บทที่ 370 อยู่เป็นเพื่อนเขา
จิ่งหนิงได้กลั้นขำ แต่กลั้นไม่อยู่จริงๆ พูดว่า “คุณนี่ถือว่าหึงอะไรกันเนี่ย? ฉันยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นมีรูปร่างกลมหรือแบน อีกอย่างถ้าให้พูด ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะเก็บของที่เขาให้ เตรียมที่จะสืบให้รู้เรื่อง แล้วเอาของไปคืนคนอื่นเขา”
ลู่จิ่งเซินก็ได้หึออกมาอีกครั้ง
จิ่งหนิงทำได้แค่พูดง้อออกไป ดีที่ บางคนนั้นไม่ได้โมโหจริงๆ รู้แค่ว่าผู้หญิงของตนนั้นได้ถูกผู้ชายตามจีบอย่างบ้าคลั่ง ในใจก็ได้หึงเล็กน้อย
สุดท้าย จิ่งหนิงก็ถือว่าง้อเขาได้ ลู่จิ่งเซินก็ได้พูดอีกว่า “พรุ่งนี้คุณเหมือนว่าไม่มีงานใช่ไหม?”
จิ่งหนิงชะงัก คิดดูดีๆ เหมือนว่าไม่มีจริง
ลู่จิ่งเซินพูดต่อ “มาอยู่เป็นเพื่อนผมที่บริษัท”
จิ่งหนิงก็อยากที่จะปฏิเสธออกไป
“ไม่ดีมั้งคะ คุณยังต้องทำงาน……”
“พรุ่งนี้มีแค่ประชุมช่วงเช้า นอกนั้นก็ได้อยู่แต่ในห้องทำงาน คุณมาอยู่ข้างๆ ผมก็พอ”
จิ่งหนิงลังเลไปสักพัก คิดได้ว่าช่วงนี้ยุ่งอยู่แต่ถ่ายละคร ไม่ได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเขาจริง เพราะงั้นก็ได้ตกลง
วันที่สอง จิ่งหนิงให้ผู้ช่วยเสี่ยวขุยหยุดงาน ตัวเองก็ได้พาโม่หนาน ขับรถตรงไปที่ฝั่งประธานลู่ซื่อกรุ๊ป
คนในบริษัทรู้จักเธอทั้งหมด เพราะงั้น ตอนที่เห็นเธอพาโม่หนานเดินเข้ามานั้น ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ละคนก็ได้ทักทายเธออย่างสุภาพ
จิ่งหนิงได้ขึ้นลิฟต์ที่ไว้ให้เฉพาะประธานขึ้นไป ถึงนอกห้องทำงานของลู่จิ่งเซิน โม่หนานก็ได้ไม่ตามไปต่อ หันตัวแล้วก็ไปดื่มชาที่ห้องเลขา
จิ่งหนิงเปิดประตูเข้าไป
เพราะว่าลู่จิ่งเซินสั่งไว้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าวันนี้จิ่งหนิงจะมา เพราะงั้นมองเธอผลักประตูเข้าไป ก็ไม่ได้ห้าม
ตอนที่จิ่งหนิงเข้าไป ลู่จิ่งเซินกำลังวิดีโอคอลประชุมกับต่างประเทศ
นี่น่าจะเป็นประชุมช่วงเช้าที่เขาบอกไว้เมื่อวาน
จิ่งหนิงไม่ได้รบกวนเขา ได้สบตาเขาเป็นการทักทายไปสักพัก ก็ได้บอกให้เขาประชุมต่อ ตัวเองก็ได้นั่งลงที่โซฟาอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่นานซูมู่ก็ได้เดินเข้ามา ได้เอาชานมและนิตยสารที่เธอชอบเข้ามาเสิร์ฟให้เธอ
จิ่งหนิงชอบกินอะไร ดื่มอะไร เล่นอะไร ที่ซูมู่นั้นมีข้อมูลอยู่ครบ
สมัยนี้ ผู้ช่วยที่ดี ไม่แค่ปรนนิบัติเถ้าแก่ของตนเป็นอย่างเดียวเท่านั้น ที่สำคัญก็คือ ต้องดูแลเถ้าแก่เนี้ยอย่างดีได้ด้วย
