บทที่ 362 ตกลงเหว
วันต่อมา จิ่งหนิงกลับมาที่กองถ่าย
ช่วงนี้เธอนั้นรับงานละครย้อนยุค เป็นเรื่องเกี่ยวกับจอมยุทธ์ที่มีน้อยมาในช่วงนี้ ไม่ถือว่าดังมาก แต่จิ่งหนิงดูบทแล้วชอบมากๆ เพราะงั้นต่อให้แสดงแค่นางสาม ก็ยังตกลง
วันนี้ ก็ได้ถ่ายฉากที่เธอต้องต่อสู้กับพระรองพอดี
เพื่อที่จะให้ฉากนั้นเหมือนจริง ผู้กำกับไม่ได้เลือกที่จะแสดงในห้องสามดี แล้วก็มาตัดต่อภาพหลังทีหลัง แต่เลือกที่จะหาสถานที่จริงแล้วก็ถ่าย
ที่ที่กองถ่ายได้เลือก เป็นภูเขาที่ค่อนข้างดังแถวชานเมืองของเมืองหลวง
ภูเขาแห่งนี้เพราะมีวัดลัทธิเต๋าถึงได้มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ วิวบนภูเขาสวย ต้นไม้ใบหญ้าเขียว แล้วก็มาเหมาะเจาะกับแสงแดดที่ดีพอดี ยืนอยู่ตรงนั้นทำให้คนผ่อนคลาย
ก่อนถ่ายทำ ทางกองถ่ายก็ได้เคลียร์สถานที่ วางเครื่องเตรียมพร้อม จิ่งหนิงเปลี่ยนเสื้อเสร็จ แล้วก็เดินออกมา เตรียมที่จะสวมสลิง
ฉากนี้ สถานที่ที่เลือกนั้นได้เลือกแถวข้างหุบเหว
จิ่งหนิงแสดงเป็น นางสามที่ภายนอกนั้นเป็นแค่เกอิชาที่ออกแสดงในโรงโสเพณี แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงในประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อความเป็นอยู่ของประเทศตน ลอบสังหารองค์ชายของประเทศนั้น
พระรองพอรู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร ก็ได้ตามไล่ล่าเธอจนมาถึงข้างหุบเหว
อยู่ตรงนี้ นางสามก็จะสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพระรอง สุดท้ายนางสามที่ได้บาดเจ็บอย่างหนักต่อสู้กับพระรองกับพรรคพวกที่ตามไล่ฆ่าไม่ไหว ก็ได้ตกเหวตาย
นิสัยของตัวละครนี้ค่อนข้างที่จะเย็นชาแล้วพูดน้อย เหมาะสมกับนิสัยของจิ่งหนิงพอดี
แล้วสวมสลิงเสร็จ ตั้งท่าเรียบร้อย ผู้กำกับก็ได้ตะโกน “Action!”
แววตาของจิ่งหนิงก็ได้เย็นชาขึ้นมาเลยทันที
เธอได้จับแผลที่บาดเจ็บที่อก มุมปากก็ได้มีเลือดเล็กน้อย มือได้ถือดาบ ถอยไปจนถึงข้างเหว
หลินจงฉือที่ได้แสดงเป็นพระรองก็ได้พูดออกมา “เธอไม่มีทางให้ถอยแล้ว ยอมแพ้ซะเถอะ!”
จิ่งหนิงก็ได้ค่อยๆ ยิ้มที่มุมปาก
รอยยิ้มแบบนั้น ทั้งเย่อหยิ่ง แล้วก็เฉียบขาด
“ไม่ ข้ายังมีทางให้ถอยอีก!”
เธอพูดจบ ก็ได้ปล่อยมือที่ได้ปิดบาดแผล จับดาบ แล้วก็ถือดาบขึ้น
พวกทหารที่ได้ไล่ตามมาก็ได้ต่างพากันเปลี่ยนสีหน้า
หลินจงฉือหน้านิ่งราวน้ำ พูดเสียงดัง “เจ้าได้ทำเพื่อประเทศแม่ของเจ้าขนาดนี้ ที่อยากได้ก็แค่ฐานะที่ร่ำรวย เรื่องมาถึงขั้นนี้ไม่มีทางให้ถอยแล้ว ข้าก็ได้เขียนจดหมายขอร้องให้นายท่านไว้ชีวิตเจ้าแล้ว เจ้าทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้?”
