บทที่ 379 ปลาตายตาข่ายขาด
เมื่อเขาพูดจบก็ทำท่าจะลุกจากออกไป
ถังลั่วเหยาตกใจมาก สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที และรีบเข้าไปหยุดเขาไว้ “คุณจะทำอะไร?”
ช่ายสี่ มองดูเธอและหัวเราะเยาะ “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไปขอสินสอดจากลูกเขยสักหน่อย คงไม่เกินไปหรอกใช่ไหม!”ถังลั่วเหยาโมโหจนอกจะระเบิด
“คุณจะหน้าด้านไปหน่อยหรือเปล่า? ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลย! เพียงแค่เล่นละครด้วยกันและลงทุนด้วยการเท่านั้น พวกเรากินข้าวด้วยกันอยู่ไม่กี่ครั้ง ต่อให้เขารู้สึกดีกับฉันแต่พวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณมีสิทธิ์อะไรไปขอเงินเขา?”
ช่ายสี่ หัวเราะ “ฉันไม่สนใจ นั่นเป็นเรื่องของแก”
“คุณ!”
ถังลั่วเหยาปวดหัวมากจริงๆเธอรู้ว่าพ่อบุญธรรมของเธอคนนี้เป็นพวกหน้าด้านแต่คิดไม่ถึงว่าจะหน้าด้านขนาดนี้
หลายปีมานี้ มองจากภายนอกอาจจะเห็นว่าเธออยู่อย่างสุขสบายแต่ที่จริงแล้วความทุกข์ทนนั้นมีเพียงเธอที่รู้
เมื่อ 10 ปีก่อนหลังจากพ่อของเธอจากไป ชีวิตของเธอราวกับตกอยู่ในนรก และไม่เคยมีวันดีขึ้นเลย
ผ่านไปชั่วครู่ตาของเธอก็เริ่มแดง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันไม่มีเงินจริงๆ ถ้าคุณอยากได้เงินละก็รอให้ฉันถ่ายละครเรื่องนี้เสร็จก่อนได้ไหม นี่เป็นวิธีเดียวที่มีในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นปลาตายตาข่ายขาด พวกเราก็คงจะตายกันหมด คุณจะทำอย่างไรก็แล้วแต่คุณเลย ฉันทำได้เพียงแค่นี้แหละ……”
ช่ายสี่ เห็นท่าทางดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว
เขาจึงได้พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “เมื่อไหร่จะถ่ายเรื่องนี้จบ?”
“ประมาณปลายเดือน!”
“ตกลง ฉันจะรอกระทั่งปลายเดือน ถ้าถึงเวลาแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ไม่อย่างนั้นล่ะก็……เหอะๆแกรู้ดี”
ถังลั่วเหยาส่ายหัว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เธอนำมือขึ้นลูบขมับอย่างเมื่อยล้า พูดว่า “คุณไปเถอะถ้าได้เงินเมื่อไหร่ฉันจะบอกเอง”
ช่ายสี่ ถึงได้จากไปอย่าง พอใจ
……
หลังจากที่ช่ายสี่ เดินทางจากไปถังลั่วเหยาก็นั่งอยู่ในห้องเป็นเวลานานทีเดียว
ผ่านไป 10 กว่านาทีในที่สุดเธอก็ถอนหายใจออกมาและหยิบโทรศัพท์โทรออกไปที่เบอร์หนึ่ง
เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่ครั้งก็ถูกรับขึ้น
ถังลั่วเหยาเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ซูหงคะ เอ่อคือ…… ฉันอยากรบกวนพี่ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
เสียงของฝ่ายตรงข้ามยังคงนิ่งเงียบๆดังเดิม “เรื่องอะไรเหรอ?”
“ฉัน……ฉันอยากจะขอเบิกค่าจ้างล่วงหน้าพี่คิดว่าได้ไหมคะ?”
ซูหงขมวดคิ้ว
เธอหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เรื่องนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรอก คุณรีบใช้มากเหรอ?”
