วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – ตอนที่ 372 มีลูกอีกคน

บทที่ 372 มีลูกอีกคน

“คุณเลยจะให้ผมสวมมันทุกวันไปประชุม ไปเจรจาธุรกิจอย่างนั้นเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ่งหนิงแข็งทื่อ

เธอกระแอมออกมาสองทีแล้วพูดว่า “ที่จริงคุณใส่อยู่ที่บ้านก็พอแล้ว ของขวัญน่ะสำคัญที่สุดก็คือความจริงใจ หึๆ”

……

“ความจริงใจเหรอ?”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วจากนั้นครุ่นคิดแล้วยื่นมือออกมา

“เอาเถอะครับ ผมเห็นแก่ความจริงใจของคุณ ให้คุณลองดูว่าผมจะใส่มันได้หรือเปล่า”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคอ เธอดึงมือเขาเข้ามา

ที่ข้อมือของลู่จิ่งเซินนั้นสวมใส่นาฬิกาเพชรอยู่ เธอจึงปลดนาฬิกานั้นออกจากนั้นก็ปลดสร้อยแล้วใส่มันเข้าไป

ตอนนี้เธอยิ่งทำตัวไม่ถูกกว่าเดิม

เนื่องจากสร้อยมันสั้นเกินไป พันข้อมือเขาไม่รอบ!

สีหน้าของจิ่งหนิงแดงเรื่อทันที แดงไปจนถึงกกหู

สร้อยข้อมือเส้นนี้เธอเพียงแค่เรียนกับโม่หนานตอนที่ในกองถ่ายไม่มีอะไรทำเฉยๆ

เธอทำเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นเอง

และเครื่องประดับที่เป็นทองนั้น โม่หนานบอกว่ามันสามารถนำความโชคดีมาให้ได้ เธอจึงซื้อและใส่มันเข้าไปอย่างง่ายๆ

ดังนั้นขนาดของสร้อยเส้นนี้จึงพอดีกับข้อมือของเธอ เนื่องจากลู่จิ่งเซินเป็นผู้ชายข้อมือของเขาใหญ่กว่าของเธออย่างแน่นอนจึงไม่อาจใส่เข้าไปได้

ลู่จิ่งเซินมองเห็นท่าทางที่แข็งทื่อของเธอเช่นนั้นก็กึ่งยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “นี่คือของขวัญที่คุณเตรียมให้ผมเหรอ?”

จิ่งหนิงแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ตอนนี้เธอรู้ดีว่าตัวเองกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปไม่ได้อีกแล้ว

เธอจึงได้พยายามอ้อนวอน

“ที่รักคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันสัญญาว่าพรุ่งนี้จะชดเชยของขวัญวันครบรอบแต่งงานของเราที่ล้ำค่ามากให้กับคุณ วันนี้เราไม่พูดเรื่องนี้ดีไหมคะ?”

ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอ ในแววตาของเขามีรอยยิ้ม

“ไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก ที่จริงวันนี้คุณก็สามารถให้ของขวัญแก่ผมได้”

จิ่งหนิงตกตะลึงและถามออกมาว่า “อะไรคะ?”

วินาทีต่อมาร่างกายของเธอก็ถูกเขาดึงเข้าไปไว้ในอ้อมกอด

ลู่จิ่งเซินโอบกอดเธอและวางตัวเธอลงบนหน้าตักของเขา ก้มหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแห้งกร้านว่า “คุณ”

จิ่งหนิง “……”

ค่ำคืนนี้คงจะเป็นค่ำคืนแห่งการปลดปล่อยสินะ

“ที่รัก พวกเรามีลูกอีกสักคนดีไหม?”

จิ่งหนิงเหนื่อยล้าเต็มทน เธอไม่ได้ตั้งใจฟังคำว่า “อีก” ของเขา ได้แต่พยักหน้าและตอบรับ”อืม”

ชายหนุ่มดีใจสุดขีด จากนั้นเขาก็เริ่มบรรเลงเพลงรักอย่างหนักหน่วง

จากค่ำคืนจนกระทั่งรุ่งเช้า

วันต่อมา ไม่แปลกใจที่จิ่งหนิงจะยังไม่ตื่นขึ้นจากเตียง

ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายแล้ว

จิ่งหนิงมองออกไปเห็นแสงอาทิตย์อันร้อนแรงนอกหน้าต่างเธอก็ตกใจและรีบลุกขึ้น

เมื่อเธอขยับตัวจึงได้พบว่าร่างกายของเธอปวดร้าว โดยเฉพาะตรงจุดนั้น เจ็บจนคิดว่าจะฉีกขาด

เธอสูดหายใจเข้าแล้วกลับไปนั่งเหมือนเดิม

ทันใดนั้นเองลู่จิ่งเซินก็เดินถือจานอาหารเข้ามาด้านใน

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

จิ่งหนิงมองดูเขาแล้วถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?”

ลู่จิ่งเซินวางจานอาหารลงแล้วมองดูนาฬิกาข้อมือ “สองโมง ทำไมเหรอครับ?”

สองโมง!?

จิ่งหนิงตกตะลึงเบิกตากว้าง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที

“ตายแล้วๆ ตายแน่ๆ ตอนเช้าฉันมีถ่ายละคร ผู้กำกับโจวน่าจะตามหาฉันอยู่”

เมื่อพูดจบเธอก็ท่าทางลุกลี้ลุกลนจะหาเสื้อผ้าเปลี่ยน

ลู่จิ่งเซินหัวเราะแล้วเดินตรงเข้าไปโอบกอดเธอไว้

“ไม่ต้องรีบร้อนไปครับ ผมโทรศัพท์แจ้งให้แล้วบอกว่าวันนี้คุณไม่สบายให้พักผ่อน”

จิ่งหนิงตกตะลึงและได้สติกลับคืนมา

“คุณโทรไปเหรอ?”