ซูมู่ได้รู้กฎข้อนี้เป็นอย่างดี เพราะงั้น ตอนที่สายตาของลู่จิ่งเซินได้มองมาที่ชานมที่อยู่ข้างหน้าแล้วก็นิตยสารบนมือของจิ่งหนิงนั้น สายตาก็ได้นิ่งลง เป็นการพอใจมากๆ
จิ่งหนิงนั่งได้ไม่นาน การประชุมผ่านวิดีโอคอลของลู่จิ่งเซินก็ได้เสร็จ
เขาลุกขึ้น เดินเข้ามา แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “นั่งก่อนนะ เดี๋ยวผมยุ่งเสร็จ พาคุณไปทานข้าว”
จิ่งหนิงยิ้มแล้วก็พยักหน้า
ต่อจากนั้น ลู่จิ่งเซินก็ได้ไปยุ่งเรื่องงานของเขา
ที่จริงบอกว่าจิ่งหนิงมาอยู่เป็นเพื่อนเขา แต่จริงๆ ก็ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเขาอะไรมาก
เพราะว่าชายหนุ่มนั้นยุ่งเกินไป
ตลอดช่วงเช้า ก็ได้รับสายที่โทรเข้ามาไม่หยุด รวมทั้งเรียกพนักงานในแผนกต่างๆ มาคุยกันเรื่องงาน
พวกผู้จัดการแต่ละแผนกเข้ามาเห็นจิ่งหนิงนั่งอยู่ที่โซฟา แต่ละคนก็ได้ซุบซิบขึ้น ยังไงซะ ถึงแม้พวกเขารู้ว่าจิ่งหนิงเป็นคุณนายประธาน แต่ความจริงน้อยมาที่จะเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันกับตา
แต่แล้ว ต่อหน้าลู่จิ่งเซิน พวกเขากลับไม่กล้าที่จะแสดงออกมา
ก็ได้รีบรายงานเรื่องงานเสร็จ แล้วก็ออกไปอย่างว่าง่าย
กลับเป็นจิ่งหนิง ที่ถูกสายตาที่จ้องมาอย่างน่าสงสัย ทำเอารู้สึกไม่สบายตัว
ดีที่เวลาในชั่วเช้านั้นมักจะสั้นอยู่แล้ว ไม่นานก็ได้ผ่านไป
ยากมากที่ลู่จิ่งเซินจะมีวันหยุดให้ตัวเอง ช่วงบ่ายไม่เตรียมตัวทำงาน พาเธอออกไปเที่ยว
จิ่งหนิงต้องดีใจอยู่แล้ว
ไม่ใช่เพราะเธออยากเที่ยว แต่เพราะคิดว่าผู้ชายคนนี้ทำงานอยู่ตลอด น้อยมากที่จะพัก เหนื่อยเกินไป
หาโอกาสพักผ่อนบ้างก็ดี
เพราะงั้น ช่วงบ่ายทั้งสองได้ออกไปทานข้าว เที่ยวห้าง
ก็ไม่รู้ว่าจิ่งหนิงคิดไปเองหรือเปล่า
เธอชอบรู้สึกว่า วันนี้ชายหนุ่มมีอะไรแปลกๆ
แต่ก็พูดไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน แต่สรุป ให้คนรู้สึกว่า เหมือนว่ามีเรื่องอะไรปิดบังเธออยู่
อย่างเช่น เที่ยวห้างเสร็จ เขาอยู่ๆ ก็ได้ลากกลับไปเปลี่ยนเสื้อ
เปลี่ยนเสื้อก็เปลี่ยนเสื้อ ออกไปเที่ยว จิ่งหนิงชอบที่จะสวมเสื้อสบายๆ เพราะงั้นก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดแขนยาวแล้วก็กางเกงยีน
แต่ชายหนุ่มมองไปสักพักก็ได้ขมวดคิ้ว แล้วก็ลากเธอไปที่ตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้อที่ค่อนข้างสวยอย่างชุดกระโปรงสีฟ้าให้เธอเปลี่ยน
จิ่งหนิงไม่รู้จะพูดอะไร
แต่ว่าไหนๆ เขาอยากให้เธอใส่ชุดนี้ งั้นก็ใส่เถอะ