ถังลั่วเหยากัดฟันแล้วพูดว่า”ค่ะ”
“เอาอย่างนี้นะเดี๋ยวฉันจะลองไปถามให้ แต่ตามปกติแล้วค่าจ้างจะถูกจ่ายหลังจากที่ปิดกล้องแล้ว หากสามารถเบิกล่วงหน้าได้ฉันจะให้พวกเขาเบิกล่วงหน้าให้คุณก่อน”
ซูหงใช้คำพูดที่ค่อนข้างเป็นทางการกับเธอ แต่ถังลั่วเหยาก็รู้สึกประทับใจมากแล้ว
เธอรีบพูดขึ้นว่า “ได้ค่ะขอบคุณพี่มากจริงๆ”
“อืม”
หลังจากวางสายลง ถังลั่วเหยาก็เอามือกุมหน้าอกของตัวเองเธอจึงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นกว่าเดิมหน่อย และเดินเข้าไปด้านใน
ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากที่ซูหงวางสายลง เธอก็บอกเรื่องนี้กับเสี่ยวเหอ
เสี่ยวเหอฟังจบก็รู้สึกประหลาดใจ
เธอคิดว่าถังลั่วเหยาอาจจะมีเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนหลักของละครเรื่องนี้คืออานหนิงกั๋วจี้ ซิงฮุยเป็นบริษัทในเครือเท่านั้น เรื่องนี้เธอเองก็ไม่อาจตัดสินใจได้
ตอนนี้จิ่งหนิงไม่ได้ดูแลเรื่องของอานหนิงกั๋วจี้แล้ว อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนรวม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดให้จิ่งหนิงฟัง และยื่นใบเสนอไปทางบริษัทโดยตรง
วันที่สอง ผลการยื่นเสนอก็ออกมา
อีกฝ่ายหนึ่งตอบรับว่าไม่สามารถเบิกเงินล่วงหน้าได้ เนื่องจากทางบริษัทไม่มีกฎเกณฑ์นี้ เธอเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ถังลั่วเหยารู้สึกผิดหวังมาก
แต่เธอก็รู้ดีว่าการที่ซูหงยอมช่วยเธอขนาดนี้ก็นับว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ดังนั้นแม้จะผิดหวังอยู่บ้างแต่เธอก็เอ่ยขอบคุณจากใจจริง
เมื่อกลับมายังกองถ่าย ช่วงเช้าจิตใจของเธอก็ล่องลอย
เดิมทีเธอไม่ค่อยถูกสั่งคัทเท่าไหร่ แต่เนื่องจากในวันนี้จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผู้กำกับจึงได้สั่งคัทหลายต่อหลายครั้ง
เนื่องจากจำนวนครั้งค่อนข้างมากผิดปกติ คนอื่นๆจึงได้พากันวิพากษ์วิจารณ์
ด้านผู้กำกับเองก็เริ่มหมดความอดทน
เขาเดินออกมาจากด้านหลังหน้าจอ และพูดว่าวันนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่าดูเหมือนมีปัญหาอะไรในใจ? ทำไมไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเลย?”