“ครับ”

เธอจึงถอนหายใจออกมา แต่ต่อจากนั้นเธอก็โมโหขึ้นมาอีก

“ลู่จิ่งเซิน!”

ชายหนุ่มยิ้มแล้วตอบว่า “ครับ”

“คุณดูเรื่องที่คุณทำเมื่อคืนนี้สิ! ให้ตายเถอะถ้าฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณคงคิดว่าตัวเองถูกหมากัด!”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วแล้วหัวเราะขึ้นเบาๆ “คุณนายลู่ เมื่อคืนนี้คุณเป็นคนเริ่มก่อนนะ ถ้าผมจำไม่ผิดละก็ คุณค่อนข้างจะชื่นชอบมันทีเดียวทำไมตอนนี้กลับมาโทษผมล่ะ?”

จิ่งหนิงหน้าแดงเรื่อ เมื่อคืนนี้เขาบอกว่าให้เธอเป็นของขวัญแก่เขา เนื่องจากเธอรู้สึกผิดจึงได้ตอบตกลงไป

เพื่อแสดงความจริงใจและชดเชยความผิดของตน ในตอนแรกเริ่มเธอจึงได้เป็นคนเริ่มก่อน

ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา? เขาช่างดุเดือดเหลือเกิน!

จิ่งหนิงนั่งอยู่ที่บนเตียงและมองดูเขาด้วยท่าทางโมโห

เมื่อลู่จิ่งเซินเห็นว่าเธอกำลังจะโกรธจริงๆจึงได้เก็บรอยยิ้มไปแล้วนั่งตรงขอบเตียงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ขอโทษครับ เมื่อคืนผมควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตอนนี้คุณยังเจ็บไหม?”

จิ่งหนิงชายตามองเขา

“เจ็บ!”

“ให้ผมนวดให้ไหม?”

“ไม่ต้อง!”

เธอพูดจบก็กัดปากตัวเอง มองไปคล้ายกับไม่อยากพูด

แต่ลู่จิ่งเซินเป็นคนอย่างไรกัน?

เรื่องที่ตนเองทำอยู่เมื่อคืนเขารู้ดีกว่าใคร เมื่อมองเห็นท่าทางของเธอก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ขอโทษครับผมจะให้คนนำยามาให้”

จิ่งหนิงจ้องมองเขา

แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ในตอนบ่ายนั้นจิ่งหนิงไม่ได้ออกไปไหน ซูมู่นำยามาส่งให้อย่างรวดเร็ว ลู่จิ่งเซินอยากจะทายาให้เธอแต่เธอไม่ยอม เธอพยายามอยู่นานแต่ก็ยังทาไม่ถึงจุด

ท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องยอมให้ชายหนุ่มช่วย

จิ่งหนิงสาบานกับตัวเองว่าชาตินี้เธอจะไม่ทำเรื่องหน้าแบบนี้อีกแล้ว!

ลู่จิ่งเซินทายาให้เธอด้วยท่าทางจริงจัง

เมื่อคืนเขารุนแรงมากเกินไปจริงๆ ร่างกายอันบอบบางของเธอ จะทนต่อการกระทำอันป่าเถื่อนของเขาแบบนั้น ทั้งคืนได้อย่างไร

เมื่อทายาเสร็จ ลู่จิ่งเซินก็เปลี่ยนชุดที่ซูมู่นำมาให้เธอ แล้วจึงส่งเธอกลับบ้าน

หลังจากนั้นจิ่งหนิงก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านอีก 2 วัน

ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดบนร่างกายทำให้เธอขยับไม่ได้ แต่เป็นเพราะรอยที่ทิ้งเอาไว้ชัดเจนมากเหลือเกิน ตรงลำคอและลำตัวเป็นรอยช้ำ จะให้เธอเดินทางไปกองถ่ายยังไง?

แม้ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายแบบโบราณ สามารถปกปิดเรือนร่างได้ แต่ไม่อาจปกปิดลำคอได้

เพียงแค่คนที่มีประสบการณ์มองดูก็รู้ว่าเธอพบกับอะไรมา

จิ่งหนิงรักศักดิ์ศรีและหน้าตาของตัวเอง เธอไม่ยอมออกจากบ้านตลอดสองวันนั้น จนกระทั่งถึงวันที่สาม รอยฟกช้ำบนลำคอสามารถใช้เครื่องสำอางตกแต่งเพื่อปกปิดได้เธอจึงได้กลับไปยังกองถ่าย

ฉากindoorถ่ายทำอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเดิมทีก็มีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ฉาก ดังนั้นใช้เวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียวก็ถ่ายเสร็จสิ้น

ช่วงนี้คนที่เคยมอบสร้อยเพชรให้กับจิ่งหนิงก็ยังคงส่งมอบดอกไม้และของขวัญต่างๆนานาในทุกๆวัน

แม้แต่ช่วงที่เธอลางานไปไม่อยู่ในกองถ่ายแต่สิ่งของก็ยังส่งมาไม่ขาด

ทำให้บางคนในกองถ่ายที่เดิมทีไม่สนใจเรื่องนี้ก็กลับหันมาสนใจแล้ว

ทุกคนได้แต่คาดเดากันไปต่างๆนานาว่าใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ใครกันที่กล้าดีเอาอกเอาใจภรรยาของท่านประธานลู่ออกสื่อเช่นนี้?

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset