บทที่ 380 ความทุกข์ใจที่พูดไม่ได้
ผ่านไปอีกหลายวัน ช่ายสี่โทรมาหาเธอหลายต่อหลายครั้งเพื่อทวงเงินจากเธอ
ถังลั่วเหยารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว บางทีเธอไม่อยากจะไปสนใจเขา แล้วปล่อยให้เขาเปิดโปงไปซะ!
ต่อให้เธอชื่นชอบการแสดงและอยากเป็นดารามากเท่าไร แต่เธอก็ไม่ต้องการแล้ว ทุกสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้จะหายไปหมดก็ช่างมัน!
แต่ตอนนี้แม่ของเธอยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล หัวใจของเธอช่างเจ็บปวด ความคิดที่จะจบเห่ไปพร้อมๆกับเขาจึงได้สงบลง
เธอจะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด!
ถ้าแม้แต่เธอเองก็ล้มลง แล้วแม่จะทำอย่างไร?
ในขณะนั้นเอง เธอก็ได้รับสายจากซูหง
ซูหงก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา คนที่พูดจริงทำจริงนั้นไม่เคยจะอ้อมค้อมอยู่แล้ว
เมื่อรับสายขึ้น จึงได้พูดออกมาตรงๆว่า “คุณต้องการเงินจริงๆใช่ไหม?”
ถังลั่วเหยารีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ”
“ก็ได้ พรุ่งนี้ที่เมืองศตวรรษมีงาน มีนักแสดงใต้ความดูแลของเพื่อนฉันจะเดินทางไป ไม่ใช่จากบริษัทซิงฮุย เป็นของบริษัทอื่น
ฉันบอกกับพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อถึงเวลาจะพาเธอไปด้วย เงินอาจจะไม่มากนัก แต่หลังจากเสร็จงานจะต้องไปกินข้าวกับพวกเขาด้วย มีปัญหาอะไรไหม?”
ถังลั่วเหยารีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะแจ้งไปนะ”
“ค่ะ ขอบคุณพี่ซูหงมากๆ”
หลังวางสายลง ถังลั่วเหยาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก”
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้ตนจะได้เงินก้อนหนึ่ง เธอก็วางใจลงบ้างนิดหน่อย
วันต่อมา ถังลั่วเหยาลาหยุดกับกองถ่ายหนึ่งวัน เพื่อเดินทางไปสถานที่จัดงาน
มันเป็นงานโชว์รูมรถนั่นเอง นางแบบที่มาออกงานล้วนเป็นพวกนักแสดงระดับเจ็ดแปด
คนเหล่านี้หากเรียกให้น่าฟังก็คือนักแสดง หากเรียกให้ไม่น่าฟังนักก็คือพวกเตร็ดเตร่แถววงการบันเทิงนั่นเอง
นางแบบเหล่านี้ส่วนมากมักจะหน้าตาดี รูปร่างเด็ด เพียงแต่ขาดโอกาสเท่านั้น ดังนั้นแม้พวกเธอจะรู้ดีว่างานโชว์รถแบบนี้ไม่ธรรมดา แต่พวกเธอก็ต้องพยายามดิ้นรนแย่งกันมา
ก่อนหน้านี้ซูหงก็ไม่ใช่ผู้จัดการที่มีชื่อเสียงอะไรนัก ต่อมาเธอได้ผลักดันนักแสดงหลายคนให้มีชื่อเสียงได้ ดังนั้นจึงได้มาอยู่ที่ฮุยซิง
ตอนนี้ดาราในความดูแลของเธอนอกเหนือจากถังลั่วเหยาที่อยู่ในระดับสองแล้ว คนอื่นๆล้วนเป็นดาราหน้าใหม่
ถังลั่วเหยาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับซูหงอย่างไร แต่ก็น่าจะรู้จักกัน
ซูหงเองก็บอกว่าเป็นงานของเพื่อนเธอ นางแบบพวกนี้แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียง แต่การที่ได้งานโชว์รูมรถก็นับว่าเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้
เนื่องจากในสถานการณ์แบบนี้ ผู้หญิงสวยๆที่อยากจะเข้าวงการมีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คนที่ได้รับคัดเลือกกลับมีไม่มาก ดังนั้นการที่มีโอกาสจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด
ที่จริงถังลั่วเหยาไม่ชอบงานแบบนี้เลย แต่ตอนนี้เธอจะมัวมาเลือกงานก็ไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลังเวทีแล้ว เธอก็เดินออกมาพร้อมกับทุกคน
เนื้อหาของงานค่อนข้างจะเรียบง่าย เพียงแต่ถังลั่วเหยานั้นไม่สูงเท่าไหร่ เธอสูงเพียง163cm หากเทียบกับคนทั่วไปอาจไม่เตี้ย แต่สำหรับนางแบบแล้วเธอจัดว่าเตี้ยทีเดียว
หลังจากที่แต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว ช่างแต่งตัวจึงหารองเท้าส้นสูงถึง12cmให้เธอใส่ ส้นนั้นทั้งเรียวและเล็ก
เธอสวมใส่มันมาทั้งวัน จนขาทั้งสองข้างเจ็บปวดรวดร้าว
แต่เมื่อนึกถึงเงินหนึ่งแสนหยวน เธอก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า จึงได้กัดฟันทนต่อไป
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ เมื่องานในช่วงบ่ายจบลง เจ้าหน้าที่ก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพูดว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งกลับนะประธานเฉินและประธานหวงได้จัดงานเลี้ยงเอาไว้ให้ทุกคน ไปกินข้าวกัน”
ถังลั่วเหยาชะงักลง
แต่ซูหงบอกกับเธอไว้แล้วว่าหลังจากจบงานจะต้องไปกินข้าวด้วยกัน
แต่เธอเห็นว่ามีนางแบบมากมายหลายคน น่าจะสิบกว่าคนเห็นจะได้ คงไม่จำเป็นต้องไปทุกคนหรอก ดังนั้นเธอจึงตั้งใจจะปฏิเสธ
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือมีนางแบบคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาว่า
“พี่หวังคะ วันนี้ฉันปวดท้อง ไม่ไปได้ไหม?”