ถังลั่วเหยาส่ายหัวแล้วกัดริมฝีปากตัวเอง
ขณะนั้นเองเธอก็กัดฟันพูดขึ้นว่า “ผู้กำกับคะ ฉันขอโอกาสอีกสักครั้งหนึ่งนะฉันอยากจะลองดูใหม่”
ผู้กำกับขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เธอ
ต่อให้เขาจะงี่เง่าขนาดไหนก็มองออกว่าในวันนี้ถังลั่วเหยามีปัญหาแน่นอน สภาพแบบนี้ต่อให้พยายามขนาดไหนก็ถ่ายออกมาได้ไม่เป็นดั่งที่ต้องการ
สุดท้ายแล้วเขาจึงบอกมือแล้วพูดว่า “เอาเถอะ ผมว่าวันนี้คุณก็เหนื่อยแล้วกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะมีเรื่องอะไรก็ไปจัดการให้เรียบร้อย ฉากที่คุณต้องถ่ายในวันนี้พรุ่งนี้ค่อยถ่ายใหม่”
จากนั้นก็กำชับผู้ดูแลฉากว่า “ไปเรียกซูฉินมา วันนี้ถ่ายฉากของเธอก่อน”
“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
ผู้กำกับกลับไปนั่งที่หน้าจอเหมือนเดิม ผู้รับผิดชอบไปเรียกซูฉิน ไม่นานต่อมา ฉากต่างๆก็ถูกแทนที่เข้าด้วยฉากของซูฉิน
ถังลั่วเหยายืนอยู่ตรงนั้นเธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
เธอรู้ดีว่าสภาพของเธอในวันนี้แย่มาก แม้ว่าเธอจะพยายามเต็มที่แล้วแต่ก็ยังทำได้ไม่ดี
เมื่อเห็นซูฉินเดินเชิดหน้าเข้ามา เธอก็ทำได้เพียงถอยห่างออกไป
เมื่อผู้กำกับเห็นท่าทางเหม่อลอยของเธอแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วพูดว่า “จิตใจของเราจะทำหลายอย่างในขณะเดียวกันไม่ได้ ถ้าตอนนี้คุณมีเรื่องต้องจัดการก็ไปจัดการเรื่องของคุณให้เรียบร้อยก่อน เรื่องถ่ายละครไม่ได้ทำเสร็จแค่วันสองวัน รอให้คุณจัดการธุระเรียบร้อยแล้วค่อยถ่ายใหม่ก็ได้”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจค่ะ ขอบคุณผู้กำกับมาก” หลังเธอเดินทางออกจากกองถ่าย และกลับไปยังโรงแรมที่กองถ่ายได้เช่าเอาไว้ เธอก็อาบน้ำแล้วนอนอยู่บนเตียงมองไปยังโทรศัพท์
ในสมองของเธอสับสนมากตอนนี้เธอไม่รู้จริงๆว่าจะไปหาใคร
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดขอความช่วยเหลือจากจิ่งหนิง และรู้ดีว่าเงินเท่านี้สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
แต่เธอก็ยังมีศักดิ์ศรีในตัวเอง รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองดีช่ายสี่ เป็นพวกคนหน้าด้านขนาดไหน ตัวเธอโชคร้ายอยู่คนเดียวก็พอแล้วเธอไม่อยากลากเพื่อนเข้ามาซวยด้วย
ถ้าเธอไม่ถึงขีดสุดจริงๆวิธีการยืมเงินเพื่อนคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นว่าเป็นสายจากเฟิงยี่
เธอก็รู้สึกประหลาดใจมาก
คนคนนี้ ไม่ติดต่อกับเธอมาแปดร้อยปีเห็นจะได้ ตอนนี้โทรมาหาเธอทำไมกัน?
เธอไม่อยากรับสายจึงได้วางสายลงอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสียการที่เขาติดต่อมาคงไม่เป็นเรื่องดีอะไร
ตึกตรงข้าม เฟิงยี่ที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหาร เขากำลังรอให้หญิงสาวรับโทรศัพท์แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกตัดสายลง!
เธอวางสายเขา!
เฟิงยี่จ้องมองไปที่หน้าจอมือถือด้วยความโมโห!
ผู้หญิงคนนี้! กล้าดียังไงวางสายเขา!
เขาเฟิงยี่เดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้หญิงคอยประจบประแจง มีแต่เธอเท่านั้นที่ทำแบบนี้กับเขา
นิสัยแบบนี้! มันแย่มากจริงๆ!
เขากัดฟันกรอดๆ หลังจากนั้นก็ส่งข้อความไปหาเธอ
“กล้าวางสายผมเหรอ? อยากตายหรือไง?”
ถังลั่วเหยาดูข้อความที่เขาส่งมาแล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น
เธอตอบกลับไปเพียงคำเดียวว่า “หึ!”
เฟิงยี่จินตนาการได้ถึงท่าทางอันดูถูกของผู้หญิงจากปลายสาย
เขาขบฟันด้วยความโกรธ
จากนั้นลองดูโทรศัพท์มือถือแล้วหัวเราะด้วยความเยือกเย็น
“ก็ได้เอาอย่างนี้ใช่ไหม ไม่ช้าก็เร็วคุณต้องตกอยู่ในกำมือผม!”