนูจิ่งอาจมีเหตุผลที่พูดลำบากก็ได้ หวังว่าทุกคนจะรอฟังเธอพูดจนจบ อย่าได้คาดเดาไปมัว”
เมื่อคนนั้นเห็นสวีหุ้ยพูดก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงหุบปากและไม่เชื่อ
จิ่งเสี่ยวหย่าพูดต่อว่า : “ตอนที่ฉันหยิบผีเสื้อไปที่นั้น ตอนแรกคิดอยากเล่นกับเธอ และอยากเอาของเล่นมอบให้กับเธออีก คิดไม่ถึงว่าอานอานจะไม่ทันระวังผลัดตกลงสระว่ายน้ำ ในตอนนั้นฉันตกใจมาก เลยยื่นมือคว้าจับเธอ แต่สุดท้ายก็ส่ายไปแล้ว เลยไม่สามารถช่วยเธอได้
ตอนเห็นอานอานตกน้ำ ฉันทั้งตกใจและหวาดกลัวมาก ตอนแรกคิดอยากช่วยเธอขึ้นมา แต่คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียง เลยช่วยเธอขึ้นมาทันที
ฉันกลัวว่าทุกคนจะบอกว่าฉันเป็นคนตั้งใจผลักเธอ เลยหน้ามืดตามัวเดินหนีไป ต่อมาฉันกลัวว่าพวกคุณจะเข้าใจผิดต่อฉัน กล่าวโทษฉัน ดังนั้นเลยเอาของเล่นผีเสื้อวางในห้องของเสี่ยวหยู่
ขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรทำแบบนี้ เพราะฉันกลัวจริงๆ แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาทำร้ายอานอานเลย”