คนที่ถูกเรียกว่าพี่หวังหัวเราะหึๆ “เงินค่าจ้างวันนี้จะเอาไหม?”
หญิงสาวคนที่ถามคำถามนั้นออกมาอายจนหน้าแดง เธอกัดฟันไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก
จนกระทั่งพี่หวังเดินจากไป เธอจึงได้ถอนหายใจออกมา
ทุกคนพากันบ่นระนาว แต่ก็ไม่มีคนพูดอะไรอีก
ถังลั่วเหยามองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังว่า “ทำไมพวกเขาถึงต้องให้เราทุกคนไปกินข้าวด้วยล่ะ?ไปกินที่ไหนกัน?”
คนที่เธอถามนั้นเคยทำงานนี้มาก่อน จึงนับว่ารู้เรื่องราวเหล่านี้ดี
เธอมองมาที่ถังลั่วเหยาแล้วถามว่า “มาครั้งแรกเหรอ?”
ถังลั่วเหยาพยักหน้าตอบรับ
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ทำตัวฉลาดๆหน่อย ที่จริงอาชีพอย่างพวกเรา บางทีก็ต้องเปิดหูเปิดตาให้สว่าง สมองต้องแล่นให้ทัน ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ต่างคนล้วนออกมาหาความสุข ไม่มีใครอยากบังคับใคร”
ถังลั่วเหยาตกตะลึงทันที เธอฟังคำพูดเหล่านั้นแล้วขมวดคิ้วขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ว่าไปก็แปลก พวกเรามางานนี้ก็เพื่ออยู่รอด ไม่แปลกอะไร แต่เธอเป็นถึงดาราสาวจะไปด้วยทำไมกัน? ขาดแคลนเงินหนึ่งแสนหยวนงั้นเหรอ?”
ถังลั่วเหยาส่ายหัวแล้วฝืนยิ้ม
“ฉันก็แค่มาดูน่ะ ไม่เคยทำมาก่อน อยากเก็บประสบการณ์”
ผู้หญิงคนนั้นฟังจบก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆ เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเก็บประสบการณ์ของเธอให้ดีล่ะ!”
พูดจบก็หันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
ถังลั่วเหยายังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอทำตัวไม่ถูก เหตุผลของเธอนั้นมีเพียงเธอคนเดียวที่รู้ คนนอกไม่จำเป็นต้องรับรู้ด้วย ดังนั้นเธอจึงเดินตามออกไป
สถานที่กินข้าวตั้งอยู่ในร้านในเมือง เป็นโรงแรมที่หรูหรามากทีเดียว
ถังลั่วเหยาลงจากรถมาตามทุกๆคน แล้วเดินเข้าไปด้านใน
เธอสวมใส่ชุดของตัวเอง เป็นชุดลำลองสีขาว แต่มองไปแล้วก็สดชื่นสบายตา ค่อนข้างจะโบราณสักหน่อย
ที่จริงเธอตั้งใจสวมใส่ชุดแบบนี้
เนื่องจากในสถานการณ์เช่นนี้ เธอควรจะสวมชุดให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะอันตราย
คนที่พาพวกเธอมานั้นก็คือพี่หวัง เขามองมาทางเธอด้วยท่าทางเบื่อหน่ายแล้วขมวดคิ้วขึ้น
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาพาทุกคนขึ้นไปยังห้องโถงใหญ่ ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าห้องVIP
แม้จะปิดประตูอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงเพลงดังครึกครื้นจากด้านใน
มีพนักงานบริกรเปิดประตูให้กับพวกเธอ กลิ่นบรรยากาศจากด้านในลอยออกมาปะทะจมูก
ถังลั่วเหยาเอามือขึ้นปิดจมูก พี่หวังเดินตรงเข้าไปแล้วยิ้มพูดว่า “ขอโทษทีครับ รถติดเลยมาช้าไปหน่อย”