ยังไงเธอก็ไม่ได้อะไร ขอแค่เขานั้นไม่ได้ลากเธอไปเดินเขา ใส่กระโปรงหรือกางเกงไม่ต่างกันเท่าไหร่
พอบังคับจิ่งหนิงเป็นชุดกระโปรงเสร็จ ลู่จิ่งเซินก็ได้กลับห้องไปเป็นชุดสูทที่เป็นท่าการ
แล้วก็เปลี่ยนเนกไทที่ผูกในตอนที่อยู่บริษัทเป็นผูกโบสีดำ
มองแล้วจิ่งหนิงคิดว่าวันนี้เขาจะไปร่วมงานแต่งของใคร
แต่ว่าเล่นคือเล่น จิ่งหนิงรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา ไม่ว่าสวมอะไรก็หล่อ เป็นเหมือนหุ่นโชว์ที่เดินได้ สามารถที่จะมองคนแบบนี้ทุกวัน เธอรู้สึกว่าสเปคของเธอสูงขึ้นไม่น้อย
เปลี่ยนเสื้อเสร็จ ทั้งสองก็ได้ออกไปอีก
กลางคืน ลู่จิ่งเซินได้ปฏิเสธคำขอจากคนที่รู้ว่าวันนี้จิ่งหนิงพักผ่อน แล้วก็อยากที่จะมาเล่นกับหม่ามี๊อย่างอานอาน อยากจะอยู่กับจิ่งหนิงสองต่อสอง
ทั้งสองมาที่วิลล่าพักร้อนที่อยู่ใกล้ๆ
ถึงแม้วิลล่าเฟิงเฉียวนั้นดี แต่ลู่จิ่งเซินรู้สึกว่า พออยู่ไปนานๆ ในบ้านก็ยังมีคนใช้เยอะขนาดนั้น บางครั้งก็ได้หมดสนุกไป
แต่วิลล่าแห่งนี้ เพื่อนคนหนึ่งของเฟิงยี่เป็นคนเปิด เป็นประเภทส่วนตัว ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องบรรยากาศเงียบสงบ ที่สำคัญคือน้อยคนที่รู้ คนปกติมีเงินก็มาไม่ได้
โดยเฉพาะเหล้าของที่นี่ ได้ยินว่าเจ้าของนั้นเป็นคนที่ชอบไวน์ เพื่อที่จะได้ดื่มไวน์ในดวงใจ ตัวเองได้ซื้อโรงกลั่นเหล้าองุ่นที่ฝรั่งเศส ปลูกองุ่นเอง ลงไปกลั่นไวน์เอง เพราะงั้นต่อให้ไวน์มีอายุไม่มาก แต่รสชาติก็ไม่เลว
นี่เป็นครั้งแรกที่จิ่งหนิงมาที่นี่ ดูแล้วรู้สึกแปลกใหม่มาก
ตอนที่ไวน์ได้ถูกเสิร์ฟนั้น เธอได้จิบไปเล็กน้อย ก็รู้สึกว่าในนั้นมีอะไรไม่เหมือนกัน
“ไวน์นี้กลมกล่อมมาก เข้าปากขมเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นรสชาติก็ได้กลับมา อร่อยจริงๆ เขากลั่นยังไงคะ?”
ลู่จิ่งเซินนั่งอยู่ตรงข้าม หัวเราะแล้วพูดว่า “คำถามนี่คุณมาถามผม แต่ผมนั้นตอบไม่ได้ แต่ว่าถ้าคุณชอบ งั้นพวกเราก็ซื้อสูตรกลั่นไวน์นี้มาก็พอ”
จิ่งหนิงชะงัก ก็ได้รีบส่ายหน้า
“ช่างเถอะค่ะ คนอื่นเขาอุตส่าห์พยายามทำมาตั้งนาน พวกเรามีโอกาสก็มาชิมก็พอ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น”
ลู่จิ่งเซินหัวเราะ
ที่จริงเขาก็แค่พูดไปงั้นๆ เพราะว่าเขารู้ นิสัยอย่างจิ่งหนิงจะไม่ทำอะไรแบบนี้
ปกติเธอนั้นเป็นคนที่เข้าใจคนอื่น แล้วก็เคารพในความพยายามของคนอื่นมากๆ เพราะงั้น ไม่สามารถที่จะทำเรื่องที่เห็นแก่ตัวแล้วก็บังคับคนอื่นขายสูตรได้
ทั้งสองดื่มไวน์ พูดคุย บรรยากาศดูเบาสบาย