บทที่ 359 ไม่สามารถรับปากได้
จิ่งเสี่ยวหย่านิ่งอึ้งชั่วขณะ แล้วเดินเข้ามา
กวนเสว่เฟยรีบยิ้มแย้มเพื่อปกปิดเจตนาของตัวเอง
จิ่งเสี่ยวหย่ายักคิ้ว และเผยสีหน้าจนปัญญาขึ้น พร้อมพูดอธิบายว่า : “เธอหมายถึงปานผีเสื้อบนแผ่นหลังนั้นหรอ? ตอนเด็กยังมี แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อโตขึ้นกลับค่อยๆหายไป”
ตอนที่เธอตอบมีท่าทางผ่อนคลาย ราวกับไม่มีความกังวลและหวาดกลัวเลย แต่เผยท่าทางเหมือนกับพูดเรื่องในอดีต
กวนเสว่เฟยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“แบบนี้เองหรอ ปานสามารถหายเองได้ด้วยหรอ ช่างอัศจรรย์จริงๆ?”
จิ่งเสี่ยวหย่ายิ้มและพูดว่า : “ก็ใช่ แต่เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นสักหน่อย มันเป็นเพียงปัจจัยของสีในร่างกายเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของหลักการแพทย์”
กวนเสว่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย
“ที่แท้อย่างนี้นี่เอง”
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันถูกคอ เมื่อกินอาหารว่างเสร็จก็ไม่แช่น้ำอุ่นต่อ แต่นั่งพักสักครู่ และเตรียมตัวกลับ
เมื่อคุณท่านกวนทราบว่าพวกเธอทั้งสองออกไปด้วยกันตอนบ่ายก็ขมวดคิ้วขึ้น และรู้สึกว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชาย แต่เรื่องความคิดการอ่านของผู้หญิงนับว่าเขามีความเข้าใจอยู่
นับตั้งแต่จิ่งเสี่ยวหย่ากลับมา กวนเสว่เฟยมีท่าทางเมินเฉยต่อจิ่งเสี่ยวหย่ามาตลอด
แถมเกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อคืนขึ้นด้วย หากพูดตามหลักการแล้ว วันนี้กวนเสว่เฟยยิ่งควรไม่สนใจเธอ แถมยังหัวเราะเยาะเธอด้วยซ้ำ
แต่เธอไม่เพียงไม่ทำ แต่ยังกินข้าวเที่ยงด้วยกัน แถมนัดออกไปข้างนอกด้วยกันด้วย?
คุณท่านกวนสัมผัสได้ถึงความปกติ ดังนั้นตอนที่กวนเสว่เฟยกับจิ่งเสี่ยวหย่ากลับมา เขาได้แอบเรียกกวนเสว่เฟยให้ไปหาเงียบๆด้วย
“คุณตาเรียกให้หนูมาหาหรอค่ะ?”
เมื่อกวนเสว่เฟยเดินเข้ามาในห้องก็ซักถามขึ้น
ในตอนนี้คุณท่านกวนกำลังนั่งบนเก้าอี้รถเข็น และหลับตาพักผ่อนอยู่
เมื่อได้ยินเสียง เขาก็ลืมตาขึ้น และส่งสัญญาณให้เธอปิดประตูลง
กวนเสว่เฟยรีบเดินไปปิดประตู จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเขา
“คุณตามีเรื่องอะไรหรอค่ะ?”
คุณท่านกวนจ้องมองเธอ และพูดขึ้นว่า : “เมื่อกี้เธอพาเสี่ยวหย่าไปไหนมาหรอ?”
กวนเสว่เฟยนิ่งอึ้ง พร้อมเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย และพูดว่า : “ไม่ได้ไปไหนค่ะ แค่ชวนเธอไปแช่น้ำอุ่นที่บ่อน้ำพุร้อนที่เพิ่งเปิดใหม่ค่ะ”
คุณท่านกวนจ้องมองเธอด้วยสายตาสงสัยขึ้น “จริงหรอ?”
กวนเสว่เฟยยิ้มประชดขึ้น
“ถ้าหากคุณตาไม่เชื่อ เรียกจิ่งเสี่ยวหย่ามาถามก็หมดเรื่องแล้วค่ะ หรือว่าคุณตากลัวว่าหนูกลั่นแกล้งเธอหรอค่ะ?”