จิ่งหนิงยิ้มอย่างเยือกเย็น
ระหว่างใบหน้าที่เย่อหยิ่งนั้น ไม่ได้มีความอ่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
“รับใช้ประเทศชาติ ให้ตายก็ยอม!”
พูดจบ ก็ได้ถือดาบแล้วก็ได้ฟัดไปทางของหลินจงฉือ
สลิงเริ่มขยับ การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
จิ่งหนิงได้ขอให้ครูที่สอนการต่อสู้ได้สอนมาแล้ว แล้วก็เตรียมนัดกับหลินจงฉือ เวลานี้ทั้งสองเธอไปฉันมา ต่อสู้กันได้อย่างสวยงามมาก
สุดท้าย ให้หลินจงฉือตีไปที่ไหล่ซ้ายของเธอ จิ่งหนิงกระอักเลือด แล้วก็ตกไปที่หุบเหวเป็นอันจบ
แน่นอน ว่านี่ไม่ได้เป็นการตกไปที่หุบเหวจริงๆ ก็แค่ให้เธอนั้นหายไปจากหน้ากล้องตอนตกไปที่เหว ความเป็นจริงนั้นยังมีสลิงยึดอยู่ตลอด จนกระทั่งถ่ายกันเสร็จ แล้วก็ลากเธอขึ้นมา
และแล้วเวลานี้ ก็ได้เกิดเรื่องขึ้น!
เดิมที่จิ่งหนิงได้เตรียมตัว ที่ได้ตกไปที่เหวตามการตีของเขา
แต่พอเท้าพื้นห่างจากพื้น ก็ได้ยินเสียง “คลิก”
เธอยังไม่ทันตั้งตัว ก็รู้สึกว่าน้ำหนักได้ตกลงมา เชือกสลิงที่อยู่ด้านซ้ายก็ได้มีเสียงที่ขาดดังขึ้น!
จิ่งหนิงตกใจจนสีหน้าได้เปลี่ยนสี
แต่ว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ที่น่ากลัวนั้นคือ เงยหน้ามาดู เส้นเชือกสลิงข้างขวาก็ได้เหลือแค่เอ็นอันเดียวยึดอยู่ เห็นได้ชัดว่าจะขาดแล้ว
เธอได้รีบยกมือไปคว้าเชือกไว้ เวลานี้ เสียง “คลิก” ดังขึ้น เป็นไปอย่างที่คิด เชือกด้านขวาก็ได้ขาดไปแล้ว
จิ่งหนิงทำได้แค่ใช้สองมือจับเชือกไว้แน่น เหมือนกับว่าวลำหนึ่ง ถูกห้อยไว้กลางอากาศ
เวลานี้ คนที่อยู่ข้างบนก็ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ
“นี่มันเรื่องอะไร? ทำไมไม่ลากคนขึ้นมา?”
สีหน้าของคนฝ่ายอุปกรณ์ก็ได้เปลี่ยนไป รีบวิ่งไปหา ตะโกนว่า “ผู้กำกับ ไม่ดีแล้วครับ เครื่องมีปัญหา สลิงเอาไม่ขึ้นมาแล้วครับ”
ผู้กำกับสีหน้าได้เปลี่ยน
“อะไรนะ?”
เขาก็ได้รีบเข้าไป วิ่งไปที่เครื่องโหนสลิง “นี่มันเรื่องอะไร? ทำไมถึงได้เกิดปัญหาขึ้น?”
คนที่รับผิดชอบเครื่องโหนสลิงก็ได้พูด “ไม่รู้ครับ ตอนเช้ายังดีอยู่เลย คราวนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ค้างไป”
ผู้กำกับชื่อโจวเหวินจาง ที่เขาได้หาจิ่งหนิงมาแสดงบทนี้ หนึ่งก็เป็นว่าภาพลักษณ์ของเธอได้ ข้อสอง ก็เป็นลู่หยั่นจือได้เป็นคนแนะนำอย่างจริงจัง
เพราะงั้น ฐานะของจิ่งหนิงเป็นยังไง เขานั้นรู้
เวลานี้ มองคนฝ่ายอุปกรณ์ไม่ว่าทำยังไง เครื่องก็ไม่ขยับสักที ใจของเขาก็ได้หล่นไปทันที
กองถ่ายถ่ายทำมาตั้งนาน ไม่เคยที่จะเกิดปัญหานี้มาก่อน วันนี้ทำไมอยู่ๆ ที่ได้เสียไปล่ะ?