คุณท่านกวนขมวดคิ้วขึ้น
ไม่นานก็พูดขึ้นว่า : “เธอไม่ต้องพูดแบบนี้มากระตุ้นฉันหรอก ถึงแม้ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว แต่ตำแหน่งของพวกเธอในใจของฉันยังคงเหมือนเดิม ฉันเลี้ยงดูเธอตั้งแต่เด็กจนโต และเห็นเธอเป็นหลานสาวคนหนึ่งมาโดยตลอด”
กวนเสว่เฟยยืนนิ่งเงียบ โดยไม่พูดอะไร
คุณท่านกวนนิ่งเงียบสักพัก และพูดว่า : “เมื่อคืนคนของตระกูลกู้ได้ปฏิเสธงานแต่งงานของจิ่งเสี่ยวหย่าแล้ว เรื่องนี้เธอรู้หรือเปล่า?”
กวนเสว่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย “รู้ค่ะ”
“สำหรับเรื่องนี้ เธอมีความคิดเห็นยังไงหรอ?”
กวนเสว่เฟยนิ่งอึ้งเล็กน้อย
เธอจ้องมองคุณท่านกวนด้วยสายตามึนงง
“คือหนู….หนูไม่มีความคิดเห็นอะไรเลยค่ะ”
เรื่องของจิ่งเสี่ยวหย่ากับกู้เล็ก คนที่ไม่มีส่วนร่วมอย่างเธอจะมีความคิดเห็นยังไงล่ะ?
เมื่อคุณท่านกวนได้ยินคำตอบแบบนี้ของเธอก็รู้สึกไม่พอใจมาก
เขาขมวดคิ้ว และเหลือบตามองเธอด้วยสายตาขุ่นเคืองขึ้น
“ในความคิดของเธอแล้ว เธอคิดว่ากู้ยี่ซวนคนนี้เป็นคนยังไงหรอ?”
กวนเสว่เฟยนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น และรู้สึกมึนงงเล็กน้อย จู่ๆก็เหมือนเข้าใจบางอย่าง พร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อขึ้น
“คุณตาถามหนูแบบนี้หมายถึงอะไรหรอ?”
คุณท่านกวนพูดขึ้นว่า “จะหมายถึงอะไรอีกล่ะ? เสี่ยวหย่าไม่มีความสามารถ ไม่สามารถจับผู้ชายดีๆอยู่หมัด แต่ในตระกูลกวนของเรามีคนหนึ่งที่มีความสามารถ
เสว่เฟย เธอเป็นคนที่ฉันเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนอย่างใส่ใจ เธอกับเสี่ยวหย่าไม่เหมือนกัน เธอเป็นคุณหนูที่แท้จริง ถ้าหากเธอแต่งงาน ตระกูลกู้คงไม่มีอคติแน่นอน ในอนาคตเธอก็สามารถช่วยเหลือตระกูลกู้ได้ เธอคิดว่ายังไง?”
กวนเสว่เฟยนิ่งอึ้งเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าคุณท่านกวนจะยื่นความต้องการแบบนี้กับเธอ
เธอเผยสีหน้าเคร่งเครียดทันที และจ้องมองคุณท่านกวนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ แล้วพูดขึ้นว่า : “คุณตา เมื่อคุณเห็นจิ่งเสี่ยวหย่าแต่งงานกับตระกูลกู้ไม่ได้ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่หนูหรอ? คุณตาเอาผู้ชายที่เธอไม่ต้องการยัดเหยียดให้กับหนูหรอ?”
คุณท่านกวนเผยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า : “พูดจาเหลวไหล! ทำไมถึงเรียกว่าผู้ชายที่เธอไม่ต้องการ? ถึงแม้กู้ยี่ซวนเป็นลูกคนสุดท้อง แต่เป็นคนนิสัยดี มีความสามารถที่เป็นที่ยอมรับ ที่สำคัญเขายังเป็นคนหน้าตาดีมากด้วย
อีกอย่างพวกเราทั้งสองตระกูลคิดอยากให้พวกเขารู้จักกัน ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย แล้วจะเรียกว่าเป็นผู้ชายที่เธอไม่ต้องการได้ยังไง?”
กวนเสว่เฟยพูดปฏิเสธอย่างไม่คิดไตร่ตรองขึ้นทันทีว่า : “หนูไม่ยินยอมค่ะ!”
คุณท่านกวนเผยสีหน้าบิดเบี้ยวทันที
“ทำไม?”
“คุณตา หนูเป็นหลานของคุณนะคะ ไม่ใช่คุณเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของคุณ ฉันรู้ค่ะว่าคุณต้องการปรองดองการแต่งงานกับตระกูลกู้เพื่อรักษาความรุ่งเรืองของตระกูลกวนตลอดไป
แต่หนูคิดว่าเรื่องนี้พวกเราควรพึ่งพาความสามารถของพวกเราเองนะคะ ไม่ใช่แลกมาเพื่อการแต่งงานปรองดอง! ถ้าหากพวกเราไม่มีความสามารถนั้น ต่อให้สามารถปรองดองกับตระกูลกู้ได้ ในอนาคตก็ต้องถูกคนอื่นดูถูกว่าขอข้าวคนอื่นกิน แล้วมันต่างกับคนขอทานตรงไหน?”
ตระกูลกวนเผยสีหน้ามืดครึ้มทันที พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า : “เธอพูดจาเหลวไหลอะไรกัน? ตระกูลกวนของเรามีตรงไหนที่เทียบกับตระกูลไม่ได้ ขอทานอะไรกัน? เธอคิดว่าความสะดวกสบายที่เธอได้รับมาจากไหนหรอ? เธอคิดว่าเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจพึ่งพาแค่ความสามารถเพียงคนๆเดียวได้หรอ?
เมืองหลวงเปรียบเสมือนกับบ่อน้ำลึกที่มีเครือข่ายความสัมพันธ์ทางอำนาจและผลประโยชน์ ความซับซ้อนมันเกินที่เธอจะจินตนาการได้ การที่พวกเราแต่งงานปรองดองกับตระกูลกู้เรียกว่าการปรองดองของตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูล อีกอย่างเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าด้วย เพราะหากฉันไม่อยู่แล้ว พึ่งพาลุงทั้งสองคนของแกจะทำอะไรได้หรอ? ถึงตอนนั้นเธอคิดว่าตัวเองจะเป็นคุณหนูผู้สูงส่งอีกหรอ?”
กวนเสว่เฟยส่ายหน้าเล็กน้อย
“ถึงแม้ไม่เป็นคุณหนูผู้สูงส่งแล้ว แต่ก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ”
“พูดจาเหลวไหล! ตอนนี้เธอยังอายุน้อย คิดว่าความรักคืออะไรหรอ คิดว่าอิสระสามารถชนะทุกอย่างหรอ ไว้รอเธออายุมาก จึงจะรู้ว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย มีเพียงคนที่หมดหนทางถึงจะเชื่อเรื่องพวกนี้ อิสระที่แท้จริง คือต้องการให้เธอยืนอยู่บนจุดที่มีอำนาจมากที่สุด เข้าใจไหม?”
กวนเสว่เฟยรู้สึกว่าน่าขำ
เธอรู้มาโดยตลอดว่าคุณตาของเธอเป็นคนที่ปราณนาเรื่องอำนาจมาก
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมีความคิดอยากให้เธอแต่งงานเพื่อปรองดอง
แต่ต่อมาล้มเลิก เธอเลยคิดว่าเขาคงไม่พูดถึงอีก
คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะให้เธอแต่งงานกับกู้ยี่ซวน!
กวนเสว่เฟยหัวเราะประชดขึ้น
“สิ่งที่คุณตาพูดมา หนูไม่เข้าใจ อำนาจสูงสุดเหล่านั้นหนูไม่ต้องการ ส่วนเรื่องความรุ่งเรืองของตระกูลเรา คุณตาค่ะ คุณอยากให้หนูทำอะไรก็ตามใจเลยค่ะ แต่อย่าเอาหนูไปแต่งงานกับใครเพื่อนำความรุ่งเรืองให้กับคุณ หนูทำไม่ได้ และจะไม่ทำด้วย!”