โจวเหวินจางไม่ได้ที่จะคิดอะไรมาก เขาก็ได้รีบไปที่ข้างเหว มองลงไปข้างล่าง ตะโกนว่า “จิ่งหนิง เธอเป็นไงบ้าง?”
เวลานี้ จิ่งหนิงทำได้แค่พึ่งแรงของสองแขน ออกแรงจับไปที่เชือก ร่างกายนั้นได้หมดแรงไปแล้ว
แต่เธอก็ยังที่จะกัดฟัน แล้วพูด “ฉันยังดีค่ะ แต่ว่าเชือกสลิงที่เอวได้ขาดไปแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่จับไว้ ข้างบนเป็นไงบ้าง?”
ผู้กำกับได้ยินว่าเชือกสลิงได้ขาด สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเลยทันที ใจดวงนี้ได้หล่นวูบอย่างน่ากลัว
“ไม่เป็นไร เครื่องได้เกิดปัญหานิดหน่อย เธออดทนไว้ ฉันจะรีบส่งคนไปช่วยเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ผู้กำกับก็ได้รีบไปสั่งคนเอาเชือกฉุกเฉินออกมา
เวลานี้ จิ่งหนิงก็ได้ใช้แรงไปจนหมดแล้ว
เชือกของสลิงเป็นเส้นลวดที่เงา น้ำหนักทั้งตัวของเธอนี้ได้มีสองมือยึดอยู่ เพราะว่าใช้แรง เส้นลวดนั้นก็ได้เข้าไปยังเนื้อของเธอ ความเจ็บนั้นก็ได้ส่งมาที่ฝ่ามือ ทำให้คนนั้นแทบจะหมดหวัง
แต่เธอก็ยังกัดฟันพยายามทนต่อ ต่อให้เลือดนั้นได้ไหลลงมาตามแขน สองมือนั้นก็ได้เริ่มสั่นเพราะความเจ็บ แต่ก็ยังที่จะกัดฟันแน่น จับไปลวดสองเส้นนั้นไม่ปล่อย
เพราะว่า ข้างล่างตัวเธอ ก็เป็นหุบเหวลึก
ถ้าเกิดปล่อยมือแล้ว ตกลงไปจากตรงนี้ เธอรับปากได้เลยว่า ตัวเองนั้นได้แตกละเอียดแน่น ไม่เลือกแม้แต่ซาก
ผ่านไปนาน ในที่สุดเชือกก็ได้ถูกปล่อยลงมา
แต่ว่าจิ่งหนิงไม่มีแรงไปจับแล้ว ผ่านไปประมาณสิบวิ ทีมงานคนหนึ่งก็ได้ไต่ลงมาตามเชือก
“จิ่งหนิง คุณอดทนไหวนะ ผมไปช่วยคุณแล้ว”
เขาพูดไป แล้วก็เอาเชือกอีกเส้น ไปผูกที่เอวของจิ่งหนิง
เวลานี้ เสียงฟ้าก็ได้ร้องขึ้น เสียงฟ้าผ่าได้ดังขึ้น
เวลาไม่นาน ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างหนัก
ร่างกายของจิ่งหนิงอ่อนแรงลงมากๆ แขนทั้งสองเธอได้สั่น ปล่อยให้อีกฝ่ายนั้นเอาเชือกไปผูกที่สลิงของเธอ จากนั้นก็ปล่อยเส้นรวด คนทั้งคนนั้นได้ห้อยอยู่กับเขา
อีกฝ่ายนั้นก็ได้ตะโกนให้เธอพร้อมฝนที่สาดลงมา “อดทนหน่อยนะ ขึ้นไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
ไม่รู้ทำไม เธอนั้นเริ่มที่จะมองไม่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นยังไง
ก็แค่รู้สึกรางๆ ว่าอีกฝ่ายได้เปิดปากปิดปาก เพราะงั้นก็ได้พยักหน้าอย่างให้ความร่วมมือ
ทีมงานมีประสบการณ์การปีนเขา
ผ่านไปประมาณสองนาที ก็ได้ผ่านเธอขึ้นไปข้